ผู้นำรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลน่าจะสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างแรงในระบบป้องกันภัยทางอากาศที่เรียกว่าโดมหลังคาเหล็ก หรือ Iron Dome หลังจากขีปนาวุธยิงโดยอิหร่านสามารถทะลวงผ่านไปได้
ทุกระบบย่อมมีจุดอ่อน และระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลก็เช่นเดียวกัน เพราะการถูกรุมโจมตีด้วยฝูงโดรน จรวดร่อน และขีปนาวุธมาถึงพร้อมกันจำนวนมาก เกินขีดความสามารถของระบบป้องกันจะต้อนรับได้ทัน
การยิงจรวดสกัดการโจมตี ย่อมต้องมีเวลาบรรจุชุดใหม่ แต่การรุมเข้าพร้อมกันทำให้ระบบรับไม่ทัน ทำให้ขีปนาวุธเข้าเป้าสำคัญ นั่นคือสองฐานทัพอากาศ หนึ่งแหล่งประมวลสัญญาณภัย และสำนักงานข่าวกรอง
ฐานทัพอากาศในวาทิม รามอน ในทะเลทรายเนเกฟ ศูนย์ประมวลสัญญาณบนที่ราบสูงโกลัน และศูนย์ข่าวกรองในกรุงเทลอาวีฟ ได้รับความเสียหายแต่ไม่ถูกเปิดเผยโดยรัฐบาลอิสราเอลว่ามากน้อยเพียงใด
กองทัพอิหร่านไม่โจมตีย่านพลเรือนอยู่อาศัยจึงไม่เกิดการสูญเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ต่างจากกองทัพอิสราเอลที่มุ่งฆ่าชาวปาเลสไตน์ในกาซามากกว่า 33,000 ราย บาดเจ็บกว่า 75,000 ราย
สภาพนี้เกิดขึ้นหลังจากคำประกาศโดยกองทัพอิสราเอลและผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ว่าระบบป้องกันทางอากาศสามารถสกัดการโจมตีของอิหร่าน ทำลายอาวุธได้ถึง 99%
แต่ 1% ที่รอดไปได้นั้นคือจุดสำคัญเพราะพวกโดรน จรวดร่อนนั้นเป็นเพียงเป้าล่อ ให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลสิ้นเปลืองจรวดที่ยิงสกัด
อิหร่านลงทุนใช้อาวุธราคาถูกรวมมูลค่าเพียงแค่ 80-100 ล้านดอลลาร์ เหมือนเป็นการโละอาวุธตกรุ่นมาทดสอบระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล
แต่กองทัพอิสราเอลยอมรับว่าระบบการต่อต้านสิ้นเปลืองงบประมาณไป 1.3 พันล้านดอลลาร์ ต่างกันมาก ถ้าเป็นอย่างนี้รัฐบาลอิสราเอลจะไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายสูงถ้าถูกโจมตีต่อเนื่อง
ทุกวันนี้ผู้นำรัฐบาลและบรรดารัฐมนตรีสายเหยี่ยวรวมทั้งผู้นำกองทัพต้องอยู่ในสภาพกลืนเลือด อยากจะเอาคืนอิหร่าน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะโจ ไบเดนบอกว่าไม่สนับสนุนให้ตอบโต้
อิสราเอลจะตอบโต้อิหร่านไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าจะส่งเครื่องบินรบไปโจมตีอิหร่านต้องบินอ้อมน่านฟ้าของอิรัก ซีเรีย ซาอุดีอาระเบีย แต่ก็ผ่านตุรเคียไม่ได้
และเครื่องบินรบอิสราเอลต้องเติมน้ำมันกลางอากาศ ซึ่งต้องเป็นการช่วยเหลือโดยกองทัพสหรัฐฯ และต้องพึ่งพาระบบรบกวนการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์และเรดาร์ของอิหร่าน
เมื่อบอกว่าไม่ช่วย อิสราเอลก็ไม่สามารถส่งเครื่องบินรบไปได้เพราะจะไม่มีน้ำมันช่วงขากลับ ถ้าจะโจมตีด้วยจรวด ก็จะถูกอิหร่านถล่มหนักกว่าที่เคยโดน
ถ้าอิหร่านส่งโดรน จรวดร่อน และขีปนาวุธทันสมัยกว่าเดิมและกำหนดให้ถึงอิสราเอลพร้อมกันหลายพันลูก ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลไม่มีทางรับมือได้ทัน
และถ้าจะถูกโจมตีโดยกองกำลังเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มฮูตีในเยเมน พร้อมกันอย่างที่ได้ขึ้น ก็จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม
ต่อให้กองทัพเรือสหรัฐฯ หรือเครื่องบินรบอังกฤษในไซปรัส ปฏิบัติการช่วยเหลือก็คงไม่พอ
ลำพังกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังไม่สามารถจัดการกับกลุ่มฮูตี ซึ่งปิดทะเลแดงมานานหลายเดือน และทำให้อิสราเอลขาดสินค้าทั้งท่าเรือในทะเลแดงและท่าเรือไฮฟาเพราะถูกรบกวนโดยเฮซบอลเลาะห์ และกลุ่มฮูตี
สหรัฐฯ ไม่กล้าโจมตีอิหร่านโดยตรงเพราะคำประกาศ โดยรัสเซียและจีนว่าจะสนับสนุนอิหร่าน นั่นหมายความว่าสถานการณ์จะลุกลามกลายเป็นสงครามโลกได้
ถ้ากลุ่มฮูตีสามารถปิดทะเลแดงได้ กองทัพอิหร่านก็สามารถปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งอ่าวเปอร์เซียก็จะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากทะเลแดง เรือบรรทุกน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเหลวก็ผ่านไม่ได้
นั่นหมายถึงราคาพลังงานจะต้องพุ่งทะลุสูง ประเทศที่พึ่งพาน้ำมันดิบจากอ่าวเปอร์เซียก็ลำบากโดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป และเอเชียบางประเทศเช่นจีนและญี่ปุ่น รวมทั้งเกาหลีใต้
แต่จีนยังได้น้ำมันและก๊าซจากรัสเซียรวมทั้งพม่าจึงอยู่ได้เพียงพอ ประเทศยุโรปจะขาดแหล่งซื้อพลังงาน โดยสหรัฐฯ จะไม่สามารถช่วยเหลือได้ในยามสงคราม
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้นำรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลต้องตระหนักว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศไร้เทียมทานเหมือนแต่ก่อนไม่ได้อีกแล้ว
กองทัพอิหร่านแสดงให้เห็นว่ามีขีดความสามารถและอาวุธที่จะถล่มอิสราเอลให้ย่อยยับได้เพราะเป็นประเทศมีพื้นที่ขนาดเล็ก มีประชากร 9 ล้านคน เทียบกับอิหร่านซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 30 เท่าและมีประชากร 90 ล้านคนไม่ได้
แม้อิสราเอลจะมีระเบิดนิวเคลียร์แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะประเทศอยู่กลางทะเลทรายไม่มีภูเขาและอุโมงค์ให้ซ่อนตัวได้ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกของกองทัพอิหร่านสามารถทำลายอิสราเอลไม่เหลือซาก
อิสราเอลต้องทนกลืนเลือด สุมหัวอกด้วยแรงแค้น ถ้าคิดจะใช้อาวุธนิวเคลียร์คงจะมีคนร่วมไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ โลกของเราคงไม่เหลือ