"โสภณ องค์การณ์"
สภาพของการเมืองไทยยังติดอยู่ในวงจรอุบาทว์มานาน นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 นั่นถือว่าเป็นการเริ่มต้นของความอุบาทว์
ความอุบาทว์เกิดขึ้นเพราะคนอุบาทว์ มีความคิดและพฤติกรรมอุบาทว์ มักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการอำนาจวาสนาเงินตราและความยิ่งใหญ่ทางการเมือง เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าการศึกษา ชาติกำเนิดวงศ์ตระกูล ไม่ได้เกี่ยวกับจิตสำนึกมโนธรรม แยกแยะผิดชอบชั่วดี เป็นเหยื่อของความโลภในอำนาจ
อย่างที่เค้าว่า ถ้าเริ่มต้นติดกระดุมเม็ดแรกผิดที่ ก็ต้องผิดตลอด คนทำผิดไม่อยากรับผิด จนกระทั่งถูกล้มล้าง และเริ่มต้นวงจรอุบาทว์รอบใหม่
คนมาใหม่ก็เป็นพวกเดียวกันเพียงแต่ขอให้ได้มีอำนาจและโอกาสที่จะได้สร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและเพื่อนพ้องน้องพี่ แม้จะต้องหักหลังกันภายหลัง
การเมืองไทยมีจุดอุบาทว์อยู่เยอะ ที่สำคัญคือความไร้ยางอาย หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าคนหน้าด้าน ขาดจิตสำนึกด้านดี ตัวเองทำผิดก็บอกว่าถูก
ช่วงก่อนหน้านี้คนกระทำผิดโทษกฎหมายว่าเขียนไม่ถูกต้องกับเจตนารมณ์ ความต้องการ และพฤติกรรมของตัวเอง มีคำอ้างว่า “ บกพร่องโดยสุจริต” เหมือนกับว่า “ โกงโดยไม่เจตนา” ฟังดูแล้วช่างไร้เดียงสา และภายหลังมีคำพูดว่า “ รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ขอโทษสังคมด้วย
นี่คือความหน้าด้านและไม่ยอมรับผิด จนชินหูชาวบ้าน ทุกครั้งมีคนถูกจับเพราะกระทำความผิดก็มักจะอ้างสองประโยคทองนี้
ปัญหาความหน้าด้าน ความกล้าทุจริตคอรัปชันที่ครอบงำการเมืองทุกยุคเป็นเพราะผู้มีอำนาจไม่รักษากฎหมายและมักทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
ถ้าไม่ใช่เป็นผู้มีอำนาจก็จะอาศัยเครือข่ายเพื่อให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหา คดีอาญา ทำกันอย่างไม่อายฟ้าดิน มีเครือข่ายเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ เป็นการทรยศประชาชน ซึ่งจ่ายเงินเสียภาษีเป็นรายได้ให้เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง รวมทั้งผู้อยู่ในตำแหน่งเสนาบดี ซึ่งหลายคนมีพฤติกรรมเยี่ยงโจร
ความเหิมกริม ลำพองในอำนาจ ทำตัวเหนือกฎหมายไม่มียุคใดเหมือนปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงกรณีเดียวแต่เป็นพฤติกรรมซ้ำซาก ทำกันจนเหมือนเป็นสภาวะปกติ ความยโสโอหังลามไปถึง การบริหารงานรัฐโดยใช้เล่ห์เพทุบาย เป็นหลักศรีธนญชัยศาสตร์ยุคดิจิทัล เพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินแผ่นดินเข้ากระเป๋าเครือข่ายตัวเอง กลุ่มผลประโยชน์ทุนสามานย์
พฤติกรรมของการใช้เล่ห์เหลี่ยม ช่องว่างกฎหมาย และการตีความแบบฉ้อฉล ท้าทายความรู้สึกของประชาชนที่มองว่าระบบนิติรัฐนิติธรรมถูกย่ำยี
โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทต่อรายสำหรับกลุ่มรายได้น้อยอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังเผชิญแรงต้าน ทั้งที่ใครก็อยากได้เงิน
กรณีนี้คณะศรีธนญชัยประชานิยมถมไม่เต็ม ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าเมื่อจะได้เงินสดมาจากงบประมาณแผ่นดินและจากธนาคารของรัฐ ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด เอาไปแจกเป็นเงินดิจิทัลให้เสียค่าใช้จ่ายทำซูเปอร์แอ๊บแบ๊วและค่าคอมมิชชั่นทั้งการจ่ายการรับทำไม มีไอ้โม่งมหาวายร้ายที่ไหน จ้องเขมือบนอกจากกลุ่มบริษัทที่เข้าข่ายล็อกสเปกไว้แล้ว
เมื่อไม่มีคำตอบ ก็แสดงให้เห็นเจตนาจะทุจริต เพราะจะได้เงินสด 5 แสนล้านบาทไป ขณะที่ชาวบ้านได้เงินที่จับต้องไม่ได้ เงินสมมุติ มาหมุนเวียนภายในหกเดือน เพื่อแลกสินค้าที่ไม่จำเป็น
โครงการนี้เป็นการปล้นทรัพย์สินแผ่นดินอย่างหน้าด้าน เอาเงินสดไป แล้วเอาเงินจับต้องไม่ได้มาให้ชาวบ้านได้หมุนเวียนเพียงหกเดือน ไม่ต่างจากเอาแบงก์กาโม่ มาให้ชาวบ้านใช้จ่ายกันเอง แต่ไอ้ตัวมหาวายร้ายและพวกกวาดเงินของแท้ไปแบ่งปันกัน เรียกว่าหน้าด้านยังน้อยไป
งานนี้ทำกันอย่างซึ่งหน้า ไม่ต้องตอบคำถามอะไรทั้งสิ้น ประชาชนข้องใจเรื่องที่มาของเงิน วิธีการแจก และทำไมต้องกู้มาแจก บ้านเมืองมีวิกฤตแค่ไหน
ไม่มีคำตอบจากคณะศรีธนญชัยเตรียมปล้นกลางแดด คำอธิบายแต่ละครั้ง แก้ตัวแต่ละอย่าง ร้อยลิ้นกะลาวน ลิ้นตวัดถึงใบหู สุดยอดของความปลิ้นปล้อน
ชาวบ้านก็ทนดูเล่ห์เพทุบาย โกหกคำโตต่อไป ดูว่าคณะศรีธนญชัยจะดิ้นรนไปถึงที่สุดแค่ไหน จะได้เงินภาษีและเงินธนาคารมาแจกเป็นเงินกาโม่จริงหรือไม่
จริงอยู่มีคนอยากได้เงิน 10,000 แต่ก็พร้อมจะไม่รับเมื่อรู้ว่าเอาเงินงบประมาณและเงินธนาคารมาแจก หาเสียงตกเขียวสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นและวางคะแนนครั้งต่อไป
ที่ผ่านมาคณะศรีธนญชัยเล่นเต็มบทด้วยลีลาสารพัดหวังผูกใจชาวบ้าน ส่วนหนึ่งก็เป็นชุมชนบ้องตื้น ส่วนคนรู้ทันเฝ้าดูว่าแก๊งไพ่สามใบยังจะมีลูกเล่นอะไรที่คนจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน
ประเทศนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรีที่สมเกียรติภูมิ มีแค่หัวหน้ารัฐบาล ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสถาบันย่อมไม่เข้าไปแหล่งอโคจรหรือสถานที่อัปมงคลเช่นที่กักตัวนักโทษ แล้วกราบไหว้ อย่างไร้ศักดิ์ศรีความเป็นคน
บ้านเมืองนี้ถึงคราววิปริตเพราะตกอยู่ภายใต้ทุรชนจ้องปล้นความมั่งคั่งของแผ่นดิน ไม่มีใครแก้ปัญหานี้ได้นอกจากประชาชนที่สามารถรวมพลังกันได้เท่านั้น
วันนั้นจะมีอีกหรือไม่ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์