ศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียง 5-4 ให้เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ผิดจริยธรรม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า พิชิต ชื่นบานนั้นมีพฤติกรรมเช่นไร ดั้งนั้น คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นตำแหน่งไปด้วยก็ต้องรอดูว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่จะมีใครบ้าง
ความจริงเศรษฐานั้นมีทุนเดิมอยู่แล้ว 3 เสียงก็คือ คนที่บอกว่า ไม่รับเรื่องไว้พิจารณาคือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อุดม รัฐอมฤต สุเมธ รอยกุลเจริญ ซึ่งแสดงว่า 3 คนนี้มองว่าไม่มีความผิดแน่ แต่เมื่อลงมติมีการเพิ่มมาอีก 1 คนที่บอกว่าไม่ผิดก็คือนภดล เทพพิทักษ์
ส่วนที่บอกว่ามีความผิด 5 คน คือ ปัญญา อุดชาชน อุดม สิทธิวิรัชธรรม วิรุฬห์ แสงเทียน จิรนิติ หะวานนท์ บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ซึ่งเป็น 5 ใน 6 เสียงที่ให้รับเรื่องไว้แต่แรก แต่ในมติที่ว่า ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นภดลและบรรจงศักดิ์ ไปรวมกับ 3 เสียงที่ไม่รับเป็น 5-4 ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อลงมติว่าผิดไม่ผิดบรรจงศักดิ์กลับมายืนข้างที่มีมติว่าผิด
ผมเองก็คาดการณ์ไว้แล้วเช่นนั้น หากใครติดตามในเฟซบุ๊กของผมก็จะทราบว่าผมได้ฟันธงไว้แล้วล่วงหน้าว่าจะไม่รอด เพราะผมเห็นว่าไม่มีทางอธิบายได้เลยว่า ทำไมคนที่มีพฤติกรรมอย่างพิชิต ชื่นบาน เป็นที่รับรู้ของวิญญูชนโดยทั่วไปนั้น จึงยังควรจะมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี
การแต่งตั้งพิชิตเป็นรัฐมนตรีนั้น ใครต่อใครก็เชื่อว่าน่าจะเป็นใบสั่งมา เพราะเจ้าของพรรคมีคุณสมบัติที่ดีคือ ใครทำประโยชน์ให้เขาก็จะได้รับการตอบแทน เศรษฐาเองก็น่าจะรู้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วแหละว่า พิชิตอาจจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติจึงไม่มีรายชื่อในการแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งแรก แต่สุดท้ายแล้วก็คงจะมีคำสั่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ลงมา
พูดตรงๆ ว่า เห็นใจเศรษฐา เพราะรู้กันอยู่ว่าใครเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้มีการวิเคราะห์กันหลากหลายว่า หากเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจากรายชื่อที่มีอยู่ หลายคนเพ่งเล็งไปที่อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย แต่ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าทักษิณจะปล่อยให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตกไปอยู่ในพรรคการเมืองอื่น เพราะทักษิณยังมี “ดีล” ที่จะต้องปฏิบัติตามเป้าหมายสำคัญของทักษิณก็คือ ป้องกันไม่ให้พรรคประชาชนได้อำนาจรัฐโดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ต้องจับมือกันตลอดไป เพื่อรับมือกับความร้อนแรงของพรรคประชาชนที่ท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ
ดังนั้น ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใครคนหนึ่งระหว่างแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยที่เหลือ 2 คน คือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร และชัยเกษม นิติสิริ
ถ้าให้ผมฟันธง ณ เวลานี้ ผมเชื่อว่า ทักษิณ จะเลือกอุ๊งอิ๊งลูกสาวของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะทักษิณจะสามารถวางแนวทางและกลยุทธ์ผ่านลูกสาวของตัวเองได้ง่ายกว่าคนอื่น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หากจำกันได้ในการประชุมพรรคเพื่อไทยตอนเย็นที่ทักษิณเดินทางมาร่วมประชุมพรรค ซึ่งอุ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคไม่ได้มาร่วมประชุม เพราะเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีนกับหลักสูตรมินิ วปอ. เมื่อนักข่าวถามทักษิณ ทักษิณตอบผู้สื่อข่าวแบบทีเล่นทีจริงว่ามาร่วมประชุมเพราะหัวหน้าพรรคมีหน้าเหมือนกับตัวเอง
จากด้านบนที่กล่าวมาแล้วและเชื่อกันว่าทักษิณยังมี “ดีล”ที่จะต้องปฏิบัติตามเป้าหมายสำคัญของทักษิณก็คือ ต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันนี้มีเสียงรวมกันเกินครึ่งหนึ่งเหมือนเดิมในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคประชาชนชนะสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่ถ้าถามว่า สามารถทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 นั้น ผมคิดว่าเป็นหนทางที่ยาก แม้ว่าทักษิณอาจจะยังหวังว่าอาจจะชนะได้ก็ตาม
ส่วนการยุบสภาฯ แม้ว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจทำได้ ผมคิดว่าประตูนี้ปิดไปเลย เพราะถ้าเลือกตั้งตอนนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่พรรคประชาชนจะได้รับการเลือกตั้งเป็นจำนวนมากกว่าเดิม และสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุการณ์แลนด์สไลด์ขึ้นมา
หนทางเดียวของทักษิณที่มีก็คือ ต้องใช้เวลา 3 ปีที่เหลือจากนี้เพื่อเรียกความนิยมจากประชาชนกลับมาให้ได้ ดังนั้นผมเชื่อว่า ทักษิณต้องเลือกอุ๊งอิ๊งลูกสาวของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี และทักษิณจะทำตัวเป็นรัฐบาลเงากำกับอยู่ข้างหลัง ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นคนอื่นไปได้ไม่ว่าจะมีนโยบายอะไรที่สามารถซื้อใจประชาชนได้ก็ต้องผลักดันออกมาให้หมด รวมไปถึงนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตซึ่งเป็นนโยบายของพรรคก็ต้องเดินต่อ
แถมอีกไม่กี่วันทักษิณจะพ้นโทษได้รับใบบริสุทธิ์ สามารถออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองได้มากขึ้น แม้จะไม่สามารถตั้งทักษิณออกมาเสนอหน้าอย่างชัดเจนได้ เพราะไม่นั้นก็อาจจะโดนข้อหาแบบเศรษฐาที่ตั้งคนที่เคยกระทำผิดติดคุกมารับตำแหน่งในรัฐบาล แม้ว่ารัฐธรรมนูญอาจจะไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของตำแหน่งนั้นแบบตำแหน่งรัฐมนตรีก็ตาม เพราะจะสุ่มเสี่ยงเรื่องความมีจริยธรรมที่นายกรัฐมนตรีต้องยึดถือ แต่ทักษิณก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงอยู่หลังม่านนั่นเอง
แต่คนที่ไม่เชื่อว่า อุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกรัฐมนตรีพากันมองว่าคุณหญิงพจมานแม่ไม่อยากให้ลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนี้ เพราะยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอ แต่ผมคิดว่าถึงตอนนี้สถานการณ์จะบีบบังคับ เพราะยังไงเสียพรรคเพื่อไทยก็จะต้องยึดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอาไว้ในมือ เพื่อจะผลักดันนโยบายของตัวเองต่อไป และเป้าหมายสำคัญที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นก็คือ การต่อสู้กับพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้นไม่น่าจะปล่อยให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลุดมือไปอยู่ในพรรคการเมืองอื่นอย่างแน่นอน และไม่คิดด้วยว่า พรรคการเมืองอื่นจะมีอำนาจอะไรมาต่อรองกับทักษิณ เพราะไม่สามารถพลิกไปจับมือกับพรรคประชาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้
และถ้าปล่อยให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปอยู่ในมือของอนุทินก็เหมือนกับติดปีกให้พรรคภูมิใจไทย ที่อีกด้านก็เป็นคู่แข่งทางการเมืองกัน แถมพรรคการเมืองนี้ก็ยังยึดกุมวุฒิสภาอยู่ในมือด้วย ดังนั้นผมไม่เชื่อว่าทักษิณจะยอมอย่างแน่นอน
ผมคิดว่าดีไม่ดีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ครั้งนี้อาจจะมีการดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมด้วย เพื่อโดดเดี่ยวพรรคประชาชนให้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวถ้าไม่นับพรรคเสียงเดียวอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ก็ยืนอยู่ฝั่งรัฐบาลอยู่แล้ว
นับแต่นี้การเมืองไทยจะเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมกับฝ่ายที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่ามีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์อย่างชัดเจน แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า พรรคประชาชนอาจจะยังไม่สามารถชนะได้เสียงข้างมากในเร็ววัน แม้จะมีคนรุ่นใหม่ที่นิยมพรรคนี้เติมเข้ามาเป็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้น แต่อีกไม่นานถ้าฝ่ายอนุรักษนิยมไม่สามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับมาได้ วันหนึ่งชัยชนะก็จะเป็นของพรรคประชาชน
ดังนั้น จากภารกิจและดีลที่ยังมีอยู่ของทักษิณ ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร แม้ผมหวั่นใจมากเมื่อนึกถึงวันที่เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และอยากให้ผมคาดการณ์ผิดก็ตาม
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan