คงยากที่จะเลี่ยงเสียแล้ว สำหรับสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดเมื่อไหร่เท่านั้น
สองสามวันก่อนหน้านี้รัฐบาลเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษได้พยายามชักชวนให้อิหร่านยกเลิกแผนการที่จะโจมตีอิสราเอลเป็นการเอาคืนหลังจากที่ผู้นำปาเลสไตน์ ถูกสังหารในกรุงเตหะรานเมืองหลวงของอิหร่าน
ถือว่าเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยและประกาศสงครามชัดเจนเพราะอิสราเอลบุกเข้าไปสังหารคนในประเทศอิหร่านในช่วงที่ประเทศกำลังเฉลิมฉลองผู้นำคนใหม่
อิหร่านประกาศทันทีว่าจะต้องเอาคืนอิสราเอลแบบสมน้ำสมเนื้อ เพราะจะปล่อยไว้ก็คงจะถูกมองว่าไม่มีความหมาย อิสราเอลไม่ยอมรับหรือปฏิเสธว่าได้ปฏิบัติการนี้แต่ทุกคนก็รู้ดีว่านี่เป็นฝีมือของอิสราเอล
นั่นเป็นเพราะทหารอิสราเอลได้กระทำการอย่างนี้หลายครั้งในประเทศย่านตะวันออกกลางในการสังหารหัวหน้าของกลุ่มคู่แข่ง
เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าอิหร่านจะไม่ยอมเลิกราก็ขึ้นอยู่กับว่าจะลงมือเมื่อไหร่ สหรัฐฯ คงรู้ดีว่าเป็นการยากที่จะไม่ให้อิหร่านตอบโต้อิสราเอล ดังนั้นจึงขนเรือบรรทุกเครื่องบินและกองเรือรบไปอยู่น่านน้ำใกล้อิสราเอลเพื่อให้ความช่วยเหลือเต็มที่
สื่อหลักตะวันตกเชื่อกันว่าอิหร่านเงียบไป และคงไม่กล้าเมื่อเห็นกองทัพสหรัฐฯ เข้ามาประจำการในพื้นที่เมดิเตอร์เรเนียน และใกล้เคียงพร้อมกองเรือบรรทุกเครื่องบินมหาศาล
แต่การกระทำสงครามระดับใหญ่ย่อมต้องใช้เวลาเตรียมการดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลาช่วยเตรียมอาวุธและกำลังคนทั้งความพร้อมเพื่อรับมือกับสหรัฐฯ
สหรัฐฯ ส่งตัวแทนไปเจรจากับหลายประเทศในตะวันออกกลางเพื่อขอให้อิหร่านเลิกที่จะโจมตีอิสราเอล เพราะเกรงว่าสงครามจะขยายตัวไปทั่วภูมิภาคหรือทั่วโลก
อิหร่านในเบื้องต้นไม่จำเป็นต้องใช้กองกำลังของตัวเอง เพราะมีเครือข่ายพันธมิตรล้อมรอบอิสราเอลเช่น ฮูตีในเยเมน กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มมูจาฮีดินในอิรักและกลุ่มจีฮัดในหลายประเทศนอกเหนือจากกองทัพหลักและแกนอักษะต่อต้านอิสราเอล
ดังนั้น อิหร่านไม่จำเป็นต้องลงมือเองช่วงแรกปล่อยบรรดาเครือข่ายเล่นงานอิสราเอลเพื่อให้สิ้นเปลืองอาวุธป้องกันประเทศและทำให้สหรัฐฯ ต้องสิ้นเปลืองอาวุธเช่นเดียวกัน
และก็เป็นการพิสูจน์ว่าสหรัฐฯ เข้าข้างอิสราเอลไม่ว่าจะทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ กระทำผิดกฎหมายอาญาสารพัด และซ้ำร้ายใช้ระบบเหยียดผิวดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในแอฟริกาใต้
วัตถุประสงค์หลักของอิสราเอลคือการสังหารหรือกำจัดชาวปาเลสไตน์ให้สิ้นแผ่นดินที่อิสราเอลครอบครองอยู่ ดังนั้นการสังหารชาวปาเลสไตน์จึงเน้นอยู่ที่ผู้หญิงและเด็กเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในอนาคต
ดังนั้น จึงเป็นความน่าระทึกใจว่าสงครามถ้าเกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะรุนแรงแค่ไหน และสหรัฐฯ จะเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไรรวมทั้งกลุ่มประเทศพันธมิตรในยุโรปซึ่งโดยปกติเข้าข้างอิสราเอลอยู่แล้ว
และคำถามสำคัญก็คือถ้าหากว่าอิหร่านถูกโจมตีโดยสหรัฐฯ แล้วรัสเซียกับจีนจะทำอย่างไร แต่คงไม่วางเฉยแน่
มีข่าวจากนักวิเคราะห์ชี้ว่ารัสเซียได้มอบอาวุธทันสมัยหลายอย่างเช่น ขีปนาวุธแบบทันสมัย ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบเอส 400 ซึ่งถือว่าสุดยอดที่รัสเซียใช้อยู่
ถ้าเป็นจริง หมายความว่ารัสเซียพร้อมจะเผชิญกับสหรัฐฯ ในพื้นที่ตะวันออกกลางเพราะทุกวันนี้กองทัพรัสเซียก็มีอยู่ในซีเรียหน่วยทหารสหรัฐฯ ซึ่งยึดครองบ่อน้ำมันในซีเรียโดยที่เจ้าของประเทศไม่ยอม
ลำพังอิสราเอลแล้วคงสู้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เพราะไม่มีอาวุธเพียงพอ ที่ผ่านมาการโจมตีฉนวนกาซาบ้านเมืองเสียหายไปกว่า 71% ผู้หญิงและเด็กเสียชีวิตเป็นจำนวน 70% ของยอดรวม 90,000 ราย เพราะได้อาวุธจากสหรัฐฯ ต่อเนื่อง
ที่เหลือผู้บาดเจ็บ 90,000 รายเป็นเด็กและผู้หญิงรวมทั้งคนทั่วไปและผู้ลี้ภัยซึ่งอิสราเอลสังหารไม่เลือก
ที่น่าสนใจล่าสุดคือความขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ รัฐมนตรีหลัก 4 รายสายเหยี่ยวต่างมีมุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศคนละทาง แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือการทำลายปาเลสไตน์
นอกจากนั้นประชาชนอิสราเอลยังเดินขบวนขับไล่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ที่ไม่ใส่ใจในการตามตัวประกันมาจากกลุ่มฮามาส แต่เน้นที่จะฆ่าชาว ปาเลสไตน์ เพื่อให้ตัวเองอยู่ในหน้าที่ต่อไปโดยไม่ต้องติดคุกในคดีทุจริต
ต้องรอดูว่าความแตกแยกในกลุ่มรัฐมนตรีสายเหยี่ยวของอิสราเอล จะส่งผลกระทบอย่างไรในศึกกับอิหร่าน และถ้าสงครามเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางกินเวลาแค่ไหน รวมทั้งความเสียหายในกลุ่มประเทศที่ทำสงครามด้วย
ศึกนี้คงไม่มีใครห้ามได้เพราะสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงคือเสือกระดาษไม่มีความหมาย ดังนั้น ก็คงต้องฆ่ากันให้พังกันไปข้างหนึ่งจะได้รู้กันว่าใครเหนือใคร