สถานการณ์ถือว่าอยู่ในขั้นลำบากสำหรับอิสราเอล หลังจากผู้นำรัฐบาลและผู้นำ ทหารเสี่ยงต่อการต้องเป็นจำเลยในคดีอาญาของศาลอาญาและระหว่างประเทศ
ผู้นำอิสราเอลถือว่าน่าจะเป็นสภาวะเหนือความคาดหมายเพราะที่อยู่รอดมาได้ตั้งแต่ปี 1948 เพราะอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของรัฐบาลสหรัฐฯ และยุโรป
หลังจากปี 1948 อิสราเอลยังเป็นขวัญใจของโลกตะวันตกแต่คนทั่วโลกภาพลักษณ์อยู่ในขั้นดีหลังจากชนะสงคราม 6 วัน ในปี 1967 และสงครามรอบใหม่ในปี 1970
ที่รอดมาได้สองครั้งเพราะความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและชาวยิวซึ่งเป็นทุนใหญ่
มาถึงปัจจุบัน รัฐบาลอิสราเอลไม่มีภาพลักษณ์สวยหรูเหมือนแต่ก่อนด้วยเหตุของโฆษณาชวนเชื่อ เพราะสื่อตะวันตกต่างสนับสนุนว่าความอยู่รอดของอิสราเอล เป็นการต่อสู้เพื่อความชอบธรรม
สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปเพราะรัฐอิสราเอลถูกมองว่าตัวการกระทำอาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากการสังหารชาวปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซา
ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์มีมากกว่า 34,000 รายและ 70% เป็นเด็กและผู้หญิง ยอดผู้บาดเจ็บมีมากกว่า 77,000 ราย
ภาพลักษณ์อิสราเอลไม่เหลือของความเป็นชาติที่ได้รับความเห็นใจเพราะเจตนาฆ่าล้างชาวปาเลสไตน์โดยที่ไม่คำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศตัวเอง
ผู้นำรัฐบาลและผู้นำทหารกำลังจะเป็นจำเลยของศาลอาญาระหว่างประเทศและเสี่ยงต่อการถูกออกหมายจับ แม้จะไม่สนใจไยดีเพราะมีสหรัฐฯ หนุนหลังอยู่ก็ตาม
แต่สภาวะที่นักศึกษาทั่วสหรัฐฯ ในยุโรปและประเทศอื่นประท้วงต่อต้านอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ถือว่าเป็นจุดเสื่อมและความสูญเสียของภาพลักษณ์ของอิสราเอลซึ่งยากที่จะกอบกู้ได้
ถ้าหากว่าผู้นำรัฐอิสราเอลและนักการทหารโดยคดีอาญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จะเป็นการเสื่อมถอยของความน่าเชื่อถืออย่างมาก และถูกประณามด้วยประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำรัฐอิสราเอลนายกรัฐมนตรีนายเบนจามิน เนทันยาฮู ไม่มีความน่าเชื่อถือ แม้แต่ในกลุ่มของชาวอิสราเอลเพราะถูกมองว่าความพยายามยืดเยื้อสงครามเป็นเพราะผลประโยชน์ของตนเอง
นายเนทันยาฮู มีคดีเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในศาลอาญา โอกาสรอดคุกคือต้องทำสงครามให้นานที่สุดอ้างว่าต้องการจัดการกับกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซา
แท้ที่จริงแล้วนายเนทันยาฮู ถูกชาวอิสราเอลเดินขบวนขับไล่และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่แต่ไม่ยอมโดยอ้างว่าต้องจัดการกลุ่มติดอาวุธฮามาสให้หมดสิ้น
นั่นเป็นความเป็นไปไม่ได้เพราะจะมีตัวตายตัวแทนตลอด
น่าสนใจก็คือนักการเมืองที่สมาชิกสภาของสหรัฐฯ ประกาศคัดค้านเรื่องที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะออกหมายจับผู้นำรัฐบาลและผู้นำทหารของอิสราเอล
นักการเมืองสหรัฐฯ กลุ่มนี้ได้รับผลประโยชน์จากเงินทุนสนับสนุนจากชาวยิวในสหรัฐฯ ดังนั้นจึงต้องเป็นปากเสียงให้กับรัฐบาลอิสราเอลและผู้นำประเทศ
นักการเมืองเหล่านี้อ้างว่าไม่เป็นความยุติธรรมที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะออกหมายจับผู้นำรัฐบาลอิสราเอลและผู้นำทหาร โดยอ้างว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และอิสราเอลเป็นประเทศเดียวในย่านตะวันออกกลางที่มีระบอบประชาธิปไตย
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอิสราเอลมีพฤติกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยคำวินิจฉัยเบื้องต้นของศาลโลก แม้แต่องค์การสากลต่างๆ ก็มองว่าอิสราเอลได้ประกอบอาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการเหยียดสีผิว
การเดินขบวนของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยใน 22 มลรัฐของสหรัฐอเมริกาเป็นหลักฐานชัดเจนว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยยุโรปและประเทศอื่นๆ ก็ ชุมนุมประท้วงแบบเดียวกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเสื่อมด้านภาพลักษณ์ของรัฐบาลอิสราเอล แม้แต่ชาวยิวในสหรัฐฯ และยุโรปก็ต่อต้านพฤติกรรมของอิสราเอล
ต้องดูต่อไปว่าอิสราเอลจะอยู่อย่างไรถ้ามีผู้นำประเทศที่ไม่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้านอาวุธและการเงินโดยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาจใช้ทำสงครามในกาซา
อิสราเอลต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์เพราะแม้แต่ชาวยิวนอกประเทศอิสราเอลก็ไม่เอาด้วยถือว่าเป็นความเสียหายอย่างแท้จริง
สหรัฐอเมริกาก็ต้องเผชิญกับความเสื่อมเสียของภาพลักษณ์และมีโอกาสที่จะเสียหายอย่างมากเมื่อคดีในศาลโลกและศาลอาญานอกประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องจริง
คนทั่วโลกย่อมมีความคิดเห็นหลากหลายและภาพลักษณ์ของอิสราเอลในตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริการวมทั้งเอเชียติดลบอย่างแรง
กองทัพอิสราเอลถูกมองว่าไม่ได้มีความกล้าหาญเก่งฉกาจเพราะมุ่งแต่ฆ่าเด็กและผู้หญิง โดยที่ไม่สามารถจัดการกับกลุ่มติดอาวุธในฉนวนกาซาได้ ถึงแม้จะมีกองกำลังกว่า 300,000 คน เทียบกับกลุ่มฮามาสซึ่งมีไม่เกิน 40,000 คน
ความอยู่รอดที่อิสราเอลยังผูกพันกับผู้นำการเมืองของสหรัฐฯ และต้องดูว่าระหว่าง โจ ไบเดน หรือโดนัลด์ ทรัมป์ หรือใครจะมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่ และนั่นจะเป็นการตัดสินอนาคตของอิสราเอลเช่นกัน
ดูแล้วผู้นำรัฐบาลอิสราเอลและผู้นำทหาร จะต้องมีปัญหาทางกฎหมายและความนิยมของประชาชนว่าการกระทำที่ผ่านมาเหมาะสมกับสภาพที่ต้องเผชิญอยู่หรือไม่
อิสราเอลถึงวาระเสื่อมเพราะความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะช่วยเหลือได้ตลอดกาล แต่ประชาคมโลกมองว่าเป็นรัฐอำมหิตเลือดเย็นเพราะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เด็ก สตรีชาวปาเลสไตน์ จะแก้ไขเรื่องนี้ไม่ง่าย
นั่นเป็นเพราะชาวปาเลสไตน์ต้องเสียชีวิตอย่างมากมายเพื่อสังเวยของนโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อความอยู่รอดของรัฐอิสราเอล โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าของชีวิต ของชนชาติอื่น