“สงครามใหญ่-สงครามระดับโลก”...มันจะเกิด-ไม่เกิดภายในอนาคตอันใกล้??? เปิดฉากสัปดาห์นี้คงต้องขออนุญาตลองมา “ชั่งน้ำหนัก” กันดูก็แล้วกัน เพราะในฐานะประเทศ “หญ้าแพรก” อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย การใคร่ครวญ พิจารณาถึงความเป็นไปเหล่านี้เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจและความสำคัญเอามากๆ เผลอๆ อาจมากเสียยิ่งกว่าการนุงนัง นัวเนีย อยู่กับเรื่องใครเป็นรัฐมนตรีรายใหม่ ใครหลุดโผ หลุดวงจร หรือใครหิ้วถุงขนมจนสามารถผงาดขึ้นเป็นรัฐมนตรี ฯลฯ เป็นไหนๆ...
คือถ้าว่ากันตามความเคลื่อนไหวของ “แนวรบ” สำคัญต่างๆ...อย่างที่กล่าวไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันน่าจะ “ใกล้เต็มที” หรือใกล้ “นรก อิส คัมมิ่ง ซูน” กันในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ และโดยแนวโน้มเช่นนี้...มันน่าจะมีที่มา-ที่ไป ดังที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย “นายNikolay Patrushev” เขาสรุปไว้ในช่วงการปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมตัวแทนระดับสูงประเด็นเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศครั้งที่ 12 (The 12th International Meeting of High Representatives for Security Issues) ที่ประเทศรัสเซียเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า อันเนื่องมาจากความไม่พร้อมที่จะยอมรับ ไม่ปรารถนาที่จะยอมแพ้ ยอมจำนนต่อการ “ครองความเป็นเจ้า” ของบรรดาพวกโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่มีคุณพ่ออเมริกาเป็นหัวหอกนั่นเอง มันเลยกลายเป็น “เงื่อนไข-เหตุปัจจัย” ในการยกระดับสถานการณ์แห่งการเผชิญหน้า ระหว่าง “โลกตะวันตกกับโลกตะวันออก” หรือระหว่าง “โลกขั้วเดียวกับโลกหลายขั้วอำนาจ” ให้เต็มไปด้วย “อันตรายที่เพิ่มขึ้นๆ...และคาดเดาแทบไม่ได้” ยิ่งเข้าไปทุกที!!!
โดยถ้าจะว่าไปแล้ว...แนวคิดในเรื่อง “โลกขั้วอำนาจเดียว” หรือโลกที่มีชาวตะวันตก อารยธรรมตะวันตกเป็นผู้นำ มันได้ถูกปูพื้นฐานและเผยแพร่ในหมู่พวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้า หรือ “เสรีนิยมใหม่” มานานแล้ว นั่นคือแนวคิดแบบ “โลกาภิวัตน์” ที่ถูกขับเคลื่อนโดยทุนนิยมเสรีนั่นเอง ไม่ว่าจะด้วยการแบ่งโลกออกเป็น “คลื่น” ลูกต่างๆ “คลื่นแห่งการเกษตรกรรม” ก็ปลูกผัก ปลูกหญ้า ปลูกข้าว ฯลฯ หรือมีหน้าที่ผลิตอาหารเลี้ยงโลกกันต่อไป “คลื่นแห่งอุตสาหกรรม” ก็ก้มหน้า ก้มตา ผลิตสินค้าราคาถูกคราวละมากๆ ออกตีตลาด เพื่อให้ชาวโลกกลายเป็น “ผู้บริโภคสากล” เข้าไว้ ส่วน “คลื่นแห่งเทคโนโลยี” ที่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย อันรวมศูนย์อยู่ในบรรดาประเทศตะวันตกเป็นหลักใหญ่ ย่อมหนีไม่พ้นที่ต้องเป็นผู้ควบคุม ดูแล ผู้กำหนด “สงครามและสันติภาพ” ให้กับใครต่อใคร หรือผู้ที่ดำรงความเป็นจ้าวโลก ประมุขโลก อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...
“โลกาภิวัตน์” ที่ถูกขับเคลื่อน ผลักดัน ให้เป็นไปในลักษณะเช่นนี้...มันเลยถูกต่อต้านกันมาโดยตลอด ไม่ว่าโดย “รัฐชาติ” ที่ต้องสูญเสียอำนาจอธิปไตย การบริหาร-จัดการ หรือแม้ตัวบทกฎหมาย ฯลฯ ให้กับอำนาจ อิทธิพลของ “บรรษัทข้ามชาติ” ที่สามารถเคลื่อนย้ายทุนได้อย่างอิสระ-เสรี หรือบรรดา “รัฐชาติ” ที่มีเอกลักษณ์-อัตลักษณ์ผิดแผกแตกต่างไปจากแนวคิดของพวก “เสรีนิยมใหม่” ไม่ว่าพวกคอมมิวนิสต์ อิสลาม หรือพวกที่ถูกบรรดา “นักประชาธิปไตย” ประเภทนกแก้ว-นกขุนทองทั้งหลายเรียกขานในนามพวก “อำนาจนิยม” นั่นเอง ไปจนแม้กระทั่งผู้ที่เรียกขานตัวเองในนาม “โลกาภิวัตน์จากด้านล่าง” หรือบรรดากลุ่มก้อนเอกชน ภาคประชาชน ประชาสังคม ฯลฯ ทั้งหลาย ที่ได้รับ “ผลกระทบ” จากระบบทุนนิยมในแต่ละระดับก็เคยสุมหัวรวมตัว ต่อต้านคัดค้าน “โลกาภิวัตน์จากด้านบน” จนก่อให้เกิด “การปะทะที่ซีแอตเติล” (The Battle of Seattle) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 โน่นเลย ฯลฯ...
อันทำให้แนวคิดในลักษณะเช่นนี้...ค่อยๆ เสื่อมโทรมลงมาตามลำดับ พร้อมๆกับการเติบโตของพวกที่ปฏิเสธความเป็นจ้าวโลกของพวก “เสรีนิยมใหม่” เกิดการรวมกลุ่ม รวมตัว ของกลุ่มประเทศต่างๆ ในบรรดาประเทศซีกโลกใต้ ไม่ว่าประเภท “SCO” หรือ “BRICS” ฯลฯ จนกลายมาเป็นพวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่มิอาจปฏิเสธอีกต่อไป จนทำให้การยอมรับ ยอมจำนนต่อความจริง ต่อข้อเท็จจริง ในลักษณะดังกล่าว ก็เท่ากับการสูญเสียสถานะแห่งความเป็นจ้าวโลก ความเป็นประมุขโลกของบรรดาโลกตะวันตกทั้งหลายนั่นเอง ด้วยเหตุนี้นี่เอง...มันเลยทำให้การเผชิญหน้า การยกระดับสถานการณ์ใน “แนวรบ” ต่างๆ จึงเป็นไปแบบ “อันตราย” เพิ่มขึ้นๆ และ “คาดเดาแทบไม่ได้” ดังที่เลขาธิการสภาความมั่นคงรัสเซียสรุปเอาไว้นั่นแหละหรืออย่างที่ผู้นำชาติตะวันตกบางราย เช่น ประธานาธิบดีฝรั่งเศส “นายมาครง คนหนุ่ม” (Emmanuel Macron) อดไม่ได้ที่ต้องยอมรับสารภาพระหว่างการปาฐกถาที่ “Sorbonne University” ณ กรุงปารีส เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (25 เม.ย.) ว่า “ยุโรปของเรา...กำลังจะตาย!!!” (Our Europe could die) โดยเฉพาะถ้าหากบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายไม่สามารถแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่า “เราไม่ใช่แค่...รัฐบริวารของอเมริกา” หรือถ้าหากเราไม่สามารถสร้างยุทธศาสตร์ที่เป็นตัวของตัวเอง (Strategic Autonomy) ขึ้นมาได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง...
และโดยคำพูด คำจา ของผู้นำฝรั่งเศสรายนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีพื้นฐานใดๆ รองรับเอาไว้เลย เพราะถ้าหากดูจาก “ผลโพล” ของแต่ละสำนัก หรือแทบทุกๆ สำนักในทุกวันนี้...ต่างบ่งชี้ไปในแนวเดียวกันว่าโดยแนวโน้ม โดยทิศทางการเมือง-การเลือกตั้ง ของบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย พวก “ชาตินิยมฝ่ายขวา” ในแต่ละราย ต่างกำลังมาแรงแซงโค้งจนแทบไม่เหลือที่นั่ง ที่ยืน ให้กับบรรดาพวก “เสรีนิยมใหม่” อีกต่อไป โอกาสที่ “ยุโรปของเรา” หรือยุโรปภายใต้บทบาท อำนาจ ของรัฐบาลเสรีนิยมใหม่ทั้งหลาย จะเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงไปเป็นรายๆ ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นไปทุกที อันนี้นี่เอง...ที่ยิ่งกลายเป็นแรงกระตุ้น เป็นตัวเร่งเร้า ให้เกิดการเผชิญหน้าและการยกระดับสถานการณ์ จนเกิด “อันตราย” และเกิดฉากสถานการณ์ที่ “คาดเดาแทบไม่ได้” ไปในทุกๆ “แนวรบ” ถึงขั้นอาจไม่ได้นำไปสู่ “สงครามโลก” ธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว แต่อาจเตลิดเปิดเปิงไปไกลถึงขั้น “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเมื่อพวกหัวเสรีนิยมใหม่ในยุโรป อย่างรัฐบาลโปแลนด์ ฟินแลนด์ ฯลฯเป็นต้น ต่างเพรียกหา “อาวุธนิวเคลียร์” ให้เข้ามาติดตั้ง ประจำการ ภายในประเทศตัวเองกันจ้าละหวั่น...
อย่างไรก็ตาม...อย่างน้อยก็ยังมีผู้นำชาติยุโรปหัวอนุรักษ์รายหนึ่ง ที่นอกจากจะไม่เอาด้วยกับแนวคิดเสรีนิยมใหม่แบบชนิดหัวเด็ด ตีนขาด ยังหันมาด่าแบบสาดเสีย-เทเสียอีกด้วยต่างหาก นั่นก็คือนายกรัฐมนตรีฮังการี “นายViktor Orban” ที่ได้ไปพูด หรือจะเรียกว่าทำนายทายทักเอาเลยก็ว่าได้ ณ เวที “CPAC” (The Conservative Political Action Conference) ที่กรุงบูดาเปสต์เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ด้วยการสรุปว่า...เหตุที่โลกทั้งโลกต้องเดือดร้อนวุ่นวายทุกวันนี้ ก็เนื่องมาจากบรรดาพวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้าแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต้องการครองความเป็นเจ้าโลก ประมุขโลก (Western liberal Hegemony) อีกต่อไปนั่นเอง ที่เป็นผู้สร้าง “แนวคิด-อุดมคติ” ในอันที่จะควบคุมทุกคน ทุกประเทศ ให้ยอมสยบอยู่ภายใต้ “ระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความต้องการที่จะเป็นจ้าวโลกของพวกเสรีนิยมตะวันตก” จนแม้แต่ “รัฐบาลที่แท้จริง” ของแต่ละประเทศ ก็ยังถูกกด ถูกบีบ เพื่อที่จะหาทางเปลี่ยน “รัฐชาติ” ให้กลายเป็น “เครื่องมือแห่งการกดขี่” อันเป็นแนวคิดที่ “อันตราย” เอามากๆ...
แต่ผู้นำหัวอนุรักษนิยมรายนี้...กลับมองโลกค่อนข้างสดใส สดสวยเอามากๆ ด้วย “ความเชื่อ” ที่ว่า “แนวคิดแบบอันตรายๆ” ดังกล่าวกำลังประสบ “ความล้มเหลว” และ “ยุคสมัยของมัน...กำลังจะยุติลงไปในไม่ช้า” หรือ “ภายในปีนี้” เอาเลยก็เป็นได้!!!หรือ “ภายในปีนี้...ด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ขอจงได้โปรดให้เราสามารถยุติยุคสมัยอันน่าอับอายของอารยธรรมตะวันตกลงไปให้ได้ สามารถที่จะจบสิ้นระเบียบโลกซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยพวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้าผู้คิดจะครองโลก ด้วยเหตุเพราะจิตวิญญาณของพวกเขา มีแต่จะนำพาโลกไปสู่ความล้มเหลว ยัดเยียดสงครามให้กับโลก ก่อให้เกิดความไร้ระเบียบ ความไม่สงบและการล้างผลาญ ทำลายความเป็นไปทางเศรษฐกิจ” อันเนื่องมาจากภายในปีนี้...จะต้องมีการเลือกตั้งทั้งในยุโรปและอเมริกา หรือมีช่อง มีจังหวะที่ “เราจะต้องหาทางขับไล่พวกเขาออกไปให้จงได้” อันจะส่งผลให้ “ระเบียบโลกแบบใหม่ที่กำลังปรากฏขึ้นมาแทนที่นั้น...ตั้งอยู่บนอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงของแต่ละประเทศ ที่สามารถขับเคลื่อนผลักดันผลประโยชน์แห่งชาติ แทนที่จะหันไปตอบสนองอุดมคติในการครองโลก” ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง...
จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้...อันนี้มีแต่ต้องเฝ้าติดตาม รอคอย และลอยคอกันไปตามสภาพ เพราะถ้าหากโดยช่อง โดยจังหวะ ในลักษณะดังกล่าว มันไม่อาจส่งผลให้ “โลกสวย” ตามที่ผู้นำฮังการีท่านได้หวัง ได้ขอร้องวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าเอาไว้ล่วงหน้า โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะนำไปสู่ “โลกซวย” หรือโลกที่จะต้องชี้วัด ตัดสิน กันด้วย “สงคราม” ระหว่างพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” และ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อยู่แล้วแน่!!!