xs
xsm
sm
md
lg

14 สิงหาฯ ชี้อนาคตประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



วันที่ 14 สิงหาคม คือวันตัดสินชะตากรรมของผู้นำรัฐบาลเศรษฐาเศรษฐี เจ้าของโครงการหลายอย่างมูลค่าหลายแสนล้าน ตัวแทนกลุ่มทุนการเมืองธุรกิจ ส่งผลต่ออนาคต ของประเทศในทันที

เหมือนการเริ่มสตาร์ทออกวิ่งโดยนักกีฬาถ้าหัวหน้ารัฐบาลรอคดี จะเป็นสัญญาณให้โครงการ “ไม่กลับบ้านมือเปล่า” เดินหน้าเต็มที่

ผลที่ว่าวันนั้น ด้านดีแทบไม่มีใครประเมิน มีแต่คนเตือนเรื่องความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและโครงสร้างของประเทศ เพิ่มจำนวนหนี้สิน ภาระระยะยาวสำหรับคนรุ่นต่อไป

ส่วนนักการเมืองคางดำกังฉินกินเมือง ไม่เดือดร้อนหอบเงินค่าหัวคิว หุ้นลม เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งไปเสวยสุขในประเทศหรือต่างประเทศ ถ้าไม่มีคดีอาญา

ยุคนี้มีกลุ่มข้าราชการทรยศต่อประชาชน เงินภาษีแผ่นดินรับใช้โจรการเมืองทุกรูปแบบเพื่อหวังผลประโยชน์จากความก้าวหน้าในตำแหน่งราชการและทรัพย์สินเงินทอง

อภิมหาโครงการหลายอย่างเช่นโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทต่อคน โครงการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์กาสิโนคอมเพล็กซ์ โครงการให้เช่าชาติ 99 ปี และโครงการแลนด์บริดจ์ เสียพื้นที่ 3 แสนไร่ จะทำให้ประเทศไทยแทบไม่เหลืออธิปไตย

โครงการเช่าชาติ 99 ปีผ่านการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมและที่ดินคือหายนะ เป็นการหวังผลจากนักธุรกิจการเมืองคางดำกังฉิน

เดิมพันสูงกินยาวคือการพัฒนาทรัพยากรในอ่าวไทยทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันซึ่งนายทุนสามานย์จ้องจะกินรวบ

นอกจากนั้นนายทุนสามานย์ เจ้าของสัมปทานและระบบเศรษฐกิจกินรวบต่างๆ ยังมีอำนาจเหนือรัฐสามารถควบคุมธุรกิจการค้าปลีก ค้าส่ง ขายพลังงานซึ่งทำให้ระบบชั่วร้ายเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้าเข้ามา

องค์กรอิสระและกระบวนการนิติรัฐนิติธรรมอยู่ในความน่าสงสัย แม้กระทั่งในกรณีผู้นำรัฐบาลว่าจะรอดหรือไม่วันที่ 14 เดือนนี้ก็เป็นประเด็นว่าทุกอย่างจะว่ากันไปอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่

การตีความกฎหมายไปทางไหนก็ได้แล้วแต่ปัจจัยสภาวะแวดล้อมและเงื่อนไข ซึ่งคนทั่วไปถึงแม้จะสงสัยรับรู้ แต่ก็พูดไม่ได้ เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในหลายคดี

ความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมทำให้อำนาจทุนการเมืองและธุรกิจสามานย์ กินรวบประเทศ คนไทยมีแต่หนี้สิน ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านเพราะต้องห่วงปากท้องของตนเอง และความอยู่รอด

การอยู่หรือไปของหัวหน้ารัฐบาลวันที่ 14 เป็นตัวตัดสินชะตากรรมประเทศเช่นกัน ถ้าไม่อยู่ก็หมายถึงความล้มเหลวของโครงการต่างๆ ที่วางแผนไว้จะปล้นชาติปล้นแผ่นดิน

ถ้ายังอยู่โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองและสังคมของประเทศจะมีความหายนะรออยู่ ประเทศชาติอาจจะไม่รอดจากความผุกร่อนของโครงสร้าง เนื่องมาจากการทุจริตคอร์รัปชันหลายทศวรรษนับตั้งแต่ปี 2475

เราได้เห็นชัดว่าคณะรัฐบาลแต่ละชุดที่เข้ามานั้นไม่ได้หวังเพื่อจะช่วยเหลือประเทศและประชาชนให้อยู่ดีกินดี มีแต่การเข้ามามุ่งหวังผลประโยชน์

พรรคการเมืองก็คือบรรดากลุ่มนายทุนการเมืองและธุรกิจเชื่อมโยงประสานความสัมพันธ์เพื่อให้ได้อำนาจและจัดสรรโครงการเพื่อทุจริต เป็นการปล้นชาติปล้นแผ่นดินซึ่งหน้านั่นเอง

กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอยู่ในสภาวะอ่อนล้าขาดความน่าเชื่อถือในเรื่องที่มีข้อกล่าวหาเรื่องการวิ่งเต้นแลกเปลี่ยนผลประโยชน์

เศรษฐกิจของประเทศไทยจึงอยู่ในอันดับบ๊วยในกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะการทุจริตคอร์รัปชันเรื้อรัง การผลัดเปลี่ยนรัฐบาลแบบสมบัติผลัดกันชม ทำกันอย่างไม่ต้องอายฟ้าดิน

คนไทยส่วนหนึ่งเริ่มคิดว่าการต่อสู้ไร้ประโยชน์เหมือนเอาหัววิ่งชนกำแพง เพราะรัฐบาลชั่วร้ายแค่ไหนก็ยังมีอำนาจตามกฎหมายที่จะเล่นงานด้วยคดีสารพัด

สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาไม่มีการติดตามเอาตัวมาลงโทษ แม้จะได้ตัวมาแล้วการลงโทษก็เป็นเหมือนละครลิงแหกตาชาวบ้าน

อนาคตของประเทศไทยจึงดูวังเวง พรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือ มีแต่คนหน้าเดิม ประวัติมัวหมอง จ้องแต่จะช่วยเหลือกันให้พ้นคดี

วันที่ 14 ตัดสินคดีความหัวหน้ารัฐบาลจึงเป็นเรื่องของจิตสำนึก ความรับผิดชอบอนาคตประเทศของผู้เกี่ยวข้อง และจะกำหนดชะตากรรมของประเทศว่าจะเดินหน้าหรือเลี่ยงเส้นทางสู่ความหายนะด้านเศรษฐกิจและสังคม

หรือจะให้คนไทยสรุปผลอีกครั้งว่า “อะไรจะเกิดก็ช่างมัน บ้านเมืองไม่ใช่ของกูคนเดียว” ปล่อยให้การขายชาติเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น