หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
กุนซือใหญ่ที่เขาเรียกขานหรือบางคนก็เรียกว่าลุงเต้า ไพศาล พืชมงคล ปล่อยข่าวว่า เศรษฐาจะถูกสอย แล้วภูมิใจไทยจะจับมือกับก้าวไกลดันอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ เพื่อสมานฉันท์และนิรโทษทุกฝ่าย แต่ส่วนตัวผลฟันธงว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ รอดูว่าผมหรือกุนซือใหญ่ใครจะผิด
ไพศาลนั้นเชียร์ก้าวไกลแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว น้องชายของไพศาลก็อยู่เบื้องหลังเป็นกุนซือของพรรคก้าวไกล ไพศาลมักจะโพสต์ให้คนรับรู้ว่า หน่วยงานรัฐและเอกชนจีนเมื่อมาเมืองไทยส่วนใหญ่จะต้องวิ่งมาหาแก ไม่รู้จีนรู้หรือเปล่าว่า พรรคที่ไพศาลหนุนหลังอย่างก้าวไกลนั้น สนับสนุนสามนิ้วในฮ่องกง และความเป็นเอกราชของไต้หวัน ที่เขาเรียกกันว่าพันธมิตรชานม แต่ก็ช่างเถอะจะไปเอาอะไรกับไพศาลที่ลมเพลมพัดอยู่ตลอดเวลาจะเสียเวลาเปล่าๆ
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าพรรคก้าวไกลจะยอมจับมือกับพรรคภูมิใจไทยเพื่อดันอนุทินเป็นนายกฯ และผมไม่เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะไปจับมือกับพรรคก้าวไกลเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ต้องไม่ลืมว่า พรรคก้าวไกลนั้นมีจุดยืนชัดเจนที่จะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ เพื่อลดทอนบทบาทและสถานะต้องการให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กลับไปแบบเดิม และพรรคภูมิใจไทยที่มี ส.ส. 71 คน บวกกับพรรคก้าวไกลที่มี 151 คน ต้องหาพรรคอื่นมาร่วมอีกแล้วพรรคไหนจะมาร่วมกับพรรคก้าวไกลที่มีจุดยืนต่อสถาบันกษัตริย์เช่นนั้น
สำหรับประเด็นเศรษฐาจะถูกสอยนั้น โดยส่วนตัวมองในแง่มุมกฎหมายผมก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ เพราะการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีนั้น น่าจะเข้าข่ายผิดจริยธรรม ขัดต่อความดีความงามที่เป็นจารีตที่คนเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติ แต่ถ้าเศรษฐาหลุดจริงผมก็ไม่เชื่อขั้วรัฐบาลที่จับมือกันอยู่นี้จะปล่อยมือกัน ดังนั้นต้องหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในขั้วนี้นั่นแหละ แต่ก็ไม่เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะมีอำนาจต่อรองเพื่อเรียกร้องเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ และไม่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะยอมมาเป็นตัวต่อรอง เพราะอย่างที่ว่าไว้คือพรรคก้าวไกลเองก็คงไม่เอาด้วย เพราะเป้าหมายของพรรคคือการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่ใช่เป็นพรรคอะไหล่ในรัฐบาล
หากถามว่า โอกาสการเป็นรัฐบาลของพรรคก้าวไกลพอจะมีไหม คำตอบสำหรับผมก็คือยากมาก เพราะหนทางเดียวที่พรรคก้าวไกลจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ก็คือ ต้องชนะเลือกตั้งให้ได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของส.ส.ทั้งหมดและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยพรรคเดียว ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปได้ยาก แต่ก็เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลก็ยังจะชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 แต่จะไม่ได้เป็นรัฐบาล ถ้าได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งกลับไปเป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม เพราะพรรคการเมืองอื่นจะจับมือกันเป็นสกัดกั้นพรรคก้าวไกล
แม้บางคนบอกว่า ทางที่จะทำลายพรรคก้าวไกลได้ดีที่สุดก็คือการให้พรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เพราะเชื่อว่า บุคลากรของพรรคและประสบการณ์ของนักการเมืองในพรรคก้าวไกลนั้นไม่มีความสามารถที่จะนำพาประเทศได้ แต่ถ้าปล่อยให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านคนก็ยังเชื่อว่า พรรคก้าวไกลคือความหวังใหม่เพราะไม่เคยทำงานจึงไม่มีความล้มเหลวให้เห็น คนที่เบื่อนักการเมืองเก่าพรรคการเมืองเก่าก็ยังคงเชียร์พรรคก้าวไกลอยู่
แต่มีคนจำนวนไม่น้อยบอกว่า มันจะคุ้มค่าหรือที่จะให้พรรคก้าวไกลเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อแลกกับความเสียหายของประเทศจากการที่พรรคการเมืองพรรคนี้บริหารงานล้มเหลวเพื่อให้พรรคเสื่อมลง หลายคนจึงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ นอกเสียจากว่าพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวนั่นแหละจึงจะต้องทำใจยอมรับให้ได้
ผมจึงไม่เชื่อทฤษฎีของไพศาลอย่างสิ้นเชิง แน่นอนล่ะว่าตอนนี้ อำนาจดั้งเดิมของสังคมไทยที่พึ่งพาพลังของฝ่ายอนุรักษนิยมนั้นไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ผมเชื่อว่าอย่างไรเสียก็ยังวางใจพลังของทักษิณมากกว่าจะไปจับมือกับพรรคก้าวไกล แต่ถามว่าทักษิณสามารถนำพรรคกลับมาชนะพรรคก้าวไกลได้ไหม ผมเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่า ทักษิณยังมีเสียงมากพอที่จะจับมือกับพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมแล้วยังพอที่จะต้านทานพรรคก้าวไกลได้
แน่นอนล่ะว่าวันนี้ทักษิณเสื่อมมนต์ขลังลงไปกว่าเดิมมาก ผมไม่ได้วัดที่การเลือกตั้งสว.ที่น้องเขย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สอบตกนะครับ ผมว่านั่นเป็นเรื่องของแท็กติคมากกว่าการวัดบารมีกัน หลักการเลือกสว.ในกลุ่มอาชีพเดียวกันนั้น ทุกคนวางกลยุทธ์คือ ไม่ลงคะแนนให้คนดัง ดังนั้นสมชายจึงตกรอบแรกเมื่อเข้ามาระดับประเทศ แต่จะวัดว่าทักษิณยังมีบารมีอยู่ที่สามารถดัน ชาญ พวงเพ็ชร์กลับมาเป็นนายกอบจ.ปทุมธานีโดยคว่ำ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็คงจะยังวัดไม่ได้ เพราะไม่ใช่การต่อสู้กับพรรคก้าวไกลตรงๆ
แล้วคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่พรรคก้าวไกลจะทิ้งจุดยืนของตัวเองต่อสถาบันกษัตริย์ที่พวกเขาได้ปลุกปั่นให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาต่อสู้แล้วเกื้อหนุนกันและกันทั้งด้านการเคลื่อนไหวและการต่อสู้คดีที่คนรุ่นใหม่หลายคนถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เพราะถ้าพรรคก้าวไกลเปลี่ยนจุดยืนก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลเป็นความหวังของคนรุ่นพวกเขา และเชื่อมั่นว่าวันเวลาเป็นของพวกเขาเข็มนาฬิกาหมุนผ่านรอบไปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสร้างความหวังว่าพรรคของพวกเขาจะได้เข้ามาบริหารประเทศซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน
บางคนอาจจะมองว่าแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะยังไม่สามารถชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากในสมัยหน้า สักวันหนึ่งพรรคก้าวไกลก็จะชนะได้เสียงข้างมากอยู่ดี แล้ววันนั้นจะมีพลังไหนที่มาต่อต้านพรรคก้าวไกลเพื่อต้านทานความคิดที่ต้องการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และลดทอนสถานะและบทบาทของพระมหากษัตริย์ได้ แต่ส่วนตัวผมมองว่าความร้อนแรงของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นเพียงกระแสที่ปลูกฝังในคนรุ่นใหม่เมื่อผ่านเวลาไปนานวันกระแสดังกล่าวก็น่าจะลดความร้อนแรงลงตามหลักการที่ไม่มีสิ่งใดที่ตั้งอยู่ได้ตลอดไป ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาพิสูจน์กันสัก 2-3 สมัยของการเลือกตั้งนับจากนี้ หากพรรคก้าวไกลยังชนะได้เสียงข้างมากไม่สำเร็จก็น่าจะหมดโอกาสนั้นแล้ว ถึงวันนั้นความคิดและความหวังของคนในสังคมก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
แต่มีคนไม่น้อยเหมือนกันบอกว่าจะวางใจทักษิณได้หรือว่าวันหนึ่งทักษิณจะไม่หันไปจับมือกับพรรคก้าวไกลเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะถ้าสองพรรคนี้จับมือกันก็ยากจะต้านทานได้ ผมคิดว่า ทักษิณคงไม่กล้านะครับ เพราะทักษิณน่าจะรู้ตัวเองว่า เขาได้อะไรไปบ้างกับการที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว เราไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นคนดีลกับทักษิณ แต่เราเชื่อกันว่าต้องมีดีลจึงเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ แต่ถ้าทักษิณเบี้ยวและทำให้สถาบันหลักของชาติอยู่ในสถานะที่สุ่มเสี่ยงและถูกท้าทายก็เชื่อว่า พลังอำนาจที่แท้จริงของสังคมไทยคงจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมา
สำหรับฝ่ายอนุรักษนิยมแล้วดูจะไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องอยู่ในสภาพที่จำยอมแบบนี้ต่อไปจนกว่าสายลมจะพัดหวน ความคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของสังคมอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามจังหวะเวลา หลายประเทศผลักดันชนะเลือกตั้งได้อำนาจรัฐระหว่างแนวคิดของเสรีนิยมและอนุรักษนิยม ดังนั้นไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน เพียงแต่กระแสความคิดของแต่ละฝ่ายจะมาถึงเมื่อไหร่ และฝ่ายที่ได้อำนาจรัฐครองใจประชาชนไปได้นานไหม
บางคนอึดอัดที่จะต้องพึ่งพาทักษิณเพื่อต่อสู้กับพรรคก้าวไกล ทั้งไม่ไว้วางใจ และไม่เชื่อมั่น แต่ก็มองไม่เห็นทางเลือกอื่น วันนี้มีพรรคของฝ่ายอนุรักษนิยมพรรคไหนจะเติบโตมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้บ้าง มองไม่เห็นเลยสักพรรค บางคนบอกว่าพรรคภูมิใจไทยไงเล่า แต่ส่วนตัวผมมองว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่พร้อมจะเป็นรัฐบาลเท่านั้นเองยากมากที่จะกลายเป็นพรรคอันดับ 1 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐที่ว่าอนุรักษนิยมทันสมัยนั้นมองไม่เห็นเลยว่าจะเติบโตกว่านี้ได้อย่างไร
วันนี้สำหรับฝ่ายอนุรักษนิยมมีทางเลือกเดียวเองคือ จะอยู่กับทักษิณต่อไปอย่างนี้เพื่อรอวันกระแสอนุรักษนิยมกลับมาหรือยอมให้พรรคก้าวไกลที่ท้าทายต่อการทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมได้อำนาจรัฐ หรือว่าใครพอจะมีทางออกที่ดีไปกว่านี้ก็ลองบอกมาหน่อย
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan