ความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชิงเก้าอี้ทำเนียบขาว รอบใหม่โดยฝีมือเด็กหนุ่มวัย 20 ปีผิวขาวชาวอเมริกันได้เปิดวาระสำหรับการถกเถียงอีกครั้ง
เด็กหนุ่มชื่อ โทมัส แมทธิว ครุกส์ ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายอารักขาสังหารบนหลังคาอาคารที่ตนเองใช้เป็นที่ซุ่มยิง แต่กระสุนพลาดไปถูกปลายหูด้านขวาของทรัมป์
ถือว่ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด อาจจะเป็นเพราะมือปืนวัย 20 ปีไม่มีความแม่นยำพอ ระยะยิงห่างไกลเกินไปสำหรับคนประสบการณ์น้อย แต่ก็ถือว่าฝีมือแม่นยำ จะดีขึ้นถ้าได้มีโอกาสฝึกนานกว่านี้
หรือเป็นเพราะกระแสแรงลมที่ทำให้กระสุนหักเหไปจากเป้าหมายเพียงนิดเดียวเพราะหนุ่มมือปืนไม่มีผู้ช่วยวัดกระแสลมอย่างที่หน่วยซุ่มยิงปฏิบัติการ
สาเหตุจูงใจว่า ทำไมหนุ่มผู้ทำงานเป็นผู้ช่วยในครัวจึงคิดสังหารทรัมป์ ยังต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอและหน่วยความมั่นคงสืบสวนต่อไป
อาวุธปืนที่ใช้เป็นไรเฟิลเออาร์ 15 หรืออย่างบ้านเราเรียกกันว่าปืนเอ็ม 16 ใช้ในกองทัพสหรัฐฯ ข่าวบอกว่าปืนเป็นของบิดาซึ่งตัวมือปืนใช้ซ้อมยิงเป็นประจำ
ต้องถือว่าหนุ่มครุกส์ มีกำลังใจกล้าแข็ง กล้าสังหารคนโดยที่ไม่รู้จักตัวตนมาก่อน แต่นี่ก็เป็นลักษณะของสังคมอเมริกันที่นิยมปืน โดยเฉลี่ยแล้วหนึ่งครอบครัวมีอาวุธปืนประจำบ้านอย่างน้อยสองกระบอก
ความพยายามหลายครั้งที่จะออกกฎหมายควบคุมการใช้อาวุธปืนหรือการเป็นเจ้าของไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะล็อบบี้กลุ่มผู้ผลิตอาวุธปืนมีอิทธิพลเหนือนักการเมืองในรัฐสภาสหรัฐฯ
และกลุ่มผู้ผลิตอาวุธต่างก็เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแก่นักการเมืองอเมริกันทุกยุค ไม่ต่างจากกลุ่มทุนจากองค์กรชาวยิวที่สนับสนุนและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจด้านนโยบายเกี่ยวกับอิสราเอล
สำหรับทรัมป์ ยังคงเดินหน้าหาเสียงต่อไป แต่อาจจะลดระดับการโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดนคู่แข่งหลัก เพราะคาดหมายว่าการถูกลอบยิงครั้งนี้อาจจะได้คะแนนสงสารจากคนอเมริกัน
คดีนี้อาจจะปิดเกมได้ไม่ยากเพราะเด็กหนุ่มก็เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันด้วยกัน และเคยให้เงินสนับสนุนด้วย ประเด็นว่ามีกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยนั้นคงจะไม่ถูกเน้นมากนัก
สำหรับตัวโจ ไบเดน เองก็ออกมาประกาศเสียงดังว่าสังคมการเมืองกันไม่ควรมีการใช้ความรุนแรงในการสังหารนักการเมือง ทั้งที่ในอดีตผู้นำสหรัฐฯ เป็นเหยื่อกระสุนสังหารหลายคน
ทั้งอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี และน้องชาย โรเบิร์ต ในปี 1963 และ 1968 ตามลำดับ แต่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน รอดชีวิตมาได้เพราะกระสุนไม่เข้าจุดสำคัญ
ว่ากันไปแล้วการที่ทรัมป์ รอดมาได้อย่างหวุดหวิด คงต้องมีคนดีใจและเสียใจบ้างเพราะนี่เป็นการชิงตำแหน่งสำคัญที่สุดในโลก เป็นผู้กำหนดชะตากรรมของโลกอีกด้วย
ไม่รู้ว่า โจ ไบเดนคิดอย่างไรแม้จะส่งเสียงขึงขังประณามการลอบสังหารคู่แข่ง ในใจอาจจะดีใจก็ได้เรื่องพรรค์นี้ใครจะไปรู้ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมสารภาพเอง
โจ ไบเดนก็เป็นนักการเมืองมือเปื้อนเลือดตลอดเวลานับตั้งแต่ยุคเป็นสมาชิกสภาคองเกรส ลงมติสนับสนุนการทำสงครามของสหรัฐฯ ในหลายประเทศ โดยไม่คำนึงถึงว่าจะมีคนเสียชีวิต พิการลำบากอย่างไร
ทุกวันนี้โจ ไบเดนไม่เสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวที่กองทัพอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 38,000 รายและมีผู้บาดเจ็บเกือบ 100,000 ราย ขณะที่ตัวเลขจริงมีนิตยสารแลนเซท รายงานว่ายอดรวมน่าจะอยู่ประมาณ 186,000 ราย
นี่รวมถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยตรงจากสงครามและเสียชีวิตโดยอ้อมจากอาการเจ็บป่วย ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และต้องเสี่ยงภัยสุขภาพสารพัด
มีการประเมินว่าถ้ามีผู้เสียชีวิตโดยตรงสงครามหนึ่งรายจะมีผู้เสียชีวิตโดยอ้อม 5 รายดังนั้น ความทุกข์ยากลำบากของชาวปาเลสไตน์ จึงสะท้อนให้เห็นความไร้ศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ของกองทัพอิสราเอลรวมทั้งผู้นำรัฐบาลอิสราเอลด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม โจ ไบเดนก็ยังเดินหน้าเป็นคนมือเปื้อนเลือดต่อไปด้วยการสนับสนุนให้คนยูเครนไปตายในสงครามกับรัสเซีย และส่งอาวุธสารพัดให้อิสราเอลไปสังหารชาวปาเลสไตน์ ทั้งในฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
ส่วนจะมีกรรมตามสนองหรือไม่ก็แล้วแต่เพราะทุกวันนี้โจ ไบเดน แทบสิ้นสภาพสังขาร เสื่อมโทรมมีข่าวว่าเป็นโรคสารพัดเกี่ยวกับความชราภาพรวมถึงขีดความสามารถในการรับรู้ก็มีปัญหา
ความเอ๋อป้ำเป๋อ และความผิดพลาดในการพูดจาเป็นหลักฐานอย่างดีว่ากรรมกำลังไล่ตามทันโจ ไบเดนแล้ว ถ้าพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็ต้องทนรับความอัปยศจนกว่าจะถึงวันตาย
ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คงจะต้องสร้างเวรกรรมต่อไปถ้าชนะการเลือกตั้ง และเป็นผู้นำประเทศจะต้องมีภาระหาเรื่องต่อไป ทั้งสงครามการค้ากับจีนและสงครามด้านอาวุธในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก
ทรัมป์ เป็นผู้สนับสนุนหลักของผู้นำอิสราเอล ดังนั้นจะหวังว่าสงครามในกาซาเลิกเร็วคงเป็นไปได้ยาก แต่สงครามยูเครนอาจจะจบเร็วเพราะทรัมป์ ไม่อยากเปลืองเงินงบประมาณของประเทศ อยากใช้เงินไปปิดกั้นพรมแดนกับเม็กซิโกสกัดผู้ลี้ภัยมากกว่า
รอดูต่อไปว่าการลอบสังหารคนดังในสหรัฐฯ จะได้ตัวกระตุ้นใหม่จากฝีมือของเด็กอายุ 20 ปีหรือไม่ หรือจะมีแรงกดดันให้ควบคุมอาวุธปืนเพราะครั้งนี้คนดังเป็นเหยื่อ