ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตไปติดตามความเคลื่อนไหว ของผู้ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะ “จุดชนวน” หรือเป็นเครื่องมือในการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ นั่นก็คือผู้นำอิสราเอล “นายBenjamin Netanyahu” ที่กำลังฟาดงวงฟาดงาอยู่ใน “แนวรบตะวันออกกลาง” และผู้นำยูเครน “นายVolodymyr Zelensky” ที่กำลังดิ้นพราดๆ อยู่ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ด้วยเหตุเพราะโดยแนวโน้ม โดยข่าวสาร ข้อมูลจำนวนไม่น้อย ค่อนข้างบ่งชี้ว่า...โอกาสที่บุคคลทั้งสองอาจต้องถูก “ถีบทิ้ง” ในอีกไม่นานนับจากนี้ นับวันยิ่งเป็นอะไรที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
สำหรับ “นายNetanyahu” นั้น...หลังจากอดีตรัฐมนตรีกลาโหมและหัวหน้าพรรคคู่แข่ง “นายBenny Gantz” ได้กระทำการตาม “คำขาด” ยื่นใบลาออกจากคณะรัฐมนตรีสงคราม รวมทั้งรัฐมนตรีที่เข้าร่วมสังเกตการณ์อย่าง “นายGadi Eisenkot” และ “Yechiel Tropper” ที่ตัดสินใจถอนยวงตามไปด้วย “นายNetanyahu” เลยต้องตัดสินใจ “ยุบคณะรัฐมนตรีสงคราม” ไปเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว แล้วหันไปพึ่งพาพวก “ขวาสุดลิ่มทิ่มกระดาน” ที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่ว่ารัฐมนตรีกลาโหม “Yoav Gallant” หรือรัฐมนตรีกิจการยุทธศาสตร์ “นายRon Dermer” ฯลฯ เพื่อหวังดิ้นรนกระเสือกกระสนให้มีโอกาสอยู่รอดในตำแหน่งผู้นำประเทศอีกต่อไป โดยยังไม่คิดจะ “เลือกตั้งใหม่” ตามคำเรียกร้องของใครต่อใครที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งประเทศ...
และอาจด้วยเหตุนี้เอง...ที่ทำให้เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 มิ.ย.) บรรดาลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอน หรือบรรดาชาวยิวทั้งหลาย จำนวนไม่น้อยไปกว่า 150,000 คนเลยต้องดาหน้าออกมาประท้วงที่กรุงเทลอาวีฟ ถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการชูป้ายเรียกร้องให้ “เลือกตั้ง” กันใหม่ หรือให้ “ยุติสงคราม” ที่ยืดเยื้อคาราคาซังร่วมเกือบ 10 เดือนเข้าไปแล้ว หรือให้ร่วมขจัดกวาดล้างพวก “มุสิก” ที่สิงสถิตอยู่ในรัฐสภาอิสราเอล (All of the rats in the Knesset) ให้หมดเกลี้ยงจากแผ่นดินพันธสัญญาให้จงได้ ฯลฯ และถึงแม้ผู้นำอย่าง “นายNetanyahu” จะหน้าด้าน-หน้าทนเพียงใดก็เถอะ แต่คงหนีไม่พ้นต้องอกสั่น-หวั่นไหวมิใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคลื่นความไม่พอใจของโลกทั้งโลกระดับไม่ต่างไปจาก “วอนทั้งโลก...โขกหัวเธอ” อะไรทำนองนั้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศแถบละตินอเมริกาอย่างโบลิเวีย โคลัมเบีย ที่ตัดสินใจตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลแบบเบ็ดเสร็จ-เด็ดขาด ขณะที่ชิลี จอร์แดน บราซิล ถึงกับเรียกเอกอัครราชทูตตัวเองกลับประเทศ ไม่ต่างไปจากตุรกี-ตุรเคีย ที่ประกาศยุติความร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งหมดทั้งมวลกับอิสราเอล ฯลฯ เนื่องจากต่าง “รับไม่ได้” กับความโหด-ความเหี้ยมของกองทัพอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “Netanyahu” นั่นแล...
ชนิดแม้แต่ประเทศในยุโรปที่เคยยอมเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับพันธมิตรรายสำคัญของอิสราเอลอย่างคุณพ่ออเมริกา ก็ยังมิอาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ไม่ว่านอร์เวย์ สเปน ไอร์แลนด์ ไปจนถึงสโลวีเนีย ฯลฯ โน่นเลย เลยต้องหันมาประกาศรับรองความเป็น “รัฐปาเลสไตน์” ชนิดไม่ต่างไปจากการ “ยกตีนลูบหน้า” อิสราเอลยังไง-ยังงั้น ส่วนในอเมริกาเอง...กระแสต่อต้านสงครามฮามาสของอิสราเอล ก็ยังคงไม่เลิกแล้วเอาง่ายๆ บรรดาผู้ที่ไม่พอใจต่อทั้งรัฐบาลอิสราเอลและรัฐบาลอเมริกันในฐานะผู้สนับสนุนรายสำคัญ ไม่ได้มีแต่เพียงนิสิต-นักศึกษาแทบทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกา ที่ออกมาตั้งแคมป์ประท้วงแม้ถูกไล่ทุบ ไล่กระทืบจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลสักกี่ครั้ง-กี่หน แต่ยังหมายรวมไปถึงบรรดาอเมริกันชนอีกเป็นจำนวนไม่น้อย รวมทั้งบรรดาชาวมุสลิมในอเมริกา หรือในรัฐที่เรียกๆ กันว่า “Swing States” ทั้งหลาย ที่ต่างหันมาเรียกขานผู้นำประเทศตัวเองด้วยชื่อ-ฉายาชนิดใหม่ คือแทนที่จะเรียกว่า “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ วิตถาร” แบบเดิมๆ กลับหันมาด่า หันมาประณามด้วยชื่อ-ฉายาใหม่ๆ ว่า “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” (Genocide Joe) เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ด้วยเหตุที่ผู้คนแทบจะทั่วทั้งโลก...แม้แต่ในอเมริกาและในอิสราเอล ต่างไม่คิดจะ “เอา” กับรัฐบาล “นายNetanyahu” เช่นนี้เลยทำให้ผู้ที่หวังพึ่งพาเงินสนับสนุนของนักธุรกิจชาวยิวในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาปลายปีนี้อย่างเป็นที่สุด เช่นคุณปู่ “โจ ซึมเซา” เลยออกอาการ “น้ำท่วมปาก” กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ยิ่งมีข่าวว่าผู้นำอิสราเอลรายนี้จะเดินทางมากล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาสหรัฐฯ ตามคำเชื้อเชิญอีกไม่นานนับจากนี้ เลยทำให้สำนักข่าวเว็บไซต์อเมริกันอย่าง “The Politico” ถึงกับต้องนำไปเสนอเป็นข่าวพาดหัวถึงขั้นว่า “White House fears Netanyahu visit” หรือทำเนียบขาวออกอาการขนหัวลุก-ขนคอตั้ง ต่อการเดินทางเยือนอเมริกาของผู้นำอิสราเอล ตามคำบอกเล่าคำสารภาพของบรรดา “แหล่งข่าวระดับสูง” ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม อะไรประมาณนั้น...
เรียกว่า...ขนาดยังไม่ได้โอภาปราศรัยในรัฐสภาอเมริกาตามคำเชื้อเชิญ ผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายNetanyahu” ก็ยังหันมา “กัด” พันธมิตรผู้ใกล้ชิดของอิสราเอล หรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ไปแล้วประมาณอ้ำ-สองอ้ำ ในแง่ของการโยกโย้-โยเยไม่ยอมส่งอาวุธไปให้อิสราเอลด้วยการกล่าวอ้างเหตุผลต่างๆ นานา แม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายAntony Blinken” จะเคยรับปากกับผู้นำอิสราเอลในการเดินทางมาเยือนคราวล่าสุดอย่างเป็นมั่น-เป็นเหมาะ เพราะแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าโลกทั้งโลก หรือแม้แต่พันธมิตรผู้ใกล้ชิดอย่างอเมริกา ไม่คิดจะเอาด้วยอีกต่อไปแล้ว แต่ความพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปให้จงได้ ทำให้ผู้นำอิสราเอลรายนี้เริ่มหันไป “เปลี่ยนเป้าหมายสงคราม” จากที่เคยไล่ล่า ล้างผลาญพวกฮามาสในฉนวนกาซา โดยเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 มิ.ย.) นายกรัฐมนตรี “Netanyahu” ได้ออกมาป่าวประกาศทางโทรทัศน์ช่อง 14 ของอิสราเอล ว่าการบุกเมือง “Rafah” ของกองทัพอิสราเอลใกล้บรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้จะหันมาเล่นงานเป้าหมายใหม่ นั่นคือ... “เราจะมุ่งขึ้นเหนือ” หรือจะหันไปเล่นงานพวก “Hezbollah” ในเลบานอน ที่ยังคงรบกวน รังควาน จนบรรดาชาวอิสราเอลในพื้นที่ภาคเหนือต้องอพยพหลบหนี ไม่อาจอยู่อาศัยในพื้นที่เดิมๆ ได้อีกต่อไป...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...เพราะหวังที่จะอาศัย “สงคราม” เป็นตัวหล่อเลี้ยงอำนาจบทบาทของตัวเอง ให้ยังดำรงคงอยู่ต่อไปให้ได้ โดยไม่ได้สนใจว่าการเปิดศึกโดยตรงกับพวก “Hezbollah” นั้น จะนำความพินาศฉิบหายมาสู่ประเทศและประชาชนชาวอิสราเอลอีกมาก-น้อยเพียงใด เนื่องจากพวกนักรบเลบานอนกลุ่มนี้ ต้องยอมรับว่า “ไม่ธรรมดา” อยู่แล้วแน่ๆ!!! แค่ดูจากสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างอิสราเอลกับพวก “Hezbollah” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2006 ครั้งนั้น...ก็เล่นเอาอิสราเอลอ่วมอรทัย กาญจนชูศักดิ์กันไปมิใช่น้อย ถึงกับต้องเป็นฝ่ายเจรจายุติการหยุดยิง หลังจาก “จรวด” นับพันๆ หมื่นๆ ลูกของพวก “Hezbollah” สามารถแหวกระบบป้องกัน “Iron Dome” เล่นงานพื้นที่ต่างๆของอิสราเอลจนถึงกับต้องถกเถียง อภิปราย ชนิดปากเปียก-ปากแฉะ ถึง “ประสิทธิภาพ” ระบบป้องกันดังกล่าว ว่าหมดสภาพ หมดน้ำยาลงไปแล้วหรือยัง???
ส่วนครั้งนี้...ผู้นำ “Hezbollah” อย่าง “นายHassan Nasrallah” เขาก็ได้ออกมาเตือนไว้ล่วงหน้า เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (19 มิ.ย.) ประมาณว่า... “ไม่มีพื้นที่ใดๆในอิสราเอลที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากจรวดและโดรนของเราได้เลย” ด้วยเหตุเพราะ การล่วงรู้ถึง “เป้าหมาย” ต่างๆ ในอิสราเอลอย่างชนิด “very, very large amount of information” แถมยังคุยข้ามช็อตไปถึงอาวุธร้ายๆ ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย หรือเคยได้ใช้มาก่อน ที่มีอยู่ในมือตัวเองอีกเยอะแยะมากมาย ความพยายามลากประเทศทั้งประเทศเข้าสู่ “สงคราม” เพื่อให้ “ตัวกูเอง” อยู่รอด-ปลอดภัยไปวันๆ เลยทำให้สถานะของ “นายNetanyahu” ดูจะเป็นไปดังที่ผู้ประท้วงชาวอิสราเอลเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาสรุปเอาไว้นั่นแหละว่า คือ “The worst Prime minister” หรือผู้นำที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์อิสราเอล ด้วยเหตุนี้...เพื่อไม่ให้ต้องตกกระไดพลอยโจน หรือพลอยฉิบหาย-วายวอดตามไปด้วย แนวโน้มที่พันธมิตรผู้ใกล้ชิดที่สุดอย่างคุณพ่ออเมริกา อาจต้องเร่งหันไป “ถีบทิ้ง” ผู้นำรายนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ย่อมมีความเป็นได้สูงยิ่งขึ้นไปทุกที เพราะแม้แต่อดีตผู้นำอเมริกาที่เคยให้การสนับสนุน “นายNetanyahu” แบบสุดลิ่มทิ่มกระดาน อย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเปรยๆ กับสื่ออิสราเอลเมื่อไม่นานมานี้ว่า “ยังมีคนดีๆ ที่เหมาะจะทำหน้าที่ในอิสราเอลได้ดีกว่านี้”...
สำหรับผู้นำยูเครนอย่าง “นายVolodymyr Zelensky” นั้น...ต้องถือเป็นเรื่องที่ควรหยิบมาใคร่ครวญพิจารณาอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต่อคำพูด คำทำนาย ของผู้นำระดับโลกอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ที่กล้าป่าวประกาศแบบเต็มปาก-เต็มคำที่กรุงฮานอยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่ากำลังจะถูก “ถีบทิ้ง” โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอย่างคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ภายในไม่น่าจะเกินต้นปีหน้า เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งที่สอดคล้องต้องกันกับข่าวสาร-ข้อมูลของหน่วยงานข่าวกรองรัสเซียอย่าง “SVR” หรือ “The Russian foreign intelligence service” ที่ออกมาระบุไว้ก่อนหน้านี้ ว่าแนวโน้มที่ “Project Zelensky” กำลังถูกปิดฉากในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล รวมทั้งความพยายามผลักดันให้ผู้นำรายใหม่อดีตผู้บัญชาการทหารอย่าง “นายValery Zaluzhny” ผงาดขึ้นมาแทนที่นั้นกำลังจะอุบัติขึ้นมาในอีกไม่นาน-ไม่ช้า แต่ยังถือเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับรายงานข่าวของสื่อตะวันตกอย่าง “The Washington Post” ไปจน “The Wall Street Journal” ที่ออกมาประสานเสียงถึงความไม่พอใจของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ต่อการทุจริตประพฤติมิชอบในเงินช่วยเหลือ สนับสนุนรัฐบาลยูเครน ในการทำสงครามกับรัสเซีย ชนิดก่อให้เกิดความ “ตึงเครียด” ในการพบปะครั้งล่าสุดระหว่างผู้นำยูเครนกับ “นายAntony Blinken” รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา หรือการตั้งข้อสงสัยของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปต่อความสามารถในการบริหาร-จัดการเงินช่วยเหลือต่างประเทศของยูเครน ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น...
จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ...ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ยังไงๆ...คงหนีไม่พ้นต้องสรุปล่วงหน้าเอาไว้ว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่มีบทบาทในการจุดชนวน หรือผู้ที่ถูกใช้เป็น “เครื่องมือ” ให้กับคุณพ่ออเมริกาในการจุดไฟนรกขึ้นมาในแนวรบต่างๆ อย่างเช่น “นายNetanyahu” หรือ “นายZelensky” ก็แล้วแต่ มีแต่ต้องเร่งหันไปตระหนัก สำนึก ถึงคำพูด-คำจาของอดีตผู้นำเวียดนาม พันธมิตรผู้ใกล้ชิดกับอเมริกาแบบสุดลิ่มทิ่มกระดานมาก่อนหน้านี้ ที่เคยย้ำนัก-ย้ำหนา เอาไว้ประมาณว่า... “ใครที่เป็นศัตรูกับอเมริกาอาจ...ลำบาก แต่ใครที่เป็นมิตรกับอเมริกา ย่อมมีแต่ตายหยังเขียด หรือตาย...กับ...ตายลูกเดียวเท่านั้นเอง!!!” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย...