xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศอีกคน ความยุติธรรมที่ถูกย่ำยี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


ทักษิณประกาศแล้วว่าน้องสาวของเขาจะกลับประเทศไทยในเดือนตุลาคมปีนี้ หลังหลบหนีความผิดคดีทุจริตจำนำข้าวออกนอกประเทศ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บอกว่ายิ่งลักษณ์กลับมาเป็นนิมิตหมายที่ดี ประเทศจะได้เดินหน้า เหมือนนักโทษการเมืองอื่นๆ

เข้าใจว่าเศรษฐาต้องพูดอย่างนั้น เพราะการได้เป็นนายกรัฐมนตรีของเศรษฐานั้นรู้กันว่า เพราะทักษิณจัดสรรตำแหน่งให้และเป็นที่รู้กันว่า เศรษฐากับยิ่งลักษณ์นั้นมีความสัมพันธ์พิเศษที่ลึกซึ้งต่อกัน

แต่ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกับเศรษฐาว่ายิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นนักโทษการเมือง เพราะไม่ได้หนีไปเพราะความเห็นต่างทางอุดมการณ์การเมืองในประเทศ แต่หนีไปเพราะถูกศาลพิจารณาคดีทุจริตและต่อมามีคำพิพากษาให้จำคุก 5 ปี แล้วจนถึงวันนี้ประเทศยังมีความเสียหายที่จะต้องชดใช้หนี้จากการทุจริตจำนำข้าวที่ยิ่งลักษณ์ได้กระทำลงไป

โดยในคดีนี้นอกจากยิ่งลักษณ์แล้ว ศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความผิดคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำคุกนายบุญทรง 42 ปี

ทั้งนี้หลังจากศาลได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานกว่า 5 ชม.ได้มีพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึง 21 ยกเว้นจำเลยที่ 3 และ 16 ที่หลบหนี โดยให้จำคุกนายภูมิ สาระผล 36 ปี อดีตรมช.พาณิชย์ มีโทษจำคุก 36 ปี นายบุญทรง 42 ปี นายมนัส 40 ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประ เทศ 32 ปี นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง 24 ปี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร 48 ปี ส่วนจำเลยอื่นศาลลง โทษจำคุก ลดหลั่นลงตามพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งการกระทำความผิด

และพิพากษาให้บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10 นายอภิชาติ จำเลยที่ 14 และนายนิมล หรือ โจ จำเลยที่ 15 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าว ตามสัญญาแต่ละฉบับ จำเลยอื่นให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 19 และจำเลยที่ 22 ถึง 28

และโจทก์ ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ทำให้ต้องมีการแต่งตั้งองค์คณะขึ้นมาไต่สวนพิจารณาคดี ก่อนมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์แก้เป็น สั่งจำคุกนายบุญทรงรวมเป็นเวลา 48 ปี

8 ราย ที่ศาลเคยพิพากษายกฟ้องไป ก็มีการกลับคำพิพากษาใหม่ โดยสั่งจำคุก 3 ราย เป็นเวลา 4-8 ปี โดยที่พฤติการณ์จำเลยกลุ่มนี้นั้น "เห็นสมควรให้รอลงอาญาไว้คนละ 3 ปี" พร้อมสั่งปรับจำเลยในกลุ่มนี้ 7 คน เป็นเงินตั้งแต่ 25,000-50,000 บาท

ดังนั้นไม่เพียงแต่ยิ่งลักษณ์เท่านั้นที่กระทำผิด แต่ศาลเห็นว่ากระทำผิดกันเป็นขบวนการทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการ และเอกชน ตอนนี้หลายคนยังคงถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ

ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศไทยในสถานะไหน กลับมาแล้วจะทำแบบทักษิณโดยการยื่นของพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ และหากยังมีความผิดหลงเหลืออยู่ยิ่งลักษณ์จะยอมถูกจองจำในคุกหรือไม่ หรือจะใช้วิธีการเดียวกับทักษิณโดยอ้างว่ามีอาการป่วยแล้วไปนอนในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ได้เข้าคุกแม้แต่วันเดียว   การกลับมาของทักษิณนั้นมีการกล่าวกันว่า เพราะเป็น “ดีล” ของผู้มีอำนาจ เพื่อแลกกับการใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือในการต้านทานพรรคก้าวไกลที่มีความท้าทายต่อระบอบของรัฐ แม้ว่าทักษิณจะได้รับพระราชทานลดโทษให้เหลือโทษจำคุกอีก 1 ปีจากโทษทั้งหมด 8 ปี แต่กลายเป็นว่าทักษิณกลับไม่ถูกจำคุกแม้แต่วันเดียว โดยสมรู้ร่วมคิดกันอ้างว่า ทักษิณมีอาการป่วยหนักที่อาจถึงแก่ชีวิตทั้งกรมราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ แต่เมื่อทักษิณได้รับการพักโทษกลับไม่ได้แสดงอาการป่วยหนักใกล้ตายอย่างที่ว่าเลย แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรทักษิณได้ เพราะตอนนี้อำนาจอยู่ในมือของทักษิณทั้งหมด

“ดีล” ของทักษิณนำมาสู่การทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างย่อยยับ สะท้อนถึงความไม่ศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศของอภิสิทธิชน ประเทศของความไม่เท่าเทียม ที่เมื่อใครมีอำนาจแล้วก็จะได้รับเว้นโทษทางกฎหมาย และบ่งบอกว่าต่อไปนี้เมื่อใครมีอำนาจแล้วจะใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลทุจริตคดโกงชาติอย่างไรก็จะไม่มีความผิดเฉกเช่นเดียวกับทักษิณ และหากยิ่งลักษณ์กลับประเทศมาแล้วได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับทักษิณก็ยิ่งตอกย้ำความอยุติธรรมของประเทศนี้ 
 
ต่อไปในอนาคตหากมีนักการเมืองทุจริตคดโกงชาติ ประชาชนก็จะนิ่งเฉยดูดายเพราะเห็นแล้วว่า การลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีอะไรตามมา มิหนำซ้ำอาจถูกดำเนินคดีติดคุก เพราะถูกกล่าวหาว่าออกมาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง ถ้าหากประชาชนส่วนใหญ่พากันนิ่งเฉยต่อความฉ้อฉลของนักการเมืองแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประเทศนี้จะยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร

ก็คงต้องรอดูว่ายิ่งลักษณ์จะกลับมาในเดือนตุลาคมอย่างที่ทักษิณได้ประกาศออกมาไหม และหากยิ่งลักษณ์กลับมาแล้วจะเป็นอย่างทักษิณหรือไม่ ถึงวันนั้นก็คงต้องถามใจประชาชนที่รักความยุติธรรมว่าเราจะยินยอมให้ประเทศของเราเป็นแบบนี้หรือไม่ หรือเราจะนิ่งเฉยปล่อยให้ประเทศนี้เป็นไปตามชะตากรรมที่ผู้มีอำนาจอยากจะให้เป็น แล้วคิดเสียว่าประเทศนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว

วันนี้คนไทยที่รักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างเล็งเห็นว่า ภัยคุกคามเบื้องหน้าคือ การปลุกปั่นให้คนรุ่นใหม่มีทัศนคติด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คนจำนวนมากต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในบ้านเมือง มีพรรคการเมืองที่ประกาศจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิม และสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่จะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นบันไดก้าวแรกไปสู่ความมุ่งหมายที่มากกว่านั้น 
 
คนจำนวนหนึ่งอาจจะเห็นว่าการพึ่งพาทักษิณและมวลชนของทักษิณเพื่อรับมือกับความท้าทายนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะมวลชนของฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังอ่อนแอไม่อาจตั้งรับกับความท้าทายจากคนรุ่นใหม่ที่กำลังขยายตัวเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ แต่มีคำถามว่า การพึ่งพาทักษิณโดยการยอมทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นทางออกที่ถูกต้องแล้วหรือ หรือสุดท้ายแล้วจะเป็นการตอกย้ำความอยุติธรรมจนเป็นแนวร่วมมุมกลับให้กับฝ่ายที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้หรือไม่ 
 
เพราะหากถึงวันนั้นความอยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมกัน ความเหลื่อมล้ำจะถูกหยิบยกขึ้นมาสะท้อนภาพที่เป็นจริงของสังคม เฉกเช่นที่เกิดกับนักโทษเทวดาอย่างทักษิณและจะตอกย้ำอีกครั้งด้วยกรณีของยิ่งลักษณ์ หากเป็นเช่นนี้แล้วจะมีใครสักกี่คนที่พร้อมจะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องรากเหง้าของประเทศนี้อีก เมื่อเห็นว่า ผู้มีอำนาจไม่ได้ปกป้องประเทศนี้ด้วยความยุติธรรมและครรลองที่ถูกต้องดีงาม คนทำชั่วและคนทำผิดไม่ได้รับโทษ แต่คนที่ออกมาปกป้องประเทศต่างรับผลกรรมไปตามๆกัน

คิดหรือว่าลำพังพลังของทักษิณจะปกป้องประเทศนี้จากความท้าทายของคนรุ่นใหม่และพรรคการเมืองของพวกเขาที่ต้องการเปลี่ยนประเทศนี้ไปไม่ให้เหมือนเดิม คิดหรือว่าคนส่วนหนึ่งเขาจะยอมรับกับความอยุติธรรมในประเทศนี้เพียงเพื่อจะตอบสนองอุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเอง หรือเชื่อหรือว่าความอยุติธรรมจะเป็นตัวจรรโลงประเทศนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าได้

ไม่รู้หรอกว่าทักษิณ “ดีล” กับใครและมีข้อตกลงอย่างไร แต่ความอหังการ์ของทักษิณนั้นสะท้อนให้เห็นว่า ดีลเหล่านั้นน่าจะมีอยู่จริง เพราะไม่เช่นนั้นทักษิณคงไม่ลอยหน้าลอยตาท้าทายสังคมอย่างไม่ยี่หระได้เช่นนี้ ประเทศกำลังจะย้อนกลับไปวันเดิมๆในวันที่ทักษิณเคยมีอำนาจ วันนั้นมวลชนกลุ่มหนึ่งได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบอบทักษิณเพื่อปกป้องประเทศจากการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล แต่นับจากวันนี้จะยังมีมวลชนอีกกี่คนที่พร้อมจะลุกขึ้นมาสู้กับระบอบทักษิณอีก

.เมื่อความยุติธรรมถูกย่ำยี วันนี้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มท้อถอยและยอมจำนนแล้วไม่ว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แม้มองเห็นกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิมอยู่ข้างหน้าก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น