ท่าทาง...น่าจะ “เจ๊ง” กันไปเป็นรายๆ...ไม่เพียงแต่บรรดาพวก “พรมเช็ดเท้า” ของอเมริกาอย่างประเภทชาติเสาหลักในยุโรปทั้งหลาย แต่กระทั่งคุณพ่ออเมริกาเอง แนวโน้มที่จะไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น กุสะลาธัมมา-อกุสะลาธัมมา ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที อันเนื่องมาจากปี ค.ศ. 2024 ถือเป็น “ปีแห่งการเลือกตั้ง” ที่ไม่ใช่แค่ “just and election year” แต่จัดอยู่ในระดับ “the election year” ดังที่นิตยสาร “Time Magazine” เขาถึงกับต้องออกมา “เตือนๆ” ไว้ก่อนล่วงหน้าเอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ด้วยเหตุนี้...ถ้าไล่มาตั้งแต่การเลือกตั้งสภาฯ ฝรั่งเศส เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 มิ.ย.) หลังจากที่ผู้นำลิเบอร่านหรือพวก “เสรีนิยมใหม่” อย่างประธานาธิบดี “Emmanuel Macron” ท่านโตะโอะ-โตะจาย กับการแพ้เลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป เลยฉวยจังหวะโอกาสยุบสภาฯ ฝรั่งเศส พร้อมกับปลุกระดมบรรดาพวกฝ่ายซ้าย-ฝ่ายกลาง ให้ออกมาต่อต้านแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์พวกขวาสุดโต่ง ถึงขั้นแห่ออกมาเดินขบวนกันเป็นแสนๆ แต่โดย “ผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ” ว่ากันว่า...พรรค “The National Rally” หรือ “RN” ของ “นางMarien La Pen” คู่แข่ง-คู่กัดของ “Emmanuel Macron” กลับกวาดที่นั่งมาได้ไม่น้อยกว่า 33 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 230-280 ที่นั่งจากจำนวนเก้าอี้ทั้งหมด 577 เก้าอี้ หรือถ้าว่ากันตาม “ผลโพล” ของ “Elabe” เผลอๆ พวกขวาจัด อาจกวาดเก้าอี้มาได้ถึง 260-310 ที่นั่งเอาเลยก็ไม่แน่ ขณะที่พรรคแนวร่วมสายกลางของผู้นำฝรั่งเศสคนปัจจุบัน ได้เก้าอี้มาครองแค่ไม่ถึง 20-21 เปอร์เซ็นต์แถมยังต้องลุ้นกันชนิดตัวโก่งแล้ว-โก่งอีก ในการเลือกตั้งรอบ 2 ที่กำลังจะมาถึง...
โดยถ้าการต่อต้าน ขัดขวาง ความมาแรง-แซงโค้งของกระแสเอียงขวาไม่เป็นผล แม้ถึงขั้นออกมาปาระเบิด เผาโน่น เผ่านี่ กันกลางถนน โอกาสที่จะส่งผลให้ “เด็กสร้าง” ของผู้นำพรรคฝ่ายขวา อย่าง “นายJordan Bardella” ที่มีอายุ-อานามเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้นเอง สามารถผงาดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ขณะที่ “Emmanuel Macron” ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีชนิดต่างฝ่ายต่างหนีไม่พ้นต้อง “หันหน้ากันคนละทาง-สร้างดาวกันคนละดวง” อันอาจนำมาซึ่ง “ปีแห่งความสับสนอลหม่านทางการเมือง” ของฝรั่งเศสทั้งประเทศก่อให้เกิดความหูแหก-ตาแหก ระดับเล่นเอาตลาดหุ้นปารีสตกจากหอคอย่น ร่วงทะรูดทะราดถึง 6.4 เปอร์เซ็นต์ไปแล้วถึงขั้นนั้น...
ส่วนเยอรมนี...แม้จะเลือกตั้งในเดือนตุลาคมปีหน้า แต่ถ้าดูจาก “คะแนนนิยม” ของพรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง “SPD” หรือ “Social Democrat Party” ของพิชัย นริพทะพันธุ์ แห่งเยอรมนี “นายOlaf Scholz” ไปจนถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรค “Green” หรือ “FDP” (The Business-first Free Democrats) ต่างก็ล้วนแล้วแต่ไหลร่วง ไหลรูดไปด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะตัวผู้นำที่ล้านเลี่ยน เตียนโล่ง อย่าง “Olaf Scholz” เหลือคะแนนนิยมเพียงแค่ 28 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ทั้งที่เคยขึ้นไปถึง 65-73 เปอร์เซ็นต์มาก่อนหน้านั้น ถ้าว่ากันตามผลสำรวจของ “DeutschlandTrend” ช่วงล่าสุด ชนิดถึงกับเกิดข่าวล่า-ข่าวลือครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ว่าผู้นำรายนี้อาจเปิดหมวก-เปิดวิก ลาออกกลางคันเอาเลยก็ไม่แน่ ขณะที่พันธมิตรพรรค “Green” คะแนนนิยมไหลรูดเหลือแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วน “FDP” เหลือเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง และนั่นเอง...ที่เลยเป็นตัวส่งผลให้พรรคฝ่ายขวาของเยอรมนี อย่างพรรค “AfD” (Alternative for Germany) ที่ไม่คิดจะเอากับ “สงคราม” ไม่ว่าระหว่างยูเครน-รัสเซีย หรือ NATO-รัสเซียก็ตาม เลยมาแรง-แซงโค้ง กวาดเก้าอี้สมาชิกสภายุโรปที่เพิ่งเลือกตั้งไปเมื่อไม่นานมานี้ได้ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ เฉือนชนะพรรครัฐบาลแบบไม่เห็นฝุ่น-เห็นหาง...
ไม่ต่างไปจากเลือกตั้งอังกฤษ...ที่กำลังจะเลือกกันในเดือนนี้ หลังจากนายกรัฐมนตรี “ฤาษี สุนัข” (Risshi Sunak) ตัดสินใจยุบสภาเพื่อ “วัดดวง” กันใหม่ แต่ถ้าว่ากันตาม “ผลโพล” ของแต่ละสำนัก ซึ่งล้วนแต่ออกมาในแนวเดียวกันทั้งสิ้น นั่นก็คืออาจถือเป็น “การเลือกตั้งครั้งเลวร้ายที่สุด” ของพรรครัฐบาล อย่างพรรค “Conservative Party” ที่ครองอำนาจต่อเนื่องยาวนานมาถึง 14 ปี หรือถึงขั้นแทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ชนิดแม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรี “Rishi Sunak” อาจ “สอบตก” ในเขตเลือกตั้งตัวเองเอาเลยก็ไม่แน่ เพราะถ้าว่ากันตามโพลของ “Savanta and Electoral Calculus” ที่ออกจะโหดสุดๆ จากจำนวนเก้าอี้ในรัฐสภาอังกฤษ 650 ที่นั่ง พรรครัฐบาลอย่างพรรคอนุรักษนิยม อาจคว้าเก้าอี้ติดไม้-ติดมือมาได้แค่ประมาณ 53 เก้าอี้เท่านั้นเอง ขณะที่บางโพลซึ่งยังเมตตา เอ็นดู ก็ให้แค่ประมาณ 155 ที่นั่งไม่เกินไปกว่านั้น และนั่นเองที่จะทำให้ความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะรบกับรัสเซียในสมรภูมิยูเครน หรือออกไล่ล่าพวกนักรบฮูตีในเยเมน เคียงข้างกับคุณพ่ออเมริกาให้สมกับชื่อ ฉายาว่า “สุนัขพูเดิลของอเมริกา” ฉบับของจริง-ของแท้ น่าจะ “เหี่ยวปลาย” ลงไปตามลำดับ...
หรือแม้แต่พันธมิตรรายสำคัญของคุณพ่ออเมริกาในภูมิภาคเอเชีย ที่กำลังใกล้เวลาเลือกตั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ อย่างคุณพี่ญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ก็เถอะ จากผลสำรวจคะแนนนิยมของบรรดาชาวซามูไรทั้งหลาย ผู้ที่ไม่เอาด้วย ไม่เห็นควรด้วยกับท่าทีของรัฐบาล “นายFumio Kishida” ที่มุ่งรับใช้คุณพ่ออเมริกาจนเกินงาม ไม่เพียงแต่ทำให้คะแนนนิยมเหลือเพียงแค่ 24.2 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาฯ ที่ผ่านมา แต่ในเดือนมิถุนายนที่เพิ่งผ่านไป ยังร่วงต่อลงไปอีกเหลือแค่เพียง10.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง...
ด้วยเหตุนี้...สำหรับ “ประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์” อย่างคุณพ่ออเมริกานั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง หรือยังคงตกเป็นข่าวคราวชนิดชุลมุน-ชุลเก อีนุงตุงนังว่าผู้คิดจะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกรอบ-อีกสมัย อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ เอ๋อ” จะตัดสินใจถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกันเลยหรือไม่? อย่างไร? หลังจากเสลดหางวัวพันลิ้น-พันคอในการ “ดีเบต” ครั้งแรกกับคู่แข่ง-คู่ชิงอย่าง “ทรัมป์บ้า” เพราะแม้แต่สื่ออันทรงอิทธิพลของอเมริกาอย่าง “The New York Times” ยังถึงกับออกมาขอร้อง วิงวอน ให้หาทางกลับบ้านไปเลี้ยงหลานได้แล้ว และแม้จะหันไปมองหา “ตัวเลือก” ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็เถอะ!!! แต่ก็อย่างที่นักทำนาย นักพยากรณ์การเลือกตั้งที่ว่ากันว่าแม่นยำสุดๆ อย่าง “นายAllan Lichtman” ได้ออกมาเตือนๆ ไว้ก่อนล่วงหน้านั่นแหละว่า ยิ่งอาจส่งผลให้ฉากสถานการณ์การเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้นไปใหญ่...
ขณะที่ “ทรัมป์บ้า” นั้น...ไม่ว่าจะอยู่ในคุก-นอกคุก ขณะเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้งได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การหยิบเอาแนวคิดเรื่อง “สันติภาพ” มาสู้กับพวก “บ้าสงคราม” ในหมู่ผู้ที่รับใช้-ใกล้ชิดประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน อย่างเอาจริง-เอาจังนั้นถึงกับทำให้คอลัมนิสต์ชื่อดัง นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันที่เคยสอนอยู่ตามมหาวิทยาลัยในตุรเคีย รัสเซีย ยูเครน ฯลฯ และผู้รู้ลึกรู้จริงในเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเย็น จนสามารถผลิตออกมาเป็นหนังสือเล่มแล้ว-เล่มเล่า อย่าง “นายTarik Cyril Amar” ถึงกับต้องถามออกมาดังๆ ว่าการผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีอเมริการอบใหม่ของบุคคลนี้ จะสามารถช่วยให้เกิดการสิ้นสุด ยุติสงคราม ได้มาก-น้อยเพียงใด? หรือถึงขั้นอาจถือเป็น “The Peacemaker” เอาเลยก็เป็นได้ ใครที่สนใจแง่มุม รายละเอียด ลองไปหาอ่านได้จากข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุด ว่าด้วยเรื่อง “Trump The Peacemaker? How his presidency might help It’s end the war in Ukraine”...
แต่ถ้าว่ากันโดยคร่าวๆ...ก็คงประมาณว่า ความคิดที่จะสิ้นสุด ยุติสงครามยูเครนของ “ทรัมป์บ้า” นั้น น่าจะไม่ใช่เป็นเพราะความปรารถนา-ต้องการของตัวเองล้วนๆ เพราะแม้แต่บรรดา “ที่ปรึกษา” ผู้ใกล้ชิด อย่าง “นายKeith Kellogg” อดีตทหารเกษียณยศพลโท หรือ “นายFred Fleitz” อดีตนักวิเคราะห์ CIA ต่างพยายามทำให้ท่าทีเหล่านี้กลายเป็น “แนวนโยบาย” ที่เอาจริง-เอาจัง เป็นจริง-เป็นจัง ไม่ใช่แค่การโฆษณาหาเสียงไปวันๆ หรือดังที่บุคคลทั้งสองถึงกับสรุปว่า...นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน (American First) ของ “ทรัมป์บ้า” นี่แหละ จะเป็นตัวช่วยไม่ให้เกิดความสับสนอลหม่านในโลกนี้ อันมีที่มาจากรัฐบาลโจ ไบเดน หรือ “American First...คือกุญแจสำคัญสำหรับเสถียรภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” แถมยังพร้อมที่จะ “ยอมรับความจริง” ในเรื่องการผนวกดินแดน 4 เขต 4 แคว้นของรัสเซีย ไปจนถึงการปฏิเสธที่จะให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO อีกด้วย...
จริง-ไม่จริง เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้...คงต้องคอยไปสำรวจตรวจสอบ หลังเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาปลายปีนี้ดูอีกที แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ด้วยเหตุเพราะ “ปีแห่งการเลือกตั้ง” มันทำท่าว่าจะออกมาในแนวนี้ หรือแนวที่ไม่คิดจะเอากับ “สงคราม” ใดๆ ก็ตาม อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน ยิ่งขึ้นไปทุกที เลยทำให้ผู้นำประเทศอียูและพันธมิตร NATO บางรายอย่างนายกรัฐมนตรีฮังการี “นายViktor Orban” ท่านเลยเกิดแรงบันดาลใจ หรือใจบันดาลแรงเอามากๆ ถึงขั้นพร้อมประกาศการผนึกกำลัง การรวมตัวของบรรดา “พันธมิตรฝ่ายขวา” ในรัฐสภาอียู ในนามของ “The Patriot for Europe” อันมีพรรคการเมืองออสเตรียและสาธารณรัฐเช็กเข้าร่วมด้วย โดยมีจุดมุ่งหมายขั้นพื้นฐานเพื่อที่จะ “ชะลอขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งไปสู่สงคราม” ให้ช้าลงไป หรือให้จอดสนิทติดทนนานลงไปให้จงได้!!!