xs
xsm
sm
md
lg

“โรบินฮู้ด”ยุคดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง สวมชุดดำคลุมหัวแบบไอ้โม่ง บุกเข้าไปในบ้านมหาเศรษฐีซึ่งมีเสียงร่ำลือว่าร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองมหาศาล ใช้กุญแจผีไขประตูยามวิกาล

คฤหาสน์หลังใหญ่ไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยเพราะอยู่ในหมู่บ้านเศรษฐี เมื่อเข้าไปแล้วจับเศรษฐีและสมาชิกครอบครัวมัดมือ

หัวหน้าโจรไอ้โม่ง สั่งให้เศรษฐีขนทรัพย์สินออกมา บอกว่านี่เป็นการปล้น แต่ไม่ใช่เป็นการปล้นแบบธรรมดา พวกโจรต้องการเอาทรัพย์สินของมหาเศรษฐีไปแจกชาวบ้านยากจน

จะเป็นโรบินฮู้ดยุคดิจิทัล หรืออย่างไรไม่ปรากฏชัด และคำอ้างฟังไม่ได้ก็คือว่าต้องการปล้นทรัพย์บ้านเศรษฐี เอาไปแจกคนยากไร้กลุ่มเปราะบาง จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียนในระบบ

ท่านเศรษฐีบอกว่าตอนนี้ลำบากธุรกิจติดขัดขาดสภาพคล่องไม่มีเงินสด ส่วนทรัพย์สินเอาไปฝากไว้ในตู้นิรภัยธนาคาร มีเงินเหลือที่บ้าน 2-3 แสนบาท ไว้ใช้จ่ายเท่านั้น

โจรไอ้โม่งไม่เชื่อว่าอภิมหาเศรษฐีไม่มีทรัพย์สินติดบ้านเลย สั่งให้เปิดตู้เซฟก็มีแต่เพียงเอกสารต่างๆ และมีโฉนดไม่กี่ใบ มีใบออกหุ้นกู้ระดมทุนจากชาวบ้าน โจรผิดหวังมาก

โจรบอกว่า เงินที่จะปล้นไปนี้จะเอาไปแจกให้ทุกคน รวมทั้งพนักงาน ลูกจ้างบริษัท ต่างๆ ของท่านเศรษฐีด้วย เงินจะไม่สูญเปล่าเพราะจะถึงมือคนยากคนจน

หัวหน้าโจรบอกว่า ถ้าได้เงินแล้วตัวเองจะไม่เก็บไว้เลย ทุกบาททุกสตางค์จะแจกให้กลุ่มเปราะบาง

เมื่อมหาเศรษฐียืนยันว่าไม่มีเงินสดเพราะขาดสภาพคล่องมีแต่เครดิต หัวหน้าโจรจึงต่อรองว่า ให้ท่านเศรษฐีไปธนาคารวันรุ่งขึ้น กู้เงินมา 500 ล้านบาทแล้วเบิกมาเป็นเงินสด สมาชิกครอบครัวจะถูกจับเป็นตัวประกันจนกว่าจะได้เงิน

หัวหน้าโจรบอกว่า ที่พวกเราต้องทำอย่างนี้เพราะเห็นใจพวกคนรายได้น้อยกลุ่มเปราะบาง ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง

เศรษฐีถามโจรว่าถ้าไม่ทำตาม จะทำอย่างไร หัวหน้าโจรบอกว่าตัวประกันจะถูกทำร้าย และพวกชาวบ้านกลุ่มเปราะบางก็จะไม่ได้เงิน มีชีวิตลำบากต่อไป

เรื่องพรรค์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่สะท้อนให้เห็นสถานการณ์คล้ายปัจจุบันที่ทุรชนการเมืองพยายามหาเงิน 5 แสนล้านบาท มาแจกเป็นเงินดิจิทัลให้ชาวบ้านกลุ่มรายได้น้อย เปราะบาง

ตามคำอ้างพวกทุรชนการเมือง ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ในสภาพซบเซาถดถอย อัตราการขยายตัวต่ำ

ตามคำประกาศ เงินก้อนใหญ่มาจากงบประมาณปี 67 และ 68 และประมาณ 1.72 แสนล้านบาท จะมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรฯ ซึ่งจะเป็นรูปแบบโครงการช่วยเหลือชาวนา

คำอ้างต่างๆ ที่เปลี่ยนไปมากกว่า 5 รอบเหมือนนิทาน 5 เรื่องไปต่อลำบาก เมื่อเจอคำถามว่า “ได้เงินสดมาแล้วทำไมไม่แจกเป็นเงินสด แจกเป็นเงินดิจิทัลทำไมให้เสียค่าใช้จ่ายทำซุปเปอร์แอ๊บแบ๊วและค่านายหน้าต่างๆ”

ทุรชนการเมือง ที่อ้างว่าเป็นคนใจบุญเห็นใจคนยากจนเปราะบางไม่มีคำตอบ ทั้งที่คนรู้ทันว่าเงินสดจะเข้ากระเป๋ากลุ่มร้านค้าปลีกโดยชาวบ้านจะได้สิ่งของไม่จำเป็น

เป็นการเอาเงินสดไปเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัล เหมือนแบงก์กาโม่มีมูลค่าใช้ได้เพียงแค่ 6 เดือน จากนั้นก็หมดอายุใช้การอะไรไม่ได้

ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าการจ่ายเงินจะครบจำนวนเพราะมีหลายกลุ่มที่จะไม่มีโอกาสได้ใช้สิทธิ์เช่นนักโทษกว่า 300,000 ราย แรงงานในต่างประเทศและกลุ่มอื่นๆ

งานนี้พวกทุรชนการเมืองวางแผนเปลี่ยนเงินสดเป็นแบงก์ดิจิทัลกาโม่ เอาเงินดีเข้ากระเป๋า เอาเงินสมมติให้ชาวบ้านใช้ 6 เดือน เป็นโครงการปล้นกลางแดด หวานคอแร้ง

แผนปล้นนี้จะสำเร็จหรือไม่ดูแล้วยังไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีความกล้าหักดิบ แหกกฎหมาย ท้าทายกฎระเบียบสารพัด เสี่ยงคุกตะราง โดยนักวางแผนปล้นเชื่อมั่นในอำนาจว่าจะสำเร็จ

แผนแจกเงินนี้สะท้อนให้เห็นความโลภในกลุ่มทุรชนนักเลือกตั้งและนักธุรกิจรายใหญ่ไม่สนใจความถูกต้องหรือความมั่นคงของฐานการเงินการคลังของประเทศ

ดังนั้น จึงเป็นการร่วมมือของบรรดาโจรเสื้อนอก ไม่รู้จักพอในการหาเงิน ทั้งที่รู้ว่าโครงการนี้จะเป็นการเพิ่มหนี้สินให้กับประชาชนและหนี้สาธารณะ และทำให้ธนาคารของรัฐอยู่ในความเสี่ยงการขาดสภาพคล่อง

นอกจากนั้นแผนชั่วร้ายยังสะท้อนให้เห็นการขาดจิตสำนึกมโนธรรม คุณธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต นักธุรกิจผู้มั่งคั่งมุ่งแสวงหารายได้อย่างไร้ยางอาย และไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดิน

ดังนั้น โจรไอ้โม่งที่ปล้นบ้านเศรษฐีเป็นเรื่องสมมติก็จะไม่ต่างจากโจรเสื้อนอก และทุรชนการเมืองที่ทำตัวเป็นอั้งยี่ องค์กรอาชญากรรมกัดกินทรัพย์สินแผ่นดิน

ถึงเวลาประชาชนคนห่วงใยบ้านเมืองต้องต่อต้านแผนปล้นกลางแดดอย่างจริงจัง ถ้าปล่อยไว้สถานภาพการเงินการคลังของประเทศเสี่ยงต่อวิกฤตอย่างที่เคยประสบมาแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น