xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกา...เมื่อเข็มนาฬิกาถึงเวลาเที่ยงคืน!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โจ ไบเดน
แม้ไม่น่าจะถึงกับเป็นเรื่องใหญ่-เรื่องโตอะไรมากมาย...แต่ก็ดูจะสร้างความ “หุดๆ หิดๆ” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาผู้คิดจะ “ปักหมุดไว้ที่เอเชีย” (Pivot to Asia) มาตั้งแต่ยุครัฐบาล “โอมาบ้า” (โอบามา) โน่นเลย ต่อกรณีประเทศเล็กๆ ในเอเชีย อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม รวมทั้งประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างเวียดนาม ได้แสดง “ความเป็นตัวของตัวเอง” หรือได้อาศัย “อำนาจอธิปไตย” ตัดสินใจในบางเรื่อง-บางราวตามความปรารถนาของประเทศตัวเองเป็นหลัก...

สำหรับไทยแลนด์ของหมู่เฮานั้น...ไม่เพียงแต่ได้แสดง “เจตจำนงอย่างเป็นทางการ” ในการสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศ “BRICS” ที่มี “มหาอำนาจคู่แข่ง” ของคุณพ่ออเมริกา อย่างคุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซียยืนหยัดปักหลักมาตั้งแต่แรกแต่ในช่วงการประชุม “สันติภาพยูเครน” ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ยอมร่วมลงนามใน “แถลงการณ์ร่วม” เช่นเดียวกับอินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ ซาอุฯ บาห์เรน ยูเออี ลิเบีย เม็กซิโก และพี่เบิ้มในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย ฯลฯ ซะอีกด้วย อันถือเป็นความ “แปลกแยก” กับบรรดาพวก “พรมเช็ดเท้า” ของคุณพ่ออเมริกาอย่างเห็นได้โดยชัดเจน...

ส่วนประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างเวียดนาม ที่แม้เคยถูกคุณพ่ออเมริกาถล่มเสียยับเยินในยุคสงครามเวียดนาม แต่ด้วยเหตุเพราะความต้องการอาศัยความขัดแย้งในน่านน้ำทะเลจีนใต้ ลากเอาเวียดนามมาใช้เป็น “เครื่องมือ” แบบเดียวกับที่พยายามใช้หนึ่งในประเทศอาเซียนอย่างฟิลิปปินส์ในทุกวันนี้ หลังๆ นี้...คุณพ่ออเมริกาเลยหันมาทุ่มเทเงินทอง ความช่วยเหลือแบบชนิดแทบไม่อั้น แต่สุดท้าย...คุณพี่เหงียนแห่งอาเซียน ยังดันหันไป “จูบปาก” กับคุณน้ารัสเซีย พันธมิตรทางยุทธศาสตร์แบบไร้ขีดจำกัดของคุณพี่จีนจนได้ ด้วยการเตรียมเปิดบ้านปูพรมแดงต้อนรับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” โดยไม่ได้สนใจต่อ “หมายจับ” ของศาลอาญาระหว่างประเทศเอาเลยแม้แต่น้อย...

ความพยายามรวบรวม “พันธมิตร” ในเอเชีย-แปซิฟิกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตาม “ยุทธศาสตร์แห่งความพ่ายแพ้” หรือ “A Three-Theater Defense Strategy” ที่นำเสนอโดยพวก “บ้าสงคราม” (Neo-Conservative) ในนิตยสาร “Foreign Affairs” เมื่อไม่นานมานี้ เลยน่าจะออกไปทาง “แห้วกระป๋อง” ยิ่งเข้าไปทุกที เพราะแม้แต่คุณปู่อินตะระเดียที่ยังคงมีปัญหาด้านพรมแดนกับจีน เอาไป-เอามาแล้ว...ก็ดูจะไม่ได้คิดร่วมหัว-จมท้ายกับความเป็น “พันธมิตรสี่เหลี่ยมด้านเท่า” (QUAD) เพื่อเล่นงานคุณพี่จีนมากมายสักเท่าไหร่ หรือแม้แต่พันธมิตรด้านใต้สุดอย่างออสเตรเลียก็เถอะ!!! ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีท่าทีแตกต่างไปจากรัฐบาลชุดก่อนไม่มาก-ก็น้อย โดยเฉพาะความผูกพันด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและออสเตรเลีย ความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะอาศัยศักยภาพของกลุ่มพันธมิตร “AUKUS” ในการปิดล้อมจีน ก็ดูจะทุเลาเบาบางลงไปมิใช่น้อย...

ไม่ต่างไปจาก “แนวรบในตะวันออกกลาง” อีกนั่นแหละ...ที่พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาอย่างอิสราเอล ได้ทำให้ผู้ที่เคยเป็น “แนวร่วม” ของอเมริกาทั้งหลาย เผ่นกระเจิดกระเจิงไปเป็นรายๆ อันเนื่องมาจากความ “บ้าสงคราม” หรือความพยายามอาศัยสงครามเป็น “เครื่องมือ” ในการดำรงรักษาอำนาจของ “ตัวกูเอง” หรือของ “นายBenjamin Netanyahu” นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ชนิดแม้แต่พันธมิตรรายแรกของอิสราเอลแห่งโลกอาหรับอย่างอียิปต์ ยัง “รับไม่ได้” กับความเหี้ยมความโหดของกองทัพอิสราเอลในสงครามกาซา เช่นเดียวกับพี่เบิ้มในตะวันออกกลางอย่างซาอุฯ ที่นอกจากไม่คิดต่ออายุข้อตกลง “Petrodollar Agreement” กับอเมริกาแล้ว ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่คิดจะลงนามใน “แถลงการณ์ร่วม” ณ เวทีประชุมสันติภาพยูเครน ไม่ต่างไปจากไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เช่นกัน...

หรือสรุปง่ายๆ ว่า...ด้วยความ “บ้าสงคราม” ของอิสราเอล ที่คุณพ่ออเมริกาไม่เพียงแต่รั้งไม่หยุด-ฉุดไม่อยู่ แถมยังต้องคอยพิทักษ์ ปกป้อง คอยส่งอาวุธ ส่งระเบิด ส่งเงินช่วยเหลือให้พันธมิตรรายนี้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยไม่คิดจะสนใจ ไม่ให้ความสำคัญต่อ “ปฏิกิริยา” ของโลกทั้งโลก หรือของชาติสมาชิกในสหประชาชาตินับร้อยๆ ประเทศเอาเลยแม้แต่น้อย เลยทำให้ตัวเองต้องพลอย “โดดเดี่ยว-โฮมอโลน” ไปด้วย แทบไม่เหลือพันธมิตรหรือแนวร่วมใดๆ ในแนวรบด้านนี้ ที่ยังพร้อมจะเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาอีกต่อไป...

ส่วน “แนวรบยุโรปตะวันออก” นั้น...ก็เหลือแต่พวกฝรั่ง “NATO” ไม่กี่สิบประเทศ ที่ยังติดเชื้อโรค “Russophobia” อย่างมิมีวันรักษาหาย และยังคงดำรงตนเป็น “พรมเช็ดเท้า” ยังรุมเหยียบ รุมกระทืบคุณน้ารัสเซียตามความปรารถนา-ความต้องการของคุณพ่ออเมริกาอย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก แม้จะ “สวนทาง” กับความปรารถนา-ความต้องการของผู้คนในประเทศตัวเอง ที่อยากได้มาซึ่ง “สันติภาพ” ไม่ใช่ “สงคราม” ไม่ว่าสงครามยูเครน สงครามรัสเซีย-NATO สงครามโลกครั้งที่ 3 (นิวเคลียร์) ฯลฯ และได้แสดงออกให้เห็นโดยชัดเจนในการเลือกตั้งสภาฯ ยุโรปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...

ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา แทบไม่เหลือทางออก-ทางไปหรือ “ทางเลือก” มากมายสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องหาทาง “จุดระเบิด” ให้เกิดการปะทะขั้นแตกหัก ในแนวรบด้านหนึ่ง-ด้านใด เพื่อที่จะอาศัยสงครามเป็น “แรงกดดัน” ในการรวบรวมบรรดาพันธมิตรเท่าที่เหลืออยู่ ให้ต้องเลือกข้าง-เปลี่ยนข้าง-ย้ายข้าง ไปตามจังหวะและโอกาสของฉากสถานการณ์ ที่ต้องวัดตัดสินชัยชนะและความพ่ายแพ้ด้วย “กำลังทางทหาร” เพียงลูกเดียวเท่านั้นและนั่นเอง...ที่ได้นำมาซึ่งข่าวคราวอันน่าคิด น่าสะกิดใจเอามากๆ ดังที่หนังสือพิมพ์ “The Financial Times” ได้ระบุไว้ว่าถือเป็น “ครั้งแรก” ที่ผู้นำจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้เปิดอก-เปิดใจกับผู้นำต่างชาติ อย่าง “นางUrsula von der Leyen” ประธานกรรมการสหภาพยุโรป ว่าอเมริกากำลังพยายามใช้ไต้หวันเป็น “เหยื่อล่อ” หรือ “พยายามยั่วยุให้จีนหลงกลด้วยการบุกไต้หวัน” เพื่อหวังอาศัยฉากสถานการณ์ดังกล่าว รวบรวมบรรดาพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิกหรือทั่วทั้งโลก ให้หันมา “เลือกข้าง” ว่าจะยืนหยัดอยู่กับฝ่าย “ประชาธิปไตย” (ทุนสามานย์) หรือฝ่าย “อำนาจนิยม” กันแน่ หรือพูดง่ายๆ ว่า...พยายามยั่วยุให้มหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนหันมาเล่น “หมากรุก” ไม่ใช่เอาแต่เล่น “หมากล้อม” อีกต่อไป!!!

แต่ถ้าดูจากปฏิกิริยาของพวกที่ถูกจัดอยู่ในประเภท “อำนาจนิยม” พวกที่ไม่ได้เป็น “ประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานตะวันตกในแนวรบแต่ละแนวรบ ดูเหมือนว่าแต่ละรายไม่น่าจะ “หลงกล” หรือต่างน่าจะรับรู้-รับทราบถึงทางออก-ทางไปของอเมริกาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย-จีน-หรือแม้แต่อิหร่านก็ตามที ดังเช่นหมีขาวรัสเซียนั้น แม้จะไม่ถึงกับลำบาก-ยากเย็นอะไรมากมาย ในการบุกยึดกรุงเคียฟให้รู้แล้ว-รู้แรดกันไปให้จงได้ แต่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านก็ยังคงย้ำแล้ว-ย้ำเล่า ว่าไม่ได้คิดจะบุกกรุงเคียฟ ไม่ได้คิดจะยึดยูเครนแต่อย่างใด แถมยังพร้อมเสมอที่จะนั่งโต๊ะเจรจากับยูเครนได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ต้องเป็นไปตาม “เงื่อนไข” ข้อเท็จจริง นั่นก็คือต้องถอนทหารยูเครนออกไปจากพื้นที่ 4 เขต 4 แคว้นที่ผู้คนพลเมืองในพื้นที่เหล่านี้ ได้ “ลงประชามติ” เข้าร่วมเป็นดินแดนอันหนึ่งอันเดียวกันกับรัสเซียไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว และต้องเลิกคิดเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “NATO” โดยเด็ดขาด!!!

เพราะเพียงเท่านี้...ก็น่าจะพอเพียงแล้ว ที่จะทำให้บรรดาชาติยุโรปที่เพียรพยามออกเรี่ยว-ออกแรง รุมเหยียบ รุมกระทืบรัสเซีย ชนิดเมื่อยแข้ง-เมื่อยขาไปตามๆ กัน น่าจะเสื่อมทรุด-เสื่อมโทรมลงไปตามลำดับ ขณะผู้ที่ถูกเหยียบ ถูกกระทืบ ถูกแซงชั่นระดับหนักหนา-สาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์โลก (15,000 รายการ) กลับโตเอาๆ ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ-การเมือง-ในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายบทบาท อิทธิพล ของรัสเซียในทวีปแอฟริกา หรือแม้แต่ในเอเชียอย่างเวียดนาม-พม่า-เกาหลีเหนือ ฯลฯเป็นต้น ไม่ต่างไปจากพันธมิตรรายสำคัญของจีน-รัสเซีย อย่างอิหร่าน ที่แม้จะเปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีนเพียงใดก็ตาม กับการยั่วแล้ว-ยั่วเล่าของพันธมิตรอเมริกาอย่างอิสราเอล แต่ความพยายามระงับ-ยับยั้ง ไม่ให้เกิดการ “ขยายวงสงคราม” ในแนวรบด้านนี้ให้เตลิดเปิดเปิงเกินไปกว่านี้ ด้วยการข่มกลั้นอารมณ์ความรู้สึกในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่ออิสราเอล จนถึงขั้นรัฐมนตรีต่างประเทศจีนต้องเอ่ยปากยกย่องสรรเสริญอย่างเป็นงาน-เป็นการ ก็ต้องถือเป็นการหันมาเล่น “หมากล้อม” ไม่คิดจะเสียเวลาไปโขก “หมากรุก” ในกระดานของโลกตะวันตก อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...

ส่วนใน “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...ด้วยคุณลักษณะพิเศษของคุณพี่จีนในการลอดเลื้อยโอบกระหวัดรัดพัน ชนิดที่สามารถอาศัย “อภิมหาโครงการเปลี่ยนโลก” อย่าง “BRI” โอบโลกทั้งโลกมาอย่างต่อเนื่อง-ยาวนาน ยังไงๆ...คงไม่น่าจะ “หลงกล” ต่อการยั่วยุของคุณพ่ออเมริกาโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้...ความพยายามหาทางออก-ทางไปของมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาในลักษณะเช่นนี้ มันอาจเป็นไปดังที่นักประวัติศาสตร์การเมือง-การทหารของอเมริกาเอง อย่าง “ศาสตราจารย์Alfred McCoy” แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ได้วาดจินตนาการเอาไว้ในข้อเขียน บทความ ว่าด้วยเรื่อง “How America will collapse (by 2025)” หรืออเมริกาจะล่มสลายภายในปี ค.ศ. 2025 ได้แบบไหน? อย่างไร? ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ด้วยการวาดฉากสถานการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ดังนี้...

“หลังจากช่วงเวลาแห่งการขยายตัวของการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล และการทำสงครามการเงินอย่างไม่หยุดหย่อนของธนาคารกลางสหรัฐฯ กับดินแดนที่ห่างไกลออกไป ส่งผลให้ช่วงปี ค.ศ. 2020 สกุลเงินดอลลาร์จะเข้าสู่จุดแห่งการสูญเสียสถานะพิเศษซึ่งเคยมีมาแต่เดิมในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก นับจากนั้น...มูลค่าการนำเข้าในสหรัฐฯ ก็พุ่งทะยานอย่างระเบิดเถิดเทิง ความไม่สามารถที่จะหาเงินมาโปะงบประมาณที่ขาดดุลอย่างท่วมท้นมาโดยตลอด ทำให้พันธบัตรสหรัฐฯ ทั่วทั้งโลกถูกลดค่าไปแบบฮวบๆ ฮาบๆ ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจทั้งในบ้าน-นอกบ้าน สหรัฐฯ จะต้องค่อยๆ ถอนทหารออกจากฐานทัพต่างๆ ซึ่งเคยถูกส่งไปประจำการทั่วทุกซีกโลกกลับมาอย่างช้าๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม...ความพยายามเช่นนี้ก็สายไปเสียแล้ว!!! เมื่อบรรดาพี่เบิ้มรายต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคไม่ว่าจีน-อินเดีย-อิหร่าน-รัสเซีย ฯลฯ พร้อมแล้วที่จะลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจการครอบงำของอเมริกา ความเสื่อมโทรมภายในจะก่อให้เกิดการโต้เถียง การปะทะขัดแย้งระหว่างรัฐต่อรัฐ สายใยการเมืองที่เคยเชื่อมโยงรัฐต่างๆ ถูกตัดขาด พวกขวาจัดที่นิยมความรุนแรงจะลุกฮือขึ้นรุมขย้ำโจมตีศูนย์กลางอำนาจอย่างเกรี้ยวกราดปานพายุบุแคม ท้ายที่สุด...ทหารสหรัฐฯ ทั่วทุกซีกโลกหนีไม่พ้นต้องถอนกำลังกลับมาอย่างเงื่องหงอย โดยอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น...จักรวรรดิอันเคยมั่งคั่ง ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ก็จะตกอยู่ในภาวะล้มละลาย เข็มนาฬิกาแห่งศตวรรษของชาวอเมริกัน...เคลื่อนไปสู่ช่วงเวลาเที่ยงคืน...” นี่จริง-ไม่จริง เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ก็ลองไปนึกภาพ ไปจินตนาการเอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น