xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อทักษิณตัดใจเลือกชัยเกษม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ผมคาดการณ์ว่าตัวเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมาจากพรรคเพื่อไทยต่อจากเศรษฐา ทวีสิน ทักษิณน่าจะเลือกลูกสาวของตัวเองคือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เพราะเชื่อว่าทักษิณจะต้องเลือกคนที่เขาสามารถกำกับได้ง่าย แต่แล้วผมก็หน้าแตกคาดผิดถนัด เพราะตัวเลือกของพรรคก็คือ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนของพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกโล่งใจเมื่อนึกถึงการที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีชื่ออุ๊งอิ๊ง เมื่อนึกถึงวันที่อาสาวของเธอคือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว

การที่ทักษิณไม่เลือกอุ๊งอิ๊งก็คงประเมินแล้วว่า ลูกสาวของตัวเองยังไม่มีความพร้อมจริงๆ หรือคุณหญิงพจมานไม่ยอมอย่างที่ว่ากัน แต่โชคดีที่ยังมีตัวเลือกอื่นที่เป็นคนของพรรคที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไว้เต็มโควตาทั้งสามคน

ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่นๆ นั้น ผมไม่เชื่ออยู่แล้วว่าจะเป็นไปได้ เพราะอย่างไรเสียทักษิณก็ต้องเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และสุดท้ายก็เป็นชัยเกษมพรรคการเมืองอื่นนั้นไม่มีอำนาจอะไรจะมาต่อรองกับพรรคเพื่อไทย เพราะสถานการณ์การเมืองนี้บีบให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือกันเพื่อสกัดกั้นพรรคประชาชน

ชื่อของชัยเกษมถูกเปิดเผยออกมาทันทีในช่วงเย็นหลังจากทักษิณเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้เศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาไม่นานไม่รู้ว่า ณ เวลานั้นทักษิณได้มีเวลาแสดงความเสียใจกับเศรษฐาบ้างแล้วหรือยัง

ชัยเกษมเป็นที่รู้กันว่า เคยมีตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดมาก่อนจะเข้ามาสู่การเมือง ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 และมีข่าวมาตลอดว่า มีสุขภาพที่ไม่ดีนัก

ข่าวที่ออกมาตอนแรกบอกว่าชัยเกษมมีความสัมพันธ์กับคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เศรษฐาพ้นจากตำแหน่งอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นอัยการสูงสุดในยุคที่สั่งไม่ฟ้องพิชิต ชื่นบาน ในคดีถุงขนม ตามที่มีคนออกมาให้ข่าว แต่ตรวจสอบแล้วพบว่า การสั่งไม่ฟ้องเกิดในสมัยจุลสิงห์ วสันตสิงห์

แต่ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ฟ้องร้องทักษิณและยังเป็นหนึ่งในฐานะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ร่วมทำคำวินิจฉัยเรื่องเสร็จที่ 568-569/2549 เกี่ยวกับโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวรวมทั้งสั่งไม่ฟ้องการทุจริตในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ในขณะที่ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดได้รับตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)กรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบบริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)และเคยดำรงตำแหน่งอีกหลายตำแหน่งเช่น ประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์คณะกรรมการคดีพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการตรวจสอบบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม

ชัยเกษมได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ชัยเกษมโตมากับครอบครัวของทหารมีพ่อเป็นเจ้ากรมพระธรรมนูญ มีพี่ชายและน้องชายจบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. และมีพี่สาวที่เป็นนายทหารพระธรรมนูญ ในวันก่อนที่ คสช.จะยึดอำนาจชัยเกษมเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ประกาศจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง จนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยึดอำนาจในที่สุด

ปีนี้ชัยเกษมนั้นอายุ 76 ปีแล้ว น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุดนับจากวันแรกที่รับตำแหน่ง และเป็นนายกรัฐมนตรีสูงวัยในวันที่กระแสสังคมกำลังเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมือง และพรรคของคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชนกำลังมาแรง

จากนี้มีเวลา 3 ปีที่ชัยเกษมจะเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนกลับมาให้กับพรรคเพื่อไทย หลังจากพ่ายแพ้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมา น่าสนใจว่า นักกฎหมายเสือเฒ่าที่ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจจะนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยและตกต่ำอย่างไร และจะฝ่ากระแสคลื่นเชี่ยวกรากของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐอย่างไรเขาจะมีความคิดเท่าทันโลกสมัยใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงหรือไม่

ผมเชื่อว่านโยบายดิจิทัล วอลเล็ตที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่สัญญาไว้กับประชาชนจะต้องเดินต่อ แต่ชัยเกษมในฐานะนักกฎหมายจะเปลี่ยนแปลงแนวทางอย่างไร เพื่อไม่ให้เสี่ยงกับการที่อาจจะกระทำผิดต่อกฎหมายและต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางอย่างที่หลายคนเป็นห่วง

ที่น่าสนใจก็คือ ชัยเกษมจะยอมให้ทักษิณเจ้าของพรรคทำตัวเป็นนายกรัฐมนตรีหลังม่านหรือไม่ เพราะทักษิณน่าจะต้องถือดีลสำคัญอยู่คือการรับมือกับพรรคประชาชนและสกัดกั้นไม่ให้พรรคประชาชนเข้ามาเป็นรัฐบาล ดังนั้นทักษิณต้องวางกลยุทธ์เพื่อเป้าหมายที่ชนะการเลือกตั้งในปี 2570 หากการเลือกตั้งเป็นไปตามวงรอบของมันซึ่งต้องทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาอยู่ในความนิยมให้ได้ โดยทักษิณเพิ่งพูดถึงเป้าหมายว่าจะต้องได้ถึง 200 เสียง

ในขณะที่ใครต่อใครเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้านั้นพรรคประชาชนจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ไม่ว่าจะชนะได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ แต่พรรคประชาชนก็จะชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 เช่นเดียวกับปี 2566 อย่างแน่นอน และน่าจะได้เสียงมากกว่าเดิม

และแน่นอนว่าคนที่รายล้อมชัยเกษมก็ต้องเป็นคนที่ทักษิณไว้ใจและวางมือไม้เอาไว้รอบตัวแบบเดียวกับรัฐบาลเศรษฐา ซึ่งเราตั้งคำถามว่า เศรษฐามีอำนาจที่แท้จริงในมือหรือไม่ ชัยเกษมจะวางตัวและบทบาทของตัวเองอย่างไร ในขณะที่เศรษฐานั้นเลือกที่ใช้เวลาไปกับเดินสายไปต่างจังหวัดและต่างประเทศ เหมือนกับไม่กังวลในภารกิจของนายกรัฐมนตรีมากนัก

จากนี้ก็ต้องจับตาดูความสัมพันธ์ระหว่างชัยเกษม ในบทบาทนายกรัฐมนตรีกับทักษิณที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ชัยเกษมจะสามารถทำงานเป็นอิสระได้หรือไม่ จะมีความสามารถมากพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ที่วิกฤตทั้งทางด้านการเมืองเศรษฐกิจ และสังคมหรือไม่ จะเรียกคะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทยกลับคืนมาได้หรือไม่ หรือยิ่งจะทำให้กระแสถาโถมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารประเทศรุนแรงหนักขึ้นกว่าเก่า และสุดท้ายแล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยคนแรกหรือไม่ที่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ราบรื่นจนครบสมัย

ดูเหมือนสังคมไทยจะไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้ เพราะอีกหนทางนั้นเป็นทางเลือกที่ท้าทายต่ออนาคตของสังคมไทย และกำลังท้าทายต่ออุดมการณ์และระบอบของรัฐจากการนำของพรรคประชาชนที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และคนชั้นกลาง ซึ่งหากพวกเขาได้รับชัยชนะแล้วประเทศไทยอาจจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอย่างที่พวกเขาตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ก็อาจจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในสังคมไทย

อีกทางเลือกหนึ่งก็ต้องอยู่กับทักษิณและพรรคของทักษิณนี่แหละ เพราะทางเลือกอื่นของฝ่ายอนุรักษนิยมที่บางคนโหยหาลุงตู่นั้นไม่น่าจะเป็นหนทางที่วนกลับมาได้อีกแล้ว

อย่างน้อยก็ต้องคิดเสียว่าเมื่อตัวเลือกของทักษิณเป็นชัยเกษมก็น่าจะดีกว่าอุ๊งอิ๊ง เพราะชัยเกษมก็เป็นนักกฎหมายที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ มองโลกในแง่ดีว่าสิ่งที่เขายึดถือก็น่าจะเป็นความถูกต้องและยุติธรรมเป็นสำคัญในบั้นปลายของชีวิต
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 
 


กำลังโหลดความคิดเห็น