ก่อนอื่น...คงต้องขออนุญาตร่วมแสดงความเศร้าโศรกเสียใจ การอำลา-อาลัย ต่อการลา-ละ-สละไปจากโลกนี้ ของผู้นำอิหร่าน ท่านประธานาธิบดี “Ebrahim Raisi” ตลอดไปจนรัฐมนตรีต่างประเทศ “Hossein Amir-Abdollahian” และผู้ร่วมคณะ จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกแถวๆ เมือง “Jolfa” ใกล้พรมแดนด้านตะวันออกของประเทศอาเซอร์ไบจาน หลังกลับจากพิธีเปิดเขื่อน “Aras River” เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (19 พ.ค.) ที่ผ่านมา...
คือต้องยอมรับว่า...ไม่เพียงแต่ถือเป็นความสูญเสียระดับประเทศอิหร่านเท่านั้น แต่อาจถือเป็นการสูญเสียในระดับภูมิภาคหรือระดับโลกเอาเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการดำรงตำแหน่งของผู้นำอิหร่านรายนี้ คงมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ด้วยความอดทน อดกลั้น การมองการณ์ไกล ไม่ได้วูบไหว ซัดส่ายไปกับเรื่องเล็กๆ-น้อยๆ ของประธานาธิบดีผู้นี้ ได้ช่วยให้เกิดเสถียรภาพ สันติภาพ ต่อทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง และแม้แต่โลกทั้งโลก ไม่ว่าจะในกรณีการรื้อฟื้นสัมพันธภาพระหว่าง 2 พี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย หรือการตอบโต้-เอาคืนต่อกรณีการถล่มสถานกงสุลอิหร่านในซีเรียโดยกองทัพอิสราเอล ที่เป็นไปโดยสมเหตุ-สมผล สมน้ำ-สมเนื้อ สามารถ “ขจัดเงื่อนไข” ไม่ให้เกิดการลุกลามขยายวงสงคราม จนอาจกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค หรือระดับโลกเอาง่ายๆ...
ความสูญเสียหรือมรณกรรมของผู้นำรายนี้และผู้ร่วมคณะ จึงเป็นสิ่งที่น่าเศร้าโศรกเสียใจมิใช่น้อย แต่ก็นั่นแหละ...ไหนๆ ในเมื่อท่านก็ได้ตายไปแล้ว ปิดท้ายสัปดาห์นี้...เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เลยคงต้องถือโอกาสแวะไปดูชะตากรรมของผู้นำประเทศตะวันออกกลางอีกราย ที่ถือเป็นศัตรูคู่กัด-คู่อาฆาตกับอิหร่านเขา ซึ่งแม้ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่โดยลักษณะอาการน่าจะหนักไปทาง “ตายทั้งเป็น!!!” เอาเลยก็ว่าได้ นั่นคือผู้นำอิสราเอลท่านนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” ผู้นี้นี่เอง ที่เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 พ.ค.) ได้ถูกรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลในสถานการณ์สงคราม อย่าง “นายBenny Gantz” ผู้นำพรรค “ฟ้า-ขาว” ยื่นคำขาดให้ตอบข้อสงสัยความเป็นไปของ “สงครามอิสราเอล-ฮามาส” ให้เป็นที่กระจ่างแจ้ง ชัดเจนไม่ว่าในเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน เรื่องแนวคิด แนวทาง ในการบริหาร-จัดการดินแดนฉนวนกาซาหลังจากที่สงครามได้ยุติลงไปแล้ว ตลอดไปจน “ความสำเร็จ” หรือ “ความล้มเหลว” ในการขจัดกวาดล้างศัตรูของอิสราเอลอย่างพวกฮามาส เพราะขณะที่กองทัพอิสราเอลหันไปบุกลงใต้ บุกเมือง “Rafah” เพื่อหาทางเข่นฆ่ากองกำลังฮามาสกลุ่มสุดท้าย แต่กลับปรากฏว่ากองกำลังฮามาสกลุ่มไหนๆ ก็แล้วแต่ ได้เปิดฉากการสู้รบกับกองทัพอิสราเอลในพื้นที่ด้านเหนือขึ้นมาซะอีก!!!
โดยถ้าหากไม่สามารถเคลียร์ข้อสงสัยให้เป็นที่กระจ่างชัด หรือไม่คิดทำตามข้อเสนอในการบริหาร-จัดการพื้นที่ฉนวนกาซาด้วยการเปิดโอกาสให้ชาวปาเลสไตน์เข้ามามีส่วนดูแลรับผิดชอบ ร่วมกับตัวแทนนานาชาติ ไม่ว่าสหรัฐฯ ยุโรปและบรรดาชาติอาหรับรายต่างๆ ภายในวันที่ 8 มิถุนายนที่จะถึงนี้ หัวหน้าพรรค “ฟ้า-ขาว” รายนี้ก็พร้อมถอนตัวออกจากคณะรัฐมนตรีสงคราม อันจะส่งผลให้รัฐบาลอิสราเอล “แตก...ดังโพละ” หมดสภาพ หมดสถานะที่จะบริหาร-จัดการประเทศอิสราเอลต่อไปได้อีก...
แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหากนายกรัฐมนตรี “แมว 9 ชีวิต” อย่าง “นายNetanyahu” ยอมอ่อนข้อ ยอมหงอให้กับข้อเสนอของ “นายBenny Gantz” ทั้งที่ตัวเองได้ออกมาประกาศว่าข้อเสนอดังกล่าว อาจนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของประเทศอิสราเอลได้โดยไม่ยาก ปัญหาก็ยังมีอยู่ว่า...แล้วจะบริหาร-จัดการ จะหาจุดลงตัวกับบรรดาพวกรัฐมนตรีขวาจัด ระดับสุดติ่งกระดิ่งแมว หรือสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวาร อย่าง “นายBazalel Smotrich” หรือ “นายItamar Ben-Gvir” ที่เคยถึงขั้นเสนอให้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่พื้นที่ฉนวนกาซาเพื่อให้บรรดาชาวปาเลสไตน์ตายโหง-ตายห่ากันให้หมดเกลี้ยงแล้วยึดดินแดนทั้งหลายมาเป็นของประเทศอิสราเอล ตามแนวคิด แนวทางที่เรียกว่า “The Greater Israel” อะไรประมาณนั้น ได้หรือไม่? อย่างไร? เพราะถ้าหากบรรดาพวกรัฐมนตรีขวาจัดเหล่านี้ สะบัดตูด สะบัดทวาร ลาออกจากคณะรัฐมนตรีสงคราม รัฐบาลอิสราเอลก็ย่อมต้อง “แตก...ดังโพละ” ไปอีกจนได้...
ส่วนถ้าคิดจะตัดปัญหา แก้ปัญหา ด้วยการหาทางออก-ทางไป โดยกรรมวิธีกลับไป “เลือกตั้ง” กันใหม่...โอกาสที่แมว 9 ชีวิตจะไม่หลงเหลือชีวิตที่ 10 อีกต่อไป ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะ “คะแนนนิยม” ของผู้นำรายนี้ ตามผลสำรวจเที่ยวล่าสุด เหลือติดปลายนวมอยู่แค่ไม่ถึง 32 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง เรียกว่า...ต่ำเตี้ย-เรี่ยดิน ชนิดแทบไม่มีชาวอิสราเอลรายใดคิดจะเอาแล้ว สำหรับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่า “Benjamin Netanyahu” หรือไม่เพียงแต่ถูกบรรดาลูกหลานชาวยิวจำนวนไม่น้อย เดินขบวนขับไล่อย่างต่อเนื่องยาวนานนับเป็นปีๆ แต่ยังถูกผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆของประเทศอิสราเอล พร้อมใจกันลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรายนี้ “ลาออก” โดยฉับพลัน-ทันที การคิดกลับไปเลือกตั้งกันใหม่ ก็เท่ากับการไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น กุสลา ธัมมา-อกุสลา ธัมมา หรือรอแต่ต้องเอาน้ำมะพร้าวมาล้างหน้า ก่อนแบกขึ้นเมรุ เพื่อเผาหลอก-เผาจริง กันไปตามสภาพ...นั่นแล...
อีกทั้งถ้าหากไม่ได้อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีอำนาจพอที่จะเล่นงานผู้หนึ่ง-ผู้ใด ไม่อาจเข่นฆ่าล้างผลาญพลเรือนผู้บริสุทธิ์นับเป็นหมื่นๆ รายอย่างเท่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ โอกาสที่จะต้อง “ติดคุก” เพราะคดีทุจริตประพฤติมิชอบ รับสินบน ที่ยังคงคาโรง-คาศาล แถมยังไม่อาจใช้เหลี่ยมเล่ห์เพทุบาย ยึดอำนาจตุลาการมาเป็นของรัฐบาล ของสภาฯ ได้อย่างที่ตัวเองเคยเพียรพยายามมาแล้วหลายครั้ง-หลายหน ย่อมเป็นไปได้ไม่ยาก ยิ่งไปกว่านั้น...ยังอาจถูก “ออกหมายจับ” โดยศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ “ICC” (The International Criminal Court) ที่อัยการสูงสุด “นายKarim A.A. Khan” นักกฎหมายชาวอังกฤษที่มีพื้นเพเดิมเป็นชาวปากีสถาน กะจะงัดมาเล่นงานผู้นำอิสราเอลรายนี้ รวมทั้งรัฐมนตรีกลาโหม โดยรวมเอาผู้นำพวกฮามาสควบคู่ไปด้วย ในฐานะผู้ละเมิดกฎหมายมาตรา 25 และ 28 ตามบทบัญญัติของ “ICC” ไม่ว่ากรณีการทำร้าย ทำลายชีวิตทรัพย์สินและสุขภาพของพลเรือนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ รวมทั้งการอาศัยความอดอยากยากแค้นของผู้คนเป็นอาวุธ ในการเอาชนะคะคานฝ่ายตรงข้าม อย่างน่าเกลียด น่าทุเรศ เอามากๆ...
ด้วยเหตุนี้...แม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากการ “ตายทั้งเป็น” นั่นเอง คือไปไหน-มาไหนแทบไม่ได้ ในบรรดา 120 กว่าประเทศที่เป็นเครือข่าย เป็นสมาชิกของ “ICC” หรือถึงแม้จะหดหัว หดหาง ซุกอยู่ในกระดองภายในประเทศตัวเองก็ยังหนีไม่พ้นต้องติดคุก ในคดีคอร์รัปชัน ในกรณีทุจริตประพฤติมิชอบ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย เทียบไม่ได้กับการตกเครื่องบินตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ อย่างผู้นำอิหร่าน ที่ออกจะสูงส่งและสง่างามยิ่งกว่าเป็นไหนๆ เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นชาวอิสราเอลเอง อย่าง “Dr.Simon Tsipis” ยังต้องยอมรับว่าสิ่งที่ผู้นำอิสราเอลรายนี้จะต้องเผชิญในอนาคตเบื้องหน้า ถือเป็น “วิกฤต” ที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง หรือแทบมองไม่เห็นทางออก-ทางไปใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าคิดจะอ่อนข้อให้กับข้อเสนอ ข้อเรียกร้องของ “นายBenny Gantz” อันจะนำไปสู่การจัดตั้ง “รัฐปาเลสไตน์” ในวันข้างหน้า หรือนำไปสู่ข้อยุติในแบบที่เรียกว่า “The Two State Solution” ย่อมหนีไม่พ้นต้องเจอกับความโกรธกริ้ว ฉิวฉุน ของพวกขวาสุดขอบ อย่าง “นายBazalel Smotrich” หรือ “นายItmar Ben-Gvir” อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าคิดจะผ่าทางตันด้วยการกลับไปเลือกตั้งกันใหม่ โอกาสที่จะเจ๊ง-กับ-เจ๊ง เพราะคะแนนนิยมทางการเมืองที่เหลืออยู่แค่ไม่ถึง 32 เปอร์เซ็นต์ ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากการเอาหัวพุ่งชนกำแพงยังไง-ยังงั้น...
อีกทั้งถ้าคิดจะชักเข้า-ชักออก ยืดไป-ยืดมา ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลต่อไปเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญอย่าง “Dr.Simon Tsipi” ท่านถึงกับ “มองข้ามช็อต” ไปไกลในแนวคล้ายๆ กับพวกอนุรักษนิยมบางกลุ่ม บางเหล่า ในบ้านเรา คือมองถึงขั้นว่าอาจเตลิดเปิดเปิงไปสู่การทำรัฐประหาร หรือการยึดอำนาจด้วยกำลังทหารเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศอิสราเอลเอาเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยเหตุเพราะผู้ที่ออกอาการเปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีนต่อผู้นำอิสราเอลรายนี้อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าหัวหน้าพรรค “ฟ้า-ขาว” อย่าง “นายBenny Gantz” หรือรัฐมนตรีกลาโหม “Yoav Gallant” ต่างก็เคยมีบทบาทในฐานะผู้นำทหารแห่งกองทัพอิสราเอลมาแล้วด้วยกันทั้งคู่ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อพันธมิตรรายสำคัญของอิสราเอลอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่มีคุณปู่ “โจ ซึมเซา” เป็นผู้นำ ชักคันคะเยอกับผู้นำอิสราเอลรายนี้ยิ่งเข้าไปทุกที เนื่องจากโอกาสที่ต้อง “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ ตามนายกรัฐมนตรี “Netanyahu” ไปด้วยยิ่งมีโอกาสสูงเอามากๆ การที่ยังคงมีชีวิตอยู่แต่มีสภาพไม่ต่างไปจากการ “ตายทั้งเป็น” จึงเป็นอะไรที่น่าอเนจอนาถ น่าเวทนา ยิ่งกว่าชะตากรรมของผู้นำอิหร่าน ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า...