"โสภณ องค์การณ์"
การยุบพรรคก้าวไกลถูกยกให้เป็นเรื่องถกเถียงระดับชาติ สมาชิกและ สส. ของพรรคใช้โอกาสตีข่าวป่าวร้อง อ้างความไม่ยุติธรรม ความไม่เหมาะสม ความดีงามสารพัด แต่ไม่เคยมองตัวเองว่าได้กระทำอะไรไว้ ถึงต้องโดนยุบพรรคถึงสองครั้ง ในกรณีที่ไม่ต่างกัน เหมือนคนไม่จดจำบทเรียน ทำสิ่งเดิมซ้ำซาก
บางพรรคการเมืองถูกรัฐประหารและยุบพรรคถึงสองครั้งผู้นำต้องหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมเดิม สร้างปัญหาเรื้อรัง แม้กระทั่งทุกวันนี้
และสิ่งที่มุ่งหวังของพรรคก้าวไกลคืนชีพ จะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องทำเพื่อผลประโยชน์ต่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ที่ผ่านมา สิ่งที่มุ่งหวังของพรรคก้าวไกล คือการเปลี่ยนแปลงกฎหมายคุ้มครองสถาบันกษัตริย์
นี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับปากท้องของประชาชนหรือความก้าวหน้าเสถียรภาพของประเทศแน่นอน แต่จะเป็นเรื่องสร้างปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มประชาชน
พรรคการเมืองนี้เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งไม่ลึกซึ้งถึงประวัติศาสตร์และความอยู่รอดของประเทศ การดิ้นรนให้อยู่รอดจากสภาวะการเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก
เมื่อไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์และความอยู่รอดของประเทศก็ไม่รู้จักคุณค่าของแผ่นดินที่ตัวเองและบรรพบุรุษได้อยู่รอดตลอดมา ขาดจิตสำนึกของความเป็นชาติ กลายเป็นกลุ่มอันตรายต่อชาติ
จะตั้งพรรคใหม่อีกกี่ครั้งถ้าวัตถุประสงค์เหมือนเดิม ต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบันกษัตริย์ ด้อยค่าสถาบัน ไม่คำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ปลูกฝังลัทธิความเชื่อที่เพิกเฉยต่อความสำคัญของประวัติศาสตร์ ก็จะถูกประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
คนในพรรคนี้มีทั้งคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ใช้โอกาสปั่นหัวเป่าหูคนที่รู้ไม่เท่าทันเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ไม่ใช่คนยุคที่อ่านหนังสือ และต่อสู้ดิ้นรนด้านการศึกษาโดยปราศจากอุปกรณ์ตัวช่วยทันสมัยอย่างปัจจุบัน
การอ้างว่าประชาชนเลือกมาเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่ประกาศยุบพรรคเป็นข้อถกเถียงที่เอาแต่ได้ ถ้าผู้แทนราษฎรที่ประชาชนเลือกมาทำการทุจริตจะไม่ถูกลงโทษได้อย่างไร
กฎหมายย่อมเป็นกฎหมายและสมาชิกรัฐสภาย่อมตระหนักกว่าการละเมิดกฎหมายบ้านเมืองมีโทษ การยุบพรรคก้าวไกลก็เป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง และเป็นพวกที่ไม่จดจำเหตุที่ต้องถูกยุบพรรคครั้งแรก
คำว่าเนรคุณแผ่นดิน หรือขาดจิตสำนึกต่อความเป็นชาติ ไม่ให้ความสำคัญต่อรากเหง้าของความเป็นมาของชาติจึงเป็นข้อกล่าวหาที่หลายฝ่ายมองว่ามีเหตุผล
ดูพฤติกรรมพรรคการเมืองนี้จะเห็นได้ชัดว่าพึ่งพาการสนับสนุนจากต่างชาติ อยู่ในสภาพชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ยอมขอความสนับสนุนจากชาติที่เป็นนักล่าอาณานิคมหวังยึดครองประเทศไทย
ถ้าไม่ใช่เพราะความเฉลียวฉลาด กุศโลบายทางการทูตของพระมหากษัตริย์ประเทศไทยคงไม่รอดจากการเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเป็นพวกตีสองหน้า มือถือสากปากถือศีล จ้องฉกฉวยผลประโยชน์ปล้นทรัพย์สินแผ่นดินจากประเทศที่ด้อยกว่า
กลุ่มประเทศในเอเชียได้พ้นสภาพนี้แล้วแต่กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกากำลังขับไล่ชาตินักล่าอาณานิคมให้ออกไป หลังจากปล้นทรัพย์สินแผ่นดินนานหลาย 10 ปีและบางแห่งนานกว่าหนึ่งศตวรรษ ไม่ยอมปลดปล่อย
การยุบพรรคก้าวไกลดูแล้วก็ไม่ต่างจากพรรคอื่นๆ ที่โดนยุบ เพียงแต่ว่ามีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าพรรคอื่นและมีคนพูดเก่ง มีสำนวนโวหารใช้ภาษาพลิกแพลงเล่นคำเพื่อรักษา ความโดดเด่นของตัวเองเพื่อรักษาความจงรักภักดีของลูกพรรค
คำประกาศตั้งพรรคใหม่ มีหัวหน้าใหม่ ก็หวังว่าจะพิจารณาว่าอะไรเป็นประเด็นสำคัญก่อนหลังสำหรับความอยู่รอดของประเทศไทย โดยเฉพาะปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ หนี้สินครัวเรือนและ หนี้สินประเทศ
พรรคก้าวไกลที่โดนยุบมีผลงานที่โดดเด่นหลายอย่างเช่นการขุดคุ้ยพฤติกรรมคอรัปชั่นในรัฐบาลที่ผ่านมารวมทั้งรัฐบาลปัจจุบัน แต่เงื่อนงำความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทำให้ประชาชนคนรู้ทันไม่ไว้ใจ
ดังนั้นการอ้างเสียง สนับสนุน 14 ล้าน นั้นไม่ได้มีความหมายตราบใดที่เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นเป็นประโยชน์ต่อชาติและความมั่นคงของประเทศ
ผู้เสียสิทธิ์ยาวนาน 10 ปีไม่ต้องรู้สึกเดือดร้อนเพราะประเทศชาติก็ไม่ได้เสียหายอะไร หลายคนเสียสิทธิ์ยังพยายาม ทำลายความมั่นคงของรากฐานประเทศไม่เปลี่ยนนิสัย เพราะมีกลุ่มผู้สูงอายุหลงตัวเองสนับสนุนอยู่
พรรคที่ตั้งใหม่ อยู่ที่ว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นใครและ กรรมาธิการพร้อมแนวนโยบายจะปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ ถ้ายังคิดสร้างผลกระทบต่อสถาบันหลักของประเทศ ก็อาจประสบชะตากรรมแบบเดิม
ประชาชนก็ไม่ได้เห็นสมาชิกพรรคหรือสมาชิกสภาผู้แทนโศกเศร้าเสียใจอะไร ดูจะดีใจที่จะได้ใช้โอกาสสร้างความนิยมในกลุ่มผู้ที่เชื่อว่าพรรคถูกรังแกและกฎหมายไม่เป็นธรรม ใช้โอกาสออกสื่อรักษาอาการหิวแสง
ซ้ำร้ายยังจะประกาศว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนมหาศาลเกินกว่า 250 และอาจจะตั้งรัฐบาลโดยพรรคเดียว ซึ่งจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ต้องไม่ลืมว่าสถานการณ์เปลี่ยน ความคิดคนก็เปลี่ยน กระแสก็เปลี่ยน และช่วงนั้นบ้านเมืองจะอยู่ในสภาพเช่นไรก็จะเป็นตัวตัดสิน เพราะการเมืองไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักการเมืองเท่านั้น
มีองค์กรอื่นๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองหลายครั้งแต่เป็นโชคร้ายของประเทศไทยที่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้นำไปสู่ด้านดี ทุกยุคมีแต่การทุจริตคอรัปชั่น การแสวงหาผลประโยชน์
ยุคนี้ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม นายทุนรายใหญ่คุมอำนาจของประเทศ คุมสื่อมวลชน ข้าราชการบางส่วนกลายเป็นทาสรับใช้การครอบงำและกินรวบธุรกิจ
พรรคการเมืองที่จะเกิดใหม่จากการยุบของพรรคก้าวไกลสามารถแสดงความเก่งฉกาจด้วยการขัดขวางการกินรวบประเทศ แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะทุกพรรคการเมืองต้องการทุน
นักดิ้นรนเคลื่อนไหวก็ต้องการทุน หลายคนหอบเงินหนีออกนอกประเทศ ไม่อยากลำบากต้องติดคุกเพราะตกเป็นเหยื่อของการหลอกล่อของกลุ่มผลประโยชน์ที่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ
ถ้าพรรคใหม่ประกาศจะต่อสู้กับทุนกินรวบ การทุจริตคอรัปชั่น แก้ปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรัง และโครงสร้างความยุติธรรม การปฏิรูปต่างๆ เมื่อตัวเองเป็นรัฐบาลก็จะถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและได้รับความนิยม
ถ้าจะมัวเมาลุ่มหลงกับการทำให้สถาบันหลักของชาติถูกบั่นทอนความมั่นคง คงไม่ไม่พ้นการสร้างปัญหาใหม่ให้กับชาติบ้านเมืองแทนการแก้ปัญหา
และจะเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่าคำอ้าง “ประชาธิปไตย” เป็นเครื่องมือหลอกสังคมบ้องตื้น ด้านการเมืองเท่านั้น