จะเป็นด้วย “กฎ-กติกา” หรือด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่...ที่ทำให้ใครสอบได้-สอบตก สำหรับการเลือกตั้ง “สว.” ในบ้านเราแต่คงไม่น่าถึงกับอึดอัด-ขัดข้องใจ เท่ากับบรรดาอเมริกันชนต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ ที่ถ้าหากไม่เลือก “ทรัมป์บ้า” ก็คงต้องหันไปเลือก “โจ เอ๋อ” ที่เพียงแค่ดีเบตรอบแรก เสลดหางวัวก็พันลิ้น-พันคอ พูดไม่ออก-บอกไม่ถูก เล่นเอาพวก “บ้าสงคราม” ในพรรคเดโมแครต ถึงกับต้องสุมหัว รวมตัว กุมขมับ ไม่รู้จะหาทางออก-ทางไป กันในมุมไหน ในลักษณะไหนต่อไปอีกดี...
ด้วยเหตุนี้...โอกาสที่โลกทั้งโลกจะยังพอหลงเหลือความหวังต่อ “สันติภาพ” แม้ชั่วครั้ง-ชั่วคราวก็ตามที ก็น่าจะพอมองเห็นแสงริบๆ หรี่ๆ ที่ปลายอุโมงค์อยู่มั่งเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้โดยกิริยา-ท่าที โดยคำพูด-คำจาของแต่ละฝ่าย จะแทบไม่ต่างไปจากการ “ประกาศสงครามโลกครั้งที่ 3” อย่างเป็นทางการไปแล้วก็เถอะ ต่างฝ่ายต่างงัดอาวุธร้ายๆ ออกมา “อวดโชว์” กันในช่วงนี้ ชนิดเรียกว่า...ถ้าลองไปดูในเว็บไซต์ประเภทหวือๆ หวาๆ แต่จริง-ไม่จริงก็ไม่รู้ บรรดาอาวุธของแต่ละฝ่ายไม่ว่าโดรนแบบใต้น้ำ บนบก หรือในอากาศ จรวด เครื่องบินโจมตี ทิ้งระเบิด อาวุธเลเซอร์ ฯลฯ ต่างถูกนำเสนอเป็นรายงานข่าวไม่เว้นแต่ละวัน กระทั่งเลขาธิการ “NATO” ที่กำลังจะหมดหน้าที่ในอีกไม่กี่วันนี้ “นายJens Stoltenberg” ยังออกมาป่าวประกาศถึงการเตรียม “ปัดฝุ่นคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์” ในหมู่ประเทศตะวันตก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนและรัสเซีย หรือกำลังกระชับความสัมพันธ์ของ “พันธมิตรนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้น ขณะที่ฝ่ายรัสเซียก็กำลังเตรียม “ลดขั้นตอนการใช้อาวุธนิวเคลียร์” เพื่อเพิ่มความคล่องแคล่ว-ฉับไว ในการสร้างความฉิบหาย-วายวอดให้กับใครก็ตาม ที่คิดจะสร้างความพังพินาศให้กับประเทศที่มีประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง-ยาวนานมานับร้อยๆ-พันๆ ปี...
ดังนั้น...แนวโน้มที่โลกในอนาคตข้างหน้าจะเป็นไปเช่นไร? แบบไหน? อย่างไร? ก็คงขึ้นอยู่กับการ “หาพวก” ระหว่างทั้งสองฝ่ายนั่นแหละว่า ใครจะมีมิตรมาก-มิตรน้อย ขณะที่ต้องวัดตัดสินชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้ายด้วย “พลังอำนาจ” ของแต่ละฝ่ายการเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือครั้งล่าสุดของผู้นำรัสเซีย จะทำให้ความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ของประเทศทั้งสองนำไปสู่การส่งบรรดา “ทหารช่าง” เกาหลีเหนือ ไปช่วยรัสเซียผลิตอาวุธ อย่างที่โฆษกเพนตากอน “นายPat Ryder” ออกมาตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ทั้งๆ ที่อเมริกาก็กำลังเตรียมจะส่ง “ทหารรับจ้าง” ไปรบกับรัสเซียในสมรภูมิยูเครนอย่างเป็นทางการ หรือไม่? อย่างไร? หรือคงเป็นไปตามที่นักยุทธศาสตร์ขวาใหม่ของอเมริกา เขาได้สรุปไว้ในแผนยุทธศาสตร์ที่เรียกๆ กันว่า “A Three-Theater Defense Strategy” คือคงต้องวัดกันที่ใครจะมี “พันธมิตร” ในแต่ละแนวรบได้มาก-น้อยไปกว่ากันนั่นเอง...
สิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” ในแง่ของข้อเท็จจริงทางปฏิบัติ ก็จึงอยู่ในช่วงของการ “เงื้อง่า-ราคาแพง” ไปตามสภาพโดยสิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัด-ตัดสินว่า “ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ” ก็เลยหนีไม่พ้นขึ้นอยู่กับว่า บรรดาประเทศต่างๆ ในโลกใบนี้ที่ต่างก็ไม่ได้มีที่ตั้งอยู่บนอวกาศไปด้วยกันทั้งสิ้น จะเลือกปกป้อง “ผลประโยชน์แห่งชาติ” ของตัวเอง ด้วยแนวทางหรือวิธีการแบบไหน? อย่างไร? เลือกที่จะยอมศิโรราบ หมอบราบ-คาบแก้ว อยู่ภายใต้การปกป้อง-คุ้มครองของ “โลกขั้วอำนาจเดียว” หรือพร้อมจะเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ด้วยการหันไปร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมตั้งความหวังไว้กับพวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่กำลังเพียรพยายามเปลี่ยนแปลง “ระเบียบโลก” ให้สดใส ซาบซ่า ยิ่งไปกว่าเดิม...
อย่างเช่นในเวทีประชุม “Asian Cooperation Dialogue” (ACD) ครั้งที่ 19 เมื่อช่วงวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว (24 มิ.ย.) พันธมิตรรายสำคัญของพวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” ศัตรู-คู่กัดของพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” อย่างประเทศเจ้าภาพอิหร่านเขาเชื่อของเขาจริงๆ หรือได้แสดง “ความเชื่อมั่น” แบบสุดจิต-สุดใจ ดังคำประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัดของประธานาธิบดีชั่วคราว “นายMohammad Mokhber” นั่นแหละว่า “ยุคสมัยของโลกแบบขั้วอำนาจเดียว...ได้มาถึงจุดสิ้นสุด ยุติ ลงไปเรียบร้อยแล้ว” หรือ “โลกกำลังเข้าสู่ช่วงระยะแห่งการเปลี่ยนผ่านทางประวัติศาสตร์ ที่จะนำไปสู่ระเบียบโลกแบบใหม่และการอุบัติขึ้นมาของโลกหลายขั้วอำนาจ อันเป็นหนทางที่มิอาจหวนกลับคืนได้อีก เนื่องจากพลังอำนาจของเอเชียยุคใหม่...” นี่...จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็คงต้องลองไปคิดคำนวณดูเอาเอง แต่สิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...นั่นก็คือการเติบโต เติบใหญ่ของบรรดาประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศซีกโลกใต้ทั้งหลาย ไม่ว่าในยูเรเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา ที่ล้วนแล้วแต่กำลังเพรียกหา เรียกหา ความเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
อย่างกลุ่มประเทศ “SCO” หรือ “The Shanghai Cooperation Organization” ที่เริ่มเตาะๆ แตะๆ ขึ้นมาโดยความร่วมมือของจีนและรัสเซีย หลังจากที่เริ่มตระหนัก สำนึก ว่าคุณพ่ออเมริกาท่านคิดอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “สงครามกับการก่อการร้าย” เพื่อขยายอำนาจ อิทธิพล เข้ามาในเอเชียกลาง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 โน่นเลย แต่เพียงแค่ทศวรรษกว่าๆ เท่านั้นเอง จากความร่วมมือของ 6 ประเทศที่มีอาณาบริเวณเกี่ยวข้องกับภูมิภาคเอเชียกลาง อย่างจีน-รัสเซีย-คาชัคสถาน-ทาจิกิสถาน-คีร์กีซสถาน และอุซเบกิสถาน ก็ค่อยๆ ขยายตัว แผ่ซ่าน รวมเอาอินตะระเดียและปากีสถาน และต่อไปถึงอิหร่าน มองโกเลียและเบลารุส ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า จนกลายเป็นกลุ่มประเทศที่ครอบครองพื้นที่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของยูเรเชีย หรือเป็นไปตามแนวคิดยุทธศาสตร์ของอดีตผู้บัญชาการกองทัพที่ 1 ของประเทศสัมพันธมิตรและประธานเสนาธิการร่วมคนแรกของอเมริกา อย่าง “นายพลNicholas Spykman” ที่เคยว่าเอาไว้ว่า... “Who controls the Rimland rules Eurasia, who rules Eurasia controls the destinies of the world” หรือ “ใครที่ควบคุมขอบทวีปก็จะครอบครองยูเรเชีย และใครครอบครองยูเรเชีย ก็จะได้ควบคุมชะตากรรมของโลก”...นั่นแล...
พูดง่ายๆ ว่า...เฉพาะแค่กลุ่มประเทศ “SCO” ก็เป็นประเทศที่มีมวลประชากรรวมกันถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรโลก มีมวลรวมตัวเลข “GDP” ระดับ 20 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลกเข้าไปแล้ว นั่นยังไม่รวมไปถึงบรรดาประเทศที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสังเกตการณ์ หรือสมาชิกผู้ร่วมโต๊ะเจรจา ที่มีทั้งซาอุฯ กาตาร์ คูเวต บาห์เรน ยูเออี ตุรเคีย ศรีลังกา เนปาล มัลดีฟ พม่า กัมพูชา อียิปต์ อาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย ฯลฯ รวมถึงบรรดาประเทศในอาเซียนอีกหลายต่อหลายประเทศ ยิ่งถ้ามองไปถึงกลุ่มประเทศนอกเหนือไปจากภูมิภาคเอเชียกลาง ที่พยายามสร้างความร่วมมือในระดับโลก อย่างกลุ่มประเทศ “BRICS” อันมีบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้เป็นหัวหอกด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่ “โกบิ๊ก” เอามากๆ คือแค่เฉพาะ 5 ประเทศรวมกัน ก็ครอบครองพื้นที่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของโลกใบนี้ มีจำนวนประชากรถึง 45 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกแถมยังมีตัวเลข “GDP” โดยมวลรวม ปาเข้าไปถึง 33 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เฉือนชนะประเทศคนเคยรวยอย่างกลุ่มประเทศ “G7” หรือกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือ แถวๆโค้งวัดเบญฯ จนทำให้ “หลักการพื้นฐาน” ที่ทั้ง 5 ประเทศร่วมยึดมั่น ยึดถือ นั่นคือความร่วมมือที่จะผลักดันให้โลกยุคใหม่กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” จึงเป็นสิ่งมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป...
นั่นยังไม่รวมไปถึงบรรดา “สมาชิกใหม่” อย่างอิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย รวมทั้งยูเออี ประเทศร่างทรงของอภิมหาเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ เขานั่นแหละ ไปจนประเทศที่เข้าคิว รอคิว สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ ไม่ว่าประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา หรือประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียง อย่างมาเลเซีย ชนิดกระเหี้ยนกระหือรือเอามากๆ ฯลฯ อันถือเป็นเครื่องบ่งชี้ ชี้วัด ได้พอประมาณ ว่าในขณะที่พันธมิตรของประเทศในซีกโลกใต้ นับวันมีแต่ “เพิ่ม-กับ-เพิ่ม” ต่างไปจากบรรดาพันธมิตรซีกโลกเหนือ ที่นับวันมีแต่ “ทรุด-กับ-เสื่อม” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
ดังนั้น...โดยความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ตามยุทธศาสตร์ของอเมริกาเอง หรือ “A Three-Theater Defense Strategy” นั่นแหละ น่าจะพอฟันธงและฟันเฟิร์มได้แบบเต็มด้าม มิดด้าม ว่าโอกาสที่ “โลกขั้วอำนาจเดียว” จะสิ้นสุด ยุติ ลงไปในอีกไม่นาน-ไม่ช้า และจะกลายเป็นตัวเปิดช่อง เปิดทาง ให้กับการผงาดขึ้นมาของ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่จะอาศัยช่วงระยะแห่งการ “เปลี่ยนผ่านทางประวัติศาสตร์” กระทำการสถาปนา “ระเบียบโลกแบบใหม่” ไม่ว่าในทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-เทคโนโลยี-การเงิน-การทอง ฯลฯ ให้อุบัติขึ้นมาในช่วงระยะต่อไป ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ…