xs
xsm
sm
md
lg

สว.พิสดาร ภารกิจพิเศษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



การเมืองแบบไทยไม่มีใครสามารถยกตัวเองว่าเป็นกูรูหรือโหราจารย์ ซินแส เดาทิศทางแม่นยำหรือประเมินว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะมีปัจจัยแฝงเร้นสารพัด บางครั้งแม้จะรู้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ถึงอยากพิสูจน์ ก็ไม่มีใครยืนยันข้อมูลได้

การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งล่าสุดเป็นเรื่องที่อื้อฉาวตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และจัดการโดยองค์กรการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้เกี่ยวข้องไม่ถึง 50,000 ราย เลือกกันเองประชาชนที่เหลือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

มีหน้าที่จ่ายเงินให้ สว.ที่ไม่ได้เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย คนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่มีโอกาสได้ใช้สิทธิ เพราะเป็นการจัดตั้งแบบใหม่เป็นครั้งแรก

และก็เป็นไปแล้วท่ามกลางข้อกล่าวหา ข้อติติงสารพัด แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สนใจ อ้างว่าทำหน้าที่ตามข้อกำหนดในกฎหมายเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ

หลังการเลือกตั้งผ่านไปและได้วุฒิสภามาครบ 200 คน ยังไม่ได้การรับรอง แม้จะมีเสียงทักท้วงประท้วงและโวยวายจากหลายฝ่ายการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไม่ควรเป็นในรูปแบบที่ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วม

รวมถึงคุณสมบัติของผู้สมัครในการจัดกลุ่มแยกกลุ่มไม่ตรงกับกลุ่มสาขาอาชีพ  หรือปัญหาอื่นๆ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจัง

มีคนไม่พอใจไปฟ้องศาลการเมือง แต่ศาลไม่รับเพราะถือว่าเป็นอำนาจและสิทธิของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังนั้นสว.วุฒิสมาชิกที่ได้มาจึงแตกต่างจากชุดก่อนมีนายทหารตำรวจยศพลโท พลเอก ข้าราชการเกษียณตำแหน่งใหญ่โต

ยังมีนักกฎหมาย อดีต สส.อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญสารพัด แต่ไม่แสดงความเห็น

เลยถูกกล่าวหาว่าวุฒิสภาก่อนหน้าที่เป็นเหมือนบ้านพักคนชราให้มานอนพักกลางวันหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน มีไม่กี่คนที่มักแสดงความเห็น ที่เหลือเป็นฝักถั่วตามคำสั่งผู้แต่งตั้ง สั่งได้ตามสายใครสายมัน

มีคนค้านว่ามีความไม่สมบูรณ์ด้านคุณสมบัติของวุฒิสมาชิกชุดใหม่ว่าจะเป็นวุฒิสภาโจ๊กและวุฒิสมาชิกที่ผ่านการรับเลือก หลายคนก็ไม่พอใจหาว่าถูกดูถูกดูหมิ่น โดนบูลลี่ ด้านความรู้ การศึกษา คุณวุฒิไม่ตรงกับความต้องการ

เอาเป็นว่าไม่มีดี ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความรู้ทางกฎหมาย มาจากหลายอาชีพ เช่นคนขับรถ หรือคนที่มาจากการที่ใช้วุฒิการศึกษาต่ำ นั่นนี่โน่น

แต่เบื้องหลังความพิสดารถ้า สว.ชุดนี้ผ่านไปโดยการรับรองของ กกต.หลังจากมีบางรายถูกตรวจสอบหรือเลือกใหม่แล้วก็จะเป็นสมาชิกที่ดูด้อยด้านคุณสมบัติ และองค์ประกอบอื่นๆ เช่นความรู้ด้านกฎหมาย

แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่านี่คือการจัดการอย่างแยกย่อยด้วยกลุ่มห่วงใยสถาบันหลักของประเทศ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตราเกี่ยวข้องโดยตรงกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ว่ากันตรงๆ ก็คือว่าการเลือกตั้งสมาชิกครั้งนี้เป็นการจัดการเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองสีส้มได้ยึดครองวุฒิสภาบนพื้นฐานที่ว่าเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยม และหวังจะยึดวุฒิสภาเพื่อจำกัดบทบาทพระมหากษัตริย์ อ้างการปฏิรูป

วุฒิสภามีความหมายเพราะเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติบุคคลในองค์กรอิสระ และตุลาการต่างๆ ดังนั้นมีความห่วงใยว่าถ้าพรรคสีส้มได้คุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาและได้ สส.มากในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าก็จะสามารถแก้รัฐธรรมนูญและเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ได้ง่าย

แต่ด้วยการจัดการอย่างเป็นระบบ ผ่านพรรคการเมืองซึ่งถนัดในการจัดตั้งมวลชนและมีกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้มี สว.อย่างที่เป็นอยู่

พรรคสีน้ำเงินซึ่งชำนาญด้านการจัดตั้งมวลชนเสื้อสี จากเดิมเริ่มด้วยสีแดง จึงมีข่าวแว่วว่าได้รับบทบาทนี้เพื่อความเนียน เพราะทุกพรรคต้องการสกัดพรรคส้ม ไม่ให้ได้เสียงมากถึงขั้นคุมวุฒิสภาได้ เพราะถูกคาดว่าจะได้เสียง สส.มาก

ทุกพรรคไม่ต้องการให้พรรคสีส้มชนะ และส่งผลกระทบต่อการแก้รัฐธรรมนูญในหมวดที่ว่าด้วยพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์

พรรคสีแดงควรได้รับงานนี้ แต่จะดูโจ่งแจ้งเกินไป และผลงานด้านจัดการมวลชนไม่มีประสิทธิภาพเหมือนแต่ก่อน กลุ่มคนเสื้อแดงก็กระจายตัวไปแล้ว

การให้กลุ่มเสื้อน้ำเงินจัดการจึงดูเนียนกว่า และก็สำเร็จ ได้ สว.มากถึง 61 เปอร์เซ็นต์ในเบื้องต้น ส่วนสีแดงและสีส้มได้น้อยตามลำดับ สีส้มโดนถอนพิษไปเยอะ หมดโอกาสจะทำอะไรกับรัฐธรรมนูญเพราะได้ สว.ไม่ถึง 20 เสียง

เมื่อเป็นเช่นนี้ เท่ากับว่าสถาบันกษัตริย์จะไม่มีใครมารังควาญ ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนแปลงพระราชอำนาจได้ พิสูจน์ให้เห็นว่าการสำเร็จผลเป็นตัววัด วิธีการจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้บรรลุเป้าหมาย

ต้องไม่ลืมว่าแต่ละพรรคล้วนมีแผล มีชนักปักหลัง ย่อมไม่มีอำนาจต่อรองได้ นอกจากยอมรับการต่อรอง และจะเป็นเช่นนี้ตราบใดที่มีมลทิน ไม่เว้นแม้แต่นักโทษชายเด็ดขาดซึ่งต้องอยู่ในสภาวะจำยอม แม้จะดูว่ามีอำนาจอย่างไรก็ตาม

ทั้งหมดเป็นผลของการจัดการเพื่อความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์

การเมืองก็ดำเนินตามปกติ ใครมีแผล คดีค้างคาก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย จนถึงขั้นเปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม เป็นการจัดการการเมืองที่เห็นได้ชัดว่าพระสยามเทวาธิราชยังมีความห่วงใยบ้านเมือง พร้อมช่วยปัดเป่าทุกข์ให้ได้เสมอ

เหลือแต่ความทุกข์เฉพาะตัวของประชาชนที่ยังมีหนี้ท่วมตัว รอหาทางออก


กำลังโหลดความคิดเห็น