xs
xsm
sm
md
lg

ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา



ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่
คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


เป็นที่รับทราบกันแล้วในปัจจุบัน การกำเนิดของไวรัสโควิดมาจากการสร้างในห้องแล็บ จากความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น ตั้งแต่เริ่มมีซาร์สระบาดใน 2002–3 และมีพิมพ์เขียวของตัวไวรัสโควิดในปี 2018 รวมทั้งสิทธิบัตรวัคซีนโควิด mRNA ตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดในปลายปี 2019

และยังคงมีการใช้วัคซีนและเทคโนโลยีในการผลิตผันไปใช้กับวัคซีนชนิดอื่นมากมายที่เราเห็นในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ไม่มีการยอมรับผลกระทบของวัคซีนที่ทำให้คนตายและพิการทั่วโลก ซึ่งไม่ได้อธิบายจากการที่ใช้โปรตีนหนามในวัคซีนอย่างเดียว แต่จากกระบวนการผลิตที่มีดีเอ็นเอ และยีนต่างๆ ปนเปื้อนและอยู่ในอนุภาคนาโนไขมันและสามารถเสียบเข้าไปในดีเอ็นเอ โครโมโซมของมนุษย์ได้และเกิดการสร้างโปรตีนที่ผิดเพี้ยนต่อไปในอนาคต

เรื่องเหล่านี้ปรากฏมาก่อนโควิด ย้อนเบื้องหลังการอนุมัติใช้ยาทามิฟลู (Oseltamivir Tamiflu) สำหรับไข้หวัดใหญ่ จนกระทั่งถึงการให้สะสม stockpile ตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก จนถึงปัจจุบัน

จากวารสารการแพทย์ของอังกฤษ British medical journal เปิดเผยไปจนถึงรายงานต่างๆ ในวารสารการแพทย์ชั้นนำของโลกอื่นๆ พบว่าไม่มีการตรวจสอบข้อมูลในการศึกษาอย่างแท้จริง (ใช้คำว่า ไม่มี vetted underlying data = ไม่มี careful and critical examination) แต่เป็นข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต

และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน “ยังไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพ” ได้ว่าสามารถลดอัตราการเกิดปอดบวม และการเสียชีวิต ตามรายงานจนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019

รายงานการศึกษาประสิทธิภาพในระยะที่ 3 ของบริษัทผู้ผลิตไม่ได้ถูกเปิดเผยหรือถูกตีพิมพ์แม้ว่าจะผ่านไป 10 ปี หลังจากที่มีการสนับสนุนให้เป็นการใช้มาตรฐานจาก WHO CDC EMA (ยุโรป)

Tamiflu campaign BMJ https://www.bmj.com/tamiflu และรวมยาสมุนไพร ยาที่หมดสิทธิบัตร หมดสิทธิที่จะเข้ารับการศึกษาหรือไม่ให้ใช้โดยเด็ดขาด!!!

เรื่องการพัฒนายา ยังเป็นที่น่าสังเกตว่ายึดโยงกับการพัฒนาสร้างไวรัสใหม่ให้รุนแรงขึ้น แพร่ง่ายขึ้น และเตรียมการที่จะผลิตยาและแน่นอนคือวัคซีน

การสร้างไข้หวัดนกที่รุนแรงแพร่ทางอากาศติดได้ในคน ไข้หวัดนกตามปกติจะติดคนได้ยากอยู่แล้ว แต่ปี 2011 นักวิทยาศาสตร์ Erasmus Netherlands คือ Ron Fouchier และ Yoshihiro Kawaoka จาก University Wisconsin-Madi son ประกาศความสำเร็จในการปรับแต่งไข้หวัดนก H5N1 ให้สามารถแพร่ในตัว เฟอเร็ท (ซึ่งเป็นสัตว์ทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าติดต่อในคนได้) และสามารถแพร่ทางอากาศได้ (air borne transmission) และตีพิมพ์ในวารสาร Science ปี 2012

นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองคณะได้รับทุนวิจัย gain of function นี้ จาก Francis Collins NIH และ Anthony Fauci NIAID ไวรัส H5N1 ที่นำมาปรับแต่งนั้น ส่งจากประเทศไทยด้วยหรือไม่ ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด จากที่มีการติดในเสือและเสือตาย และมีนักวิทยาศาสตร์ไทยไปเรียนต่อที่เนเธอร์แลนด์ และมีชื่ออยู่ในบทความตีพิมพ์ในปี 2012

เหตุการณ์ที่น่ากลัวปรากฏในห้องปฏิบัติการหลายครั้งด้วยกันที่ Kawaoka แล็บ Wisconsin ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2013 เวลา 18.30 น. นักวิจัยเกิดอุบัติเหตุแทงเข็ม ที่มีไวรัสปรับแต่งพันธุกรรม H5N1 เข้านิ้วตัวเอง และถูกกักตัวเจ็ดวันที่บ้านและได้รับยารักษาเป็นเวลา 10 วัน ในขณะนั้น จากการสืบสวนพบว่าทางห้องปฏิบัติการไม่มีมาตรการที่รัดกุมพอสำหรับการป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ในคนและหลุดรั่วออกไป และเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องที่เก็บตัวที่บ้าน เพราะถ้าเกิดติดเชื้อจะสามารถแพร่ทางอากาศออกไปสู่ชุมชนข้างเคียงได้ ทางระบบระบายอากาศ ของอพาร์ตเมนต์ และสมควรที่จะต้องกักตัวในโรงพยาบาลในห้องกักกันพิเศษ

ในขณะเดียวกัน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้อยากรับตัวเช่นกัน พร้อมทั้งกลัวว่าประชาชนจะรู้เกี่ยวข้องกับข่าวนี้ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาหลังจาก needle stick incident มีการหลุดรั่วของเชื้อแอนแทร็กซ์และไข้หวัดนก ที่ CDC แม้กระทั่งมีหลอดบรรจุไวรัสฝีดาษ (small pox) ทิ้งในห้องเก็บของเป็น 10 ปีที่ NIH

ในเดือนตุลาคม 2014 ทำเนียบขาวมีนโยบายห้ามให้ทุนเกี่ยวกับการสร้างไวรัสใหม่ แต่ตั้งแต่ปี 2019 ยังมีการทดลองที่ถูกสั่งห้ามถูกปล่อยให้ทำเงียบๆ ทั้งนี้รวมถึงห้อง lab ของ Kawaoka ที่ Wisconsin และข่าวที่มีอุบัติเหตุการรั่วไหลต่างๆ ถูกปิดเงียบจากประชาชน

ในวันที่ 9 ธันวาคม 2019 นักวิทยาศาสตร์สองคน ได้สอนผู้ร่วมงานอีกหนึ่งคน ในการทำงานในห้องชีวนิรภัยระดับสามที่ Wisconsin โดยใส่ชุดมนุษย์อวกาศและมีถังกรองอากาศ ไวรัสที่ทำขณะนั้นคือไวรัสไข้หวัดนกที่ปรับแต่งพันธุกรรมให้ติดในคนได้และแพร่ทางอากาศ VN1203HA (N158D/N224K/ Q226L/ T318I)/CA04. หนึ่งในผู้ปฏิบัติงาน พบว่าท่ออากาศไม่ทำงาน และตื่นตระหนกและไม่ได้ทำตามมาตรฐานความปลอดภัย ทางการรัฐไม่ได้รับทราบเรื่องแล็บแอ็กซิเดนต์เหล่านี้ โดยแล็บและมหาวิทยาลัยกล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหา ไม่ใช่ significant exposure แต่หลีกเลี่ยงที่จะตอบว่า แล้วอะไรถือว่าเป็นความเสี่ยง?

ข้อมูลเหล่านี้รวบรวมจากหลักฐานการตีพิมพ์และที่รายงานจาก award winning journalist Alison Young an in vestigative reporter in Washington D.C., and serves as the Curtis B. Hurley Chair in Public Affairs Reporting for the University of Missouri School of Journalism. From 2009 to 2019, she was a reporter and member of USA TODAY’s national investigative team. She has reported on laboratory accidents for 15 years. Her first book, Pandora’s Gamble : Lab Leaks, Pandemics, and a World at Risk, ออกเผยแพร่ 25 เมษายน 2023

ล่าสุด บทความในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน JAMA network 21 พฤษภาคม 2024 โดย CDC แถลงผลการปฏิบัติการเตรียมพร้อมและตอบโต้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อไข้หวัดนก highly pathogenic avian influenza (HPAI) H5N1.


กำลังโหลดความคิดเห็น