xs
xsm
sm
md
lg

“สันติภาพ”กับ“สงคราม”...ใครแพ้-ใครชนะ???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การนาโต
เปิดฉากสัปดาห์นี้...เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลา “พลิกใบไม้” ในแต่ละใบ คงต้องขออนุญาตชวนไปมอง “ภาพรวม” แห่งความเป็นไปของโลกน่าจะเหมาะกว่า โดยถ้าหากสรุปแบบสั้นๆ-ง่ายๆ และตรงไป-ตรงมา มันก็คือฉากเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่าง “สงคราม” กับ “สันติภาพ” นั่นแหละสหายเอ๋ย ส่วนใครเลือกจะอยู่ข้างไหน? ฝ่ายไหน? ก็น่าจะพอมองเห็นกันได้ไม่ยาก...

เอาแค่การประชุมสุดยอด “NATO” ช่วงครบรอบ 75 ปีเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศอเมริกา นอกจากพวก “พันธมิตรทางทหาร” จำนวน 32 ชาติในยุโรปและอเมริกาเหนือ เห็นว่า...คราวนี้ยังหันไปฉุดออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และนิวซีแลนด์ ให้มาร่วมด้วยช่วยกันอย่างเป็นระบบและกิจการ โดยไม่ว่า “NATO” จะมี “พลังอำนาจมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ตามคำคุยโม้-คุยโตของผู้เฒ่าเอ๋อ “โจ ซึมเซา” ผู้นำอเมริกา หรือมี “เอกภาพสูงสุด” อย่างที่ “นายJens Stoltenberg” เลขาฯ “NATO” หอนรับหรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่ แต่โดยอากัปกิริยา-ท่าทีของ “NATO” คราวนี้ ไม่ว่าในการพูดคุยสนทนาของบรรดาสมาชิกระดับนำ หรือใน “แถลงการณ์ร่วม” ก็น่าจะเป็นไปอย่างที่สื่อทางการของจีน “Global Times” เขาสรุปไว้ในข้อเขียน บทความ บทบรรณาธิการชิ้นล่าสุดเมื่อช่วงวันศุกร์ (12 ก.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า แม้ว่าองค์กรแห่งนี้จะพยายามซ่อนรูป-ซ่อนร่างเอาไว้คล้ายๆ องค์กรเพื่อสันติภาพ เพื่อปิดบังความเป็น “เครื่องจักรสงคราม” ของตัวเองเพียงใดก็ตาม แต่จริงๆ แล้ว... “NATO” ไม่ได้แสดงอะไรให้เห็นถึงความพยายามที่จะเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพในอนาคตเอาเลยแม้แต่น้อย แต่มุ่งที่จะประดิษฐ์สร้างสรรค์ “ศัตรู” และ “วิกฤต” ไม่เพียงแต่ในแนวรบสำคัญๆ เช่นยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง ยังมุ่งหมายที่จะแผ่พังพานเข้ามาใน “เอเชีย-แปซิฟิก” อีกด้วยต่างหาก...

คือไม่เพียงแต่ยุให้ตัวตลก-ตัวแทนอย่างยูเครนเข่นฆ่ากับรัสเซีย ในแนวรบยุโรปตะวันออก ทุ่มเทเงินทองอาวุธยุทโธปกรณ์นับเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์ ไม่ว่ากระสุน รถถัง ปืนใหญ่ ยังรวมไปถึงอาวุธร้ายๆ ประเภทจรวด เครื่องบินโจมตีระดับสามารถใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ฯลฯ ล่าสุดยังคิดจะนำเอา “ขีปนาวุธพิสัยไกล” ไปติดตั้งไว้ในเยอรมนี รวมทั้งคิดจะสร้างเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ในภาคเหนือของโปแลนด์ ติดหน้าต่างบ้านของรัสเซีย เตรียมเงินอีกกว่า 43,280 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครนในปีหน้า ฯลฯ แถมยังหันไป “กัดจีน” หาว่าเป็น “ผู้สนับสนุนที่มีอำนาจชี้ขาด” ให้กับหมีขาวรัสเซียอีกด้วยต่างหาก ชนิดถือเป็นครั้งแรกที่ 32 ชาติพันธมิตรดังกล่าว ร่วมกัน “ด่าจีน” ดังที่ “นายJens Stoltenberg” อดไม่ได้ที่จะหยิบมาคุยใหญ่-คุยโตด้วยความคึกคะนองปากเป็นอย่างยิ่ง...

ในขณะที่ผู้ไม่คิดจะเอาด้วยกับ “NATO” ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม...ต่างวิ่งกันตีนขวิดเพื่อแสวงหา “สันติภาพ” ไม่ว่าจะเป็นเพียงหนึ่งในชาติสมาชิก อย่างนายกรัฐมนตรี “Viktor Orban” แห่งฮังการี ที่พยายามอาศัยสถานะความเป็น “ประธานคณะมนตรียุโรป” (European Council) ซึ่งหมุนเวียนมาถึงเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา แม้มีช่วงระยะเวลาอยู่เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง แต่ยังเพียรพยายาม “เดินสาย” ไปเจอผู้นำยูเครน ผู้นำรัสเซีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อค้นหาหนทางที่ “สั้นที่สุดและเร็วที่สุด” อันอาจนำมาซึ่งสิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” นอกเหนือไปจากนั้น...เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ยังอุตส่าห์ถ่อกระไดไปหาประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ผู้นำจีน ในฐานะผู้ที่เคยอาสาแบบจริงๆ-จังๆ ที่จะนำพาคู่ขัดแย้งอย่างรัสเซีย-ยูเครนมาสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพให้จงได้ รวมทั้งยังได้หันไปขอร้องผู้นำตุรเคีย ประธานาธิบดี “Recep Tayyip Erdogan” หนึ่งในชาติสมาชิก “NATO” ที่เคยพยายามเข้ามาเป็น “ตัวกลาง” ในการเจรจาสันติภาพก่อนหน้านั้น ให้ช่วยสนับสนุน “ความริเริ่มเพื่อสันติภาพของฮังการี” หรือ “Budapest’s peace initiative on Ukraine” อีกด้วย...

แถมยังเล็งๆ เอาไว้ด้วยว่า...เตรียมจะไปคุยกับคู่แข่ง-คู่ชิงประธานาธิบดีอเมริกาปลายปีนี้ อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่แม้จะบ้าอย่างอื่นแต่ไม่ถึงกับ “บ้าสงคราม” ณ รีสอร์ต “Mar-a-Lago” หลังการประชุมสุดยอด “NATO” ผ่านพ้นไปได้หมาดๆ หรือพร้อมจะเดินสายพูดคุยให้หมด ในหมู่ผู้ที่ถูกเรียกว่า “Five main actors” ไม่ว่าจะเป็นยูเครน-รัสเซีย-จีน-อียู และยูเอส ชนิดต้องเรียกว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพื่อให้สิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” มีโอกาสก่อรูป ก่อร่าง ก่อเค้า ก่อลาง ขึ้นมาให้จงได้...

เพราะอันที่จริงแล้ว...โดยความปรารถนา-ความต้องการของหนึ่งในคู่ขัดแย้งอย่างรัสเซีย สิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์” ไม่ใช่แค่ “การหยุดยิงชั่วคราว” หรือการ “ซื้อเวลา” เพื่อให้ยูเครนมีโอกาสเตรียมตัวเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ในการสู้กับรัสเซีย อย่างที่พวกตะวันตกเคย “หลอกรัสเซีย” ช่วงการบรรลุ “ข้อตกลงที่เมืองมินสก์” (Minsk Agreement) เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ดังที่อดีตผู้นำเยอรมนี “นางAngela Merkel” เคยออกมาสารภาพหลังจากนั้น ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นสิ่งที่ยุ่งยากอะไรมาก นั่นก็คือ...แค่ฝ่ายตะวันตกทั้งหลาย เลิกคิดที่จะแผ่ขยายอำนาจอิทธิพล(Enlargement) เข้าไปจ่อคอหอยลูกกระเดือกของรัสเซีย รวมทั้ง “ยอมรับความจริง” ที่มิอาจหวนกลับคืนไปได้อีกแล้ว ที่บรรดาผู้คนพลเมืองในอาณาบริเวณ 4 เขต 4 แคว้นของยูเครน ซึ่งถูกเข่นฆ่าสังหารหมู่ไปถึง 14,000 ราย จนอดรนทนไม่ได้ต้องหันมาเรียกร้องให้เกิดข้อตกลงที่เมืองมินสก์ หรือต้องหันมาร่วมเป็นอันหนึ่ง-อันเดียวกับดินแดนรัสเซีย ด้วยการลงประชามติไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์...

คือมันเป็น “สันติภาพ” ที่ไม่ได้ถึงกับมีราคา มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับการที่ต้องทุ่มเทเงิน-ทองนับเป็นแสนๆ ล้านหรือล้านล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนให้ชาวสลาฟด้วยกันเองอย่างชาวยูเครนและรัสเซีย เข่นฆ่ากันจนตายโหง-ตายห่าไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย นับเป็นแสนๆ ล้านๆ คนไปแล้วก็ว่าได้ จนแทบไม่เหลือ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” ไปแล้วในทุกวันนี้ แถมยังอาจลุกลามบานปลาย กลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3” หรือ “สงครามนิวเคลียร์” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ที่อาจส่งผลให้ผู้คนทั่วทั้งโลก ล้มตายกันไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านคนอย่างที่ “พระคัมภีร์ไบเบิล” พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเอาเลยก็ไม่แน่!!!

เช่นเดียวกับแนวรบในตะวันออกกลางนั่นแหละทั่น...ฝ่ายที่เริ่มต้น หรือฝ่ายที่ยืนอยู่กับ “สงคราม” มาตั้งแต่แรก ก็คือคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพวก “พรมเช็ดเท้า” ตะวันตกทั้งหลาย จนก่อให้เกิด “สงครามกลางเมือง” ขึ้นมาในซีเรีย ที่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งแท้ๆ ต้องสู้กับการรุมเหยียบ รุมกระทืบ ของฝ่ายตะวันตกที่หันไปอาศัยพวก “ผู้ก่อการร้าย” เล่นงานกองทัพซีเรียซะอีกด้วยต่างหาก แต่เมื่อรัสเซียและอิหร่านเขาโดดมาช่วยรัฐบาลซีเรียอย่างเป็นระบบและกิจการ ไม่เพียงแต่จะทำให้ “สงคราม” อันสุดแสนจะโหดร้ายสิ้นสุด ยุติลงไปจนได้ ยังทำให้สิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” ค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตะวันออกกลาง ไม่เพียงแต่ประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างซาอุฯ ตุรเคีย หันมาคืนดีกับซีเรีย ทั้งที่เคยร่วมรุมเหยียบ รุมกระทืบกันมาก่อน แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ใครต่อใครหันมาเข่นฆ่าล้างผลาญกันและกัน สู้หันมาค้าๆ-ขายๆ น่าจะดีกว่าของคุณพี่จีน เล้ง...อยู่สะพานขาว รายนี้นี่เอง ยังมีส่วนช่วยให้ “สันติภาพ” ขยายตัวไปตลอดทั่วภูมิภาค โดยความพยายามชักชวนให้ 2 พี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างซาอุฯ และอิหร่าน หันมา “จูบปาก” กันได้สำเร็จเรียบร้อย...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุที่ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” ของคุณพ่ออเมริกา อย่างอิสราเอลยังคงถูกนำสอดแทรกไว้ในแผนที่ตะวันออกกลางตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การทะเลาะเบาะแว้งระหว่าง “ยิว-ปาเลสไตน์” จนเกิด “สงครามฮามาส” เมื่อ10 เดือนที่แล้ว ยังคงทำให้แนวรบด้านนี้น่าเกลียด น่ากลัว น่าทุเรศเวทนา อันเนื่องมาจากความ “เหี้ย...ย์ย์ย์มม์ม์ม์” แบบ “ม.ม้าไล่ไม่ทัน” ของกองทัพอิสราเอล ที่เข่นฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์กว่า 40,000 รายเข้าไปแล้ว ชนิดแม้แต่หนึ่งในชาติสมาชิก “NATO” อย่างตุรเคีย ประธานาธิบดี “Erdogan” ต้องออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัด ว่าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือใดๆ กับ “NATO” และอิสราเอล ตราบใดที่ยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้กับ “สันติภาพ” ในดินแดนปาเลสไตน์...

ส่วนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก...การที่องค์กรพันธมิตรทางทหารแห่งแอตแลนติกเหนือ เมื่อช่วงครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยกับภูมิภาคแห่งนี้ คิดจะ “ขยายตัว” เข้ามามีบทบาท อิทธิพล แบบที่อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษผู้ได้ชื่อฉายาว่า “คุณป้ามหาภัย” อย่าง “นางLiz Truss” เคยป่าวประกาศว่าอยากจะเห็น “NATO ระดับโลก” เอาเลยถึงขั้นนั้น การเปลี่ยนชื่อยุทธศาสตร์ความมั่นคงของอเมริกา ให้กลายเป็น “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” เพื่อหวังจะดึงเอามหาอำนาจในเอเชียอย่างคุณปู่อินตะระเดีย ให้มาร่วม “ปิดล้อมจีน” พร้อมๆ กับการก่อตั้งพันธมิตรสี่เหลี่ยมด้านเท่า (QUAD) อันประกอบไปด้วยอเมริกา-อินเดีย-ญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย รวมไปถึงการก่อตั้งองค์กรพันธมิตรทางทหารอย่าง “AUKUS” ที่มีขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ ไปจนถึงการยุไต้หวัน ฟิลิปปินส์ หรือแม้กระทั่งเวียดนาม ให้เพรียกหา “สงคราม” แทนที่จะมองหา “สันติภาพ” อันเนื่องมาจากความขัดแย้งแตกต่างในรายละเอียดระหว่างประเทศเหล่านั้น กับมหาอำนาจคู่แข่งอเมริกาอย่างจีน เพื่อไม่ให้มีโอกาสผงาดขึ้นมาทาบรัศมีตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันทำให้ “ภาพรวม” แห่งความเป็นไปของโลก จึงกลายเป็นการสู้กันระหว่าง “สงคราม” กับ “สันติภาพ” โดยขณะที่พวกบ้าสงครามหันมาหยิบตัว “หมากรุก” ในแต่ละตัว โขกลงไปในกระดาน ฝ่ายที่ปรารถนาสันติภาพเลยต้องหันไปอาศัย “หมากล้อม” เพื่อรับมือและคลี่คลายบรรยากาศ ไม่ให้เกิดการ “จุดระเบิด” ขึ้นมาในแนวรบด้านใด-ด้านหนึ่งอย่างชนิดเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามิใช่น้อย หรืออย่างที่ระหว่างองค์กรพันธมิตรทางทหาร “NATO” เขาประกาศว่าจะเข้าไปติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศในโปแลนด์เพื่อจ่อคอหอยรัสเซียให้ถึงที่ ผู้ปรารถนาในสันติภาพอย่างคุณพี่จีนเลยต้องออกมาป่าวประกาศถึงการบรรลุความสำเร็จในการก่อตั้งเส้นทางรถไฟขนส่ง “Guangzhou International Port-Warsaw” อันจะส่งผลให้ประเทศโปแลนด์กลายเป็น “ปากประตู” แห่งการค้าๆ-ขายๆ ระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออก หรือระหว่างจีนกับยุโรป ไม่ใช่เป็นแค่ “เบี้ย” ในการจุดไฟนรกสุดขอบฟ้าให้ต้องลุกโพลงขึ้นมาจนได้...

ดังนั้น...ถ้าหากผู้คนในโลกใบนี้ โดยเฉพาะชาวยุโรปที่กำลังต้องเจอกับทุกข์ยากลำบาก ชนิดอดมื้อ-กินมื้อเอาเลยก็ยังมี อันเนื่องมาจากนักการเมืองและรัฐบาลของตัวเองกลายเป็นพวก “บ้าสงคราม” ร่วมกันลุกขึ้นมาขจัดกวาดล้างสิ่งเหล่านี้ แบบที่พวกผู้ดีอังกฤษโค่นล้มรัฐบาลพรรคคอนเซอร์เวทีฟ หรือคนฝรั่งเศสกำลังโค่นรัฐบาล “มาครง” ฯลฯ แล้วหันมาเพรียกหา “สันติภาพ” กันแทนที่ โอกาสที่ไฟนรกสุดขอบฟ้าจะดับสนิทติดทนนาน โลกทั้งโลกสงบไปอีกนานเท่านาน แทนที่จะต้องฉิบหาย ตายโหง-ตายห่า กันไปทั่วทั้งโลก ย่อมมีความเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ...


กำลังโหลดความคิดเห็น