การเมืองบ้านเราช่วงนี้ต้องถือว่าเป็นช่วงพิลึกวิปริตพิสดารและไม่เป็นคุณต่ออนาคตของประเทศ สิ่งที่จะระงับยับยั้งความชั่วร้ายที่เกิดขึ้น คือพระสยามเทวาธิราชเท่านั้น
ไม่ใช่พระสยามเทวาธิราชรุ่นก่อนซึ่งเป็นเพียงนามธรรม แต่เป็นองค์ใหม่เป็นรูปธรรม แต่พระองค์จะจัดการเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินนี้หรือไม่
แน่นอนก่อนจะมีความสงบสุขและวางรากฐานอนาคตอาจจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นโดยกลุ่มผู้ต้องการอำนาจและรักษาผลประโยชน์ด้านธุรกิจและความอยู่รอด
ขึ้นอยู่กับว่าชาวไทยทั้งแผ่นดินจะมีบุญร่วมกันเหลือเพียงพอที่พระสยามเทวาธิราชจะโปรดช่วยเหลือบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ คนไทยที่รักชาติ พร้อมสู้
คนไทยได้เห็นความเสื่อมโทรมของระบบนิติรัฐนิติธรรม สภาวะกลายเป็นรัฐล้มเหลว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองบางส่วนเห็นแก่เงินและผลประโยชน์ ทำตัวเป็นผู้ทรยศต่อประชาชน ไม่รักษากฎหมาย ประเทศไร้ความน่าเชื่อถือ
เมืองไทยน่าอยู่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายเช่นสงครามกลางเมืองหรือภัยพิบัติอย่างประเทศอื่น แต่น่าเสียดายที่การเมืองเริ่มต้นจากกลุ่มผู้กระหายอำนาจตั้งแต่ปี 2475 ทำให้โครงสร้างเสียหายจนถึงปัจจุบัน
การโกงกิน ทุจริตคอร์รัปชันจากอำนาจการเมืองกลายเป็นเรื่องปกติ พรรคการเมืองไม่ต่างจากองค์กรอาชญากรรมที่ลงทุนเพื่อให้ได้อำนาจรัฐและผลประโยชน์
การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศจึงเลวร้าย ผู้นำรัฐบาลแต่ละยุคไม่มีเจตนาดีต่อประชาชน ต่างมุ่งกอบโกยผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องจนบ้านเมืองแทบไม่เหลือทรัพยากรแผ่นดิน
ประชาชนไทยน่าสงสารมีหนี้สินครัวเรือนสูงถึง 91% ของจีดีพีและหนี้สาธารณะก็สูงกว่า 70% นั่นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอนาคตของคนไทยและประเทศไทยเสี่ยงต่อการไร้เสถียรภาพ และความมั่นคง
เมื่อการเมืองไร้ระเบียบเพราะเจ้าหน้าที่ทรยศต่อประชาชน ไม่รักษากฎหมายประชาชนก็ไร้ที่พึ่ง ทุกวันเห็นนักการเมืองมุ่งแสวงหาผลประโยชน์เหมือนกับว่าบ้านเมืองใกล้จะล่มสลาย ดังนั้นจึงต้องรีบกอบโกยให้มากที่สุด
โครงการที่รัฐบาลปัจจุบันนำเสนอถ้าเป็นภาษาพูดแบบชาวบ้านก็เรียกว่าเป็นโครงการ “แดกด่วน” ผ่านแผนประชานิยมแหกตาชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงิน 10,000 บาทในระบบดิจิทัล โครงการสร้างกาสิโน และการลงทุนอื่นๆ ซึ่งมีเสียงร่ำลือว่าผู้มีอำนาจเรียกร้องการจ่ายล่วงหน้า
ไม่ว่าจะเป็นหุ้นลม หัวคิวในโครงการต่างๆ กลายเป็นเรื่องที่ชาวบ้านไม่แปลกใจเพราะมีการปฏิบัติก่อนหน้านี้ เป็นผลจากความลำพองในอำนาจ การเมืองและการเงินจากทุนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแกนนำรัฐบาลหรือพรรคร่วมรับประทานก็ไม่มีความหวังดีต่อบ้านเมือง ต่างคนต่างทำมาหากิน ไม่ขัดขวางใคร เพราะถือว่าต่างคนก็มุ่งผลประโยชน์ทั้งนั้น
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่การลงทุนจากต่างประเทศจึงไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน แม้ผู้นำรัฐบาลไทยซึ่งถูกมองว่าเป็นหุ่นเชิดจะแสดงออกให้เห็นความขยันขันแข็ง เดินสายทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่เป็นความขยันที่ไร้ประโยชน์
ดูแล้วชวนให้คิดถึงคำพูดที่เปรียบเปรยว่าฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมนีรังเกียจคนโง่ที่ขยันเพราะสร้างความเสียหาย จึงต้องประหารชีวิตเพื่อไม่ให้เป็นปัญหา
นักการเมืองบ้านเราจะเข้าข่ายอย่างนี้มากหรือน้อยก็แล้วแต่การประเมินและจินตนาการของแต่ละคน แต่สามารถสรุปได้ว่าโครงการต่างๆ ที่พรรคต่างๆ ในรัฐบาล พยายามผลักดันล้วนแต่ถูกมองว่าเป็นโครงการหวัง “แดกด่วน” ทั้งนั้น
ยังมีประเด็นของความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมบางส่วนที่นักโทษชายเด็ดขาดอยู่ช่วงพักโทษแสดงความอหังการ ไม่เคารพกฎระเบียบปฏิบัติทำตัวเป็นผู้มีอิสระเสรีภาพเหนือสิ่งอื่นใด ไปไหนมาไหนไม่สนใจว่าประชาชนจะมองอย่างไร
กรมคุมประพฤติและกระทรวงยุติธรรมมีบทบาทมากน้อยแค่ไหนในการบังคับใช้กฎหมาย คงไม่ใช่เป็นคำถามเพราะภาพที่ปรากฏอยู่ฟ้องชัดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดเย้ยฟ้าท้าดิน พฤติกรรมเหยียบย่ำกระบวนการยุติธรรม และการยอมสยบเจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้ประชาชนไร้ที่พึ่ง ถ้ากฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วประชาชนจะไปหวังอะไรได้
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมของนักโทษชายเด็ดขาดที่เย้ยฟ้าท้าดิน ทำให้เห็นว่าระบบนิติรัฐนิติธรรมไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนเหมือนเศษขยะไร้ค่าภายใต้อุ้งตีน
พระสยามเทวาธิราชจะทำอย่างไรเพื่อกอบกู้ความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษของประเทศได้พยายามรักษาให้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
หรือประเทศไทยถึงวาระที่ต้องเป็นรัฐล้มเหลวโดยสมบูรณ์ และคนในแผ่นดินนี้ ต้องอยู่ในสภาพตัวใครตัวมัน พึ่งใครไม่ได้ แม้แต่พระสยามเทวาธิราชเช่นนั้นหรือ