หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
หลังนอนป่วยแพทย์โรงพยาบาลตำรวจอ้างว่าอาการหนักที่อาจจะเสียชีวิต จนได้นอนในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว แต่พอได้พักโทษออกมาแล้ว ทักษิณ ชินวัตรไม่ได้แสดงอาการป่วยออกมาให้เห็นเลย ชัดเจนว่า ที่อ้างว่าป่วยอาจจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งแพทย์และราชทัณฑ์ ซึ่งมีคนร้องเรียนไปยังปปช.แล้ว แต่ไม่ทราบว่าด้วยอำนาจที่ทักษิณมีอยู่ในมือจะมีใครกล้าสอบเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องไหม
ต้องนับว่าทักษิณชะล่าใจมากหรือไม่ก็ย่ามใจมาก เพราะถ้าเขาอ้างว่าป่วยใกล้ตายมาร่วมกว่า 6 เดือน แพทย์โรงพยาบาลตำรวจรักษาไม่หาย พอได้พักโทษเขาก็ต้องทำเป็นมานอนโรงพยายามเอกชนของตัวเองเช่น โรงพยาบาลพระราม 9 เสียสักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนจับไต๋ได้ว่าป่วยไม่จริง แต่นี่คงเพราะไม่แคร์โลกก็เลยออกมาเที่ยวเตร็ดเตร่ไปไหนมาไหนให้เห็นทันที
ถ้าใครจำกันได้หลังออกจากโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติอำนวยความสะดวกไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอ้างว่าเพราะทักษิณป่วย แต่หลังจากครั้งนั้นเรายังไม่เห็นทักษิณไปรายงานตัวที่กรมคุมประพฤติเลย เพราะมีกำหนดต้องไปรายงานตัวทุกเดือน กรมคุมประพฤติจะอ้างว่า ทักษิณป่วยแล้วไปหาถึงบ้านเพื่อให้รายงานตัวก็คงจะไม่ถูกต้องแล้ว เพราะวันนี้ทักษิณไปไหนมาไหนได้เหมือนคนปกติ ถ้าทักษิณไปรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติด้วยตัวเองแล้วก็ต้องเป็นข่าว แต่เงียบๆ อย่างนี้ก็คงให้เจ้าหน้าที่ต้องไปพบนักโทษที่บ้านนั่นแหละหรืออาจจะไม่ได้ไปรายงานตัวก็ได้ มีใครรู้บ้างล่ะว่าวันนี้ทักษิณไปรายงานตัวตามกำหนดไหม
ก็ต้องรอดูว่า เมื่อทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวกับความผิดที่ศาลตัดสินให้ติดคุกเป็น 10 ปี แล้วขอพระราชทานอภัยโทษ และได้รับพระกรุณาลดโทษให้เหลือ 1 ปี จากการทุจริตคดโกงบ้านเมือง จะมีใครที่ช่วยกันไม่ให้ทักษิณต้องนอนคุกต้องได้รับโทษติดคุกเสียเองบ้าง หรือสุดท้ายไม่มีใครมีความผิด เพราะล้วนแต่เกรงกลัวอำนาจของทักษิณ
ลองดูสิครับนอกจากไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวแล้ว หลังได้รับการพักโทษไม่กี่วันก่อนทักษิณกลับพูดว่า เขาถูกยัดคดีให้ทั้งที่ถวายฎีกายอมรับผิดไปแล้ว แล้วยังไม่พอประกาศแบบท้าทายกระบวนการยุติธรรมว่า เขาจะพายิ่งลักษณ์กลับมาบ้านในปีนี้และจะได้เล่นสงกรานต์พร้อมกันในปีหน้า ราวกับว่า ขื่อแปของบ้านเมืองนี้ไม่มีความหมายและต้องสยบยอมต่ออำนาจของเขา หรือเหมือนเขาจะเสกสรรปั้นแต่งอย่างไรก็ได้ในประเทศนี้
สรุปแล้วทักษิณกลับมาเที่ยวนี้ยังเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เคยโอหังมมังการอย่างไรก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และยิ่งพยายามแสดงออกให้สังคมเห็นว่าตัวเองยังคงมีอำนาจอยู่ ในทางจิตวิทยาเขาบอกว่าบุคคลที่เคยประสบกับการสูญเสียอำนาจมักจะต้องการการยอมรับอำนาจของตนอย่างต่อเนื่องจากผู้อื่นเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่ายังมีบทบาทและสถานะในสังคม เขายังคงมีอิทธิพลอยู่ในประเทศนี้ แสดงออกมาให้มากที่สุดเพื่อให้เกิดการยอมรับ
วันนี้ทักษิณจึงต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขายังยิ่งใหญ่เหมือนเดิม รัฐบาลเพื่อไทยที่ได้เข้ามาบริหารประเทศก็เป็นพรรคที่เขาเป็นเจ้าของที่มีอำนาจตัดสินใจในพรรคในทางพฤตินัยทุกอย่าง เขาจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี หรือมีตำแหน่งแห่งหนไหนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา คนเขาเชื่อกันอย่างนี้ทั้งนั้น แม้แต่ก่อนจะปรับคณะรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ต้องเข้าไปหารือกับทักษิณเสียก่อน
เราเห็นทักษิณไปเดินสายต่างจังหวัด เหมือนกับการไปตรวจราชการ เพราะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปล้อมหน้าล้อมหลังคอยอำนวยความสะดวก เหมือนกับการลืมไปว่า นี่เป็นนักโทษที่ยังไม่ได้พ้นโทษมาแต่ยังอยู่ระหว่างการพักโทษซึ่งต้องปฏิบัติดังนี้ ต้องอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ ห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย (เช่น เล่นการพนัน ใช้ยาเสพติด ทำผิดอาญา) ประกอบอาชีพสุจริต ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา ห้ามพกพาอาวุธ ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติเรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน
มิหนำซ้ำทักษิณยังทำตัวไปจุ้นจ้านต่อปัญหาในประเทศของเพื่อนบ้าน โดยสำนักข่าววีโอเอ (Voice of America) ระบุว่าทักษิณได้พบกับบุคคลสำคัญหลายคนที่อยู่ในฝั่ง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารของเมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นคนกลางในการเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้งในเมียนมาที่ดำเนินมาเป็นเวลามากกว่าสามปีแล้ว
วีโอเอภาคภาษาเมียนมาอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ทักษิณได้จัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำของรัฐบาลเงาเมียนมา หรือที่เรียกว่ารัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ( National Unity Government: NUG) ในระหว่างที่เขาเดินทางเยือนจังหวัดเชียงใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทยในเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา โดยทักษิณแสดงตัวที่จะเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลทหารของเมียนมากับองค์กรชาติพันธุ์ต่อต้านรัฐบาลทหาร (EROs) ซึ่งการแสดงตัวของทักษิณนอกจากน่าจะผิดเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติแล้ว ยังเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่สมควรอีกด้วย
แม้จริงแล้วทักษิณจะไม่ได้มีอำนาจอะไรในการเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว แต่เป็นที่รู้กันว่า ทักษิณเป็นคนที่มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลไทยดังนั้น การกระทำของทักษิณก็อาจจะมองว่า รัฐบาลไทยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศเมียนมาได้ และการไปเจรจากับชนกลุ่มน้อยหรือรัฐบาลเงาของพม่าอาจจะทำความไม่พอใจให้กับรัฐบาลของพม่าได้ เพราะเท่ากับไม่เคารพต่ออธิปไตยของเขา
จริงๆ แล้วกระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องออกมาเตือนในเรื่องนี้ และเตือนให้ทักษิณไม่ควรเข้าไปยุ่งกับกิจการภายในของประเทศพม่า แต่เราก็รู้ว่า กระทรวงต่างประเทศย่อมจะเกรงกลัวอำนาจของทักษิณ และเป็นที่รู้กันว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่นั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับทักษิณ เราจึงไม่เห็นกระทรวงการต่างประเทศออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้
จากบทบาทการแสดงออกของทักษิณในระหว่างที่พักโทษสะท้อนให้เห็นว่า ทักษิณยังคงเป็นทักษิณคนเดิมที่ไม่ได้ทบทวนตัวเองต่อความผิดพลาดที่ได้กระทำการไปในอดีต และเมื่อกลับมาแล้วก็ยิ่งพยายามจะแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองยังคงมีอำนาจ ซึ่งในทางจิตวิทยาเขาบอกว่า มนุษย์มีความต้องการขั้นพื้นฐานในการตรวจสอบและการยอมรับจากผู้อื่น เมื่อบุคคลประสบกับการสูญเสียอำนาจ การแสวงหาการรับรู้ถึงอำนาจที่ยังคงดำเนินต่อไปอาจตอบสนองความต้องการในการตรวจสอบและรับรองว่าเขายังคงมีอิทธิพลและมีอิทธิพลเหนือผู้อื่น
ที่สำคัญที่อาจทำให้ทักษิณโอหังมมังการกว่าเดิมก็คือ การที่ทักษิณเชื่อว่า เขามี “ดีล” ที่ต้องพึ่งพาเขาในการรับมือกับพรรคก้าวไกลที่ท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย คอยดูกันต่อไปว่า ทักษิณจะพายิ่งลักษณ์กลับบ้านได้ไหม และถ้ากลับมาแล้วยิ่งลักษณ์จะเข้าคุกไหม เพราะต้องไม่ลืมว่า วันนี้นักการเมืองคนอื่นๆข้าราชการรัฐที่ร่วมกันทุจริตโกงการจำนำข้าวที่ศาลได้ตัดสินให้ยิ่งลักษณ์ติดคุก5ปีนั้นยังอยู่ในเรือนจำ แล้วถ้ายิ่งลักษณ์กลับมาไม่ติดคุกจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของสังคมไทยไหม วันนั้นความอดทนของคนไทยจะถึงจุดสิ้นสุดของการอดกลั้นไหม
นอกจากดีลแล้วทักษิณคงมั่นใจว่า พลังฝ่ายอนุรักษนิยมที่เคยต่อต้านเขานั้นอ่อนแรงลงแล้ว มีทั้งไม่อยากจะออกมาต่อสู้ต่อ เพราะรู้แล้วว่าการออกมาบนท้องถนนนั้นมีแต่การสูญเสีย คนที่เป็นแกนนำไม่ติดคุกก็ล้มละลาย มีทั้งความขัดแย้งกันเองในฝ่ายอนุรักษ์ ที่บางคนเห็นว่า การพึ่งพาทักษิณเป็นสิ่งจำเป็น หรือกระทั่งพูดกันว่า ต้องเชื่อในการตัดสินใจของ"ลุง”ซึ่งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีส่วนสำคัญในการกลับมาของทักษิณ หรือพูดกันตรงๆ ว่า ยิ่งลักษณ์หนีออกไปไม่ได้หรอกถ้ารัฐบาลในขณะนั้นไม่รู้เห็นเป็นใจ
การย่ามใจในอำนาจของทักษิณที่ไม่เคยทบทวนต่อความผิดพลาดของตัวเองในระหว่างที่มีอำนาจและพยายามแสดงออกมาเพื่อให้คนรับรู้ว่าวันนี้ตัวเองยังเป็นคนสำคัญที่มีอำนาจอยู่เต็มเปี่ยม เพราะเขาเชื่อว่า ประเทศนี้ต้องพึ่งพาเขานั่นแหละ
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan