เปิดฉากสัปดาห์นี้...สงสัยคงหนีไม่พ้นต้องแวะไปดู “แนวรบตะวันออกกลาง” กันอีกรอบนั่นแหละทั่น!!! เพราะระหว่างที่คุณปู่อิสราเอลท่านกำลังไล่กระทืบ ไล่ฆ่า ไล่ล้างเผ่าพันธุ์พลเรือน เด็ก-ผู้หญิง-คนชราชาวปาเลสไตน์ อย่างชนิดมันส์ส์ส์มือมันส์ส์ส์ตีนเป็นอย่างยิ่ง จู่ๆ...เมื่อวันจันทร์ 1 เม.ย.ที่เพิ่งผ่านมานี่เอง ท่านดันหันมาถล่ม ทิ้งระเบิดใส่สถานทูต สถานกงสุลอิหร่านในเมืองดามัสกัส สังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลัง “Quds Force” ทั้งตัวผู้บัญชาการและรองฯ คือพลจัตวา “Mohammad Reza Zahedi” และ “Mohammad Hadi” เด๊ดสะมอเร่ย์ไปพร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่อีกนับสิบ รวมทั้งยังอาศัยผู้ก่อการร้ายกลุ่ม “Jaish al-Adl” ที่มีสายใยใกล้ชิดติดพันกับหน่วยข่าวกรอง “Mossad” บุกโจมตีสถานีตำรวจ 2 แห่งในอิหร่าน ตายไปอีก 5 ซะอีกด้วยต่างหาก...
คืองานนี้...ต้องเรียกว่าพอๆ กับ “ดาวร้ายหนังไทย” รุ่นโบร่ำ-โบราณ ที่นั่งดักรออยู่บริเวณหัวสะพาน พอพระเอกผ่านมา-ผ่านไป ก็ได้จังหวะโหยหวน ครวญคราง บทเพลง “อยากจะชิมส้นตีนนัก...อยากจะชิมส้นตีนนัก!!!” เลยสุดท้าย...หนีไม่พ้นต้องนำไปสู่รายการลงมือ-ลงตีน ระเบิดภูเขา-เผากระท่อม กันจนได้ หรือเป็นความพยายามยั่วยุ ปลุกกระตุ้น เพื่อให้เกิดการขยายวงสงคราม ขยายวงความขัดแย้ง ทั้งที่โดยลักษณะอาการ โดยรูปร่างหน้าตา “ส้นตีนอิหร่าน” นั้น ออกจะเป็นอะไรที่น่าขนลุก-ขนพองมิใช่น้อย เฉพาะแค่ “จรวดอิหร่าน” ไม่ต่ำกว่า 8 ชนิด ไม่ว่า “Kheiber-Shekan”, “Emad”, “Fattah-2”, “Haj Qassem”, “Shahab-3”, “Ghadr”, “Paveh” ฯลฯ ล้วนแต่มีรัศมีทำการไม่น้อยกว่า 1,500 กิโลเมตรขึ้นไป สามารถส่งให้ไปหล่นใส่หัวกบาลของชาวอิสราเอลกันถึงที่ ถึงบ้าน ได้โดยไม่ยาก แถมโอกาสที่จะปิดป้อง ปกป้อง ก็ออกจะลำบากยากเย็นมิใช่น้อย เพราะบรรดาจรวดอิหร่านที่ได้รับการพัฒนามาตลอดรอบ 12 ปีที่ผ่านมา เป็นจรวดที่ไม่ได้ใช้การระบุตำแหน่งด้วยระบบ “GPS” (Global Positioning System) แต่ใช้ระบบที่เรียกว่า “Tercom System” อันเป็นอะไรที่ยากต่อการก่อกวน การสกัดกั้นอยู่พอสมควรทีเดียว...
อย่างครั้งที่แก้แค้น-เอาคืนคุณพ่ออเมริกา ในกรณีการลอบสังหาร “พลเอกQasem Soleimani” เมื่อเดือนมกราคมปี ค.ศ. 2020 ด้วยการสาดจรวดประมาณ 22 ลูก เข้าใส่ฐานทัพอากาศ “al-Asad” ในแถบภาคตะวันตกของอิรัก และฐานทัพ “Erbil” ในดินแดนชาวเคิร์ด ก็เล่นเอาทหารอเมริกันล้มตายกันไปนับสิบ บาดเจ็บหูดับ-ตับไหม้อีกนับร้อย การยั่วยวนกวนส้นตีนอิหร่านคราวนี้ จึงอาจต้องลงทุน ลงแรง ต้องสร้าง “อัตราเสี่ยง” ให้กับประเทศอิสราเอลและบรรดาชาวยิวทั้งหลายเอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ...อาจด้วยเหตุเพราะความต้องการที่จะบรรลุ “ชัยชนะทางทหาร” ในการเข่นฆ่าพวกฮามาส การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในดินแดนกาซา ที่ทำให้กองทัพและรัฐบาลอิสราเอลต้อง “พ่ายแพ้ทางการเมือง” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวโลกแทบทั้งโลกหันมากดดัน บีบบังคับ ให้ต้อง “หยุดยิง” โดยฉับพลัน-ทันที ยังทำให้ผู้ส่งเสริม สนับสนุนอิสราเอลโดยใกล้ชิด อย่างคุณพ่ออเมริกา ต้องพลอยเสียหมา เสียสุนัข เสียรังวัด ถูกกดดันทั้งโดยการเมืองระหว่างประเทศ และภายในประเทศ จนต้องง่องๆ แง่งๆ ใส่ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” ของตัวเอง ก่อให้เกิดช่องโหว่ ช่องว่าง ระหว่างสัมพันธภาพของประเทศทั้งสอง สูงสุดเท่าที่เคยมีมา...
การกระตุ้น ยั่วยุ เพื่อหวังลากพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน เข้ามาสู่วงจรแห่งความขัดแย้ง เพื่อขยายวงสงครามหรือเพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับสงคราม อันจะเป็นการช่วยยืดอายุให้กับตำแหน่งผู้นำอิสราเอลของ “นายBenjamin Netanyahu” ไปโดยอัตโนมัติ แถมยังอาจฉุดกระชากลากถูมหาอำนาจระดับโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาให้เข้ามาเล่นงานศัตรูคู่กัด คู่อาฆาต กันถึงที่ จึงอาจถือเป็นเรื่องคุ้มค่า คุ้มทุน สำหรับรัฐบาลอิสราเอล แม้ว่าอาจต้องแลกด้วยความฉิบหายวายวอดของชีวิต เลือดเนื้อ มนุษย์มนา ไม่ว่าผู้คนในตะวันออกกลางหรือภายในประเทศอิสราเอลเอง อย่างน่าสลดหดหู่ น่าอเนจอนาถเวทนาไปอีกสักเพียงไหน???
แต่ก็นั่นแหละ...ทั้งนั้น-ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการ “ตอบโต้-แก้แค้นเอาคืน” ของฝ่ายอิหร่าน ว่าจะหนักหน่วงรุนแรง เปิดฉากปะฉะดะกันโดยตรง-โดยอ้อม กันในแบบไหน? อย่างไร? โดยเฉพาะเมื่อผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือประมุขประเทศอย่างท่านอิหม่าม “Ayatollah Ali Khamenei” ท่านได้ออกมาเน้นย้ำเอาไว้อย่างชัดแจ้ง ตรงไป-ตรงมา ว่าอิสราเอล “ควร” และ “ต้อง” ถูกลงโทษ ไม่ว่าในทางหนึ่ง-ทางใด แบบหนึ่ง-แบบใด ไปจนถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ “Hossein Amir-Abdollahian” ที่ยืนยันโดยคำพูดทางโทรศัพท์กับตัวแทนประเทศต่างๆ ไม่ว่ากาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย อิรัก และเยอรมนีเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (11 เม.ย.) ว่าการตอบโต้-เอาคืนของอิหร่านต่ออิสราเอล ถือเป็น “ความจำเป็น” อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้...
และอันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคร้อนฉ่า ร้อนแรง ขึ้นมาโดยฉับพลัน-ทันที สายการบิน “Lufthansa” ของเยอรมนีต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินไปยังอิหร่านชั่วคราว น้ำมัน “Brent” ทะเลเหนือ เด้งพรวดไปถึง 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ประเทศหมีขาวรัสเซียต้องออกประกาศเตือนนักเดินทางที่คิดจะเข้าๆ ออกๆ ไปยังประเทศอิสราเอล ปาเลสไตน์ เลบานอน ฯลฯ ให้ระมัดระวังตัวไว้ซะแต่เนิ่นๆ อเมริกาต้องเกร็งเนื้อ เกร็งตัว ต้องหันมาเตือนชาวอเมริกันทั่วทุกซีกโลก ให้ระมัดระวังการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านต่อผลประโยชน์ของชาวอเมริกันในแต่ละภูมิภาค ฯลฯ แม้แต่ละประเทศ แต่ละราย ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน ว่าการตอบโต้-เอาคืนของพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน จะเป็นไปในแบบไหน? อย่างไร? หรือจะอุบัติขึ้นมาในช่วงไหนต่อช่วงไหน???
อย่างไรก็ตาม...บรรดานักวิเคราะห์ นักสังเกตการณ์ต่างประเทศโดยส่วนใหญ่ ต่างก็เห็นพ้อง-ต้องกันไปในแนวเดียวกันว่าอิหร่านคงไม่ถึงกับถลำตัวเข้าสู่ “กับดัก” ของอิสราเอลเอาง่ายๆ หรืออย่างที่นักวิเคราะห์ชาวรัสเซีย “นายFyodor Lukyanov”ประมาณการเอาไว้นั่นแหละว่า แม้จะต้องตอบโต้-เอาคืนด้วยการปฏิบัติการอย่างใด-อย่างหนึ่งต่ออิสราเอล แต่ลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมของการเมืองอิหร่านนั้น คือความปรารถนาที่จะยับยั้งมากกว่าการลงมือ-ลงตีนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า หรือแม้แต่คอลัมนิสต์ของ “Jerusalem Post” “นายSeth J. Frantzman” ที่เป็นชาวอิสราเอลเอง ยังยอมรับว่ากรรมวิธีที่อิหร่านจะตอบโต้-เอาคืนอิสราเอล น่าจะมีไม่น้อยกว่า 10 วิธีขึ้นไป ไม่ว่าด้วยการอาศัย “ตัวแทน” ในพื้นที่ต่างๆ เช่นพวกนักรบชีอะห์ในจังหวัด “Amber” ของอิรัก ที่อยู่ใกล้ชิดติดพันกับประเทศอิสราเอล หรือจากฐานทัพ “Imam Ali” ในดินแดนซีเรีย ไปจนถึงพวก “Hezbollah” ในเลบานอน หรือพวก “Houthi” ในดินแดนเยเมน ฯลฯ...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในเมื่อ “ความพ่ายแพ้ทางการเมือง” ของอิสราเอลในการโจมตีพวกฮามาสในเขตฉนวนกาซา ที่ถูกเรียกว่า “ยุทธศาสตร์แห่งความพ่ายแพ้” ตั้งแต่แรก กำลังส่งผลให้ผู้นำอิสราเอล นายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” ถูกชิงชัง รังเกียจ ไปทั่วทั้งโลก ชนิดแม้แต่ชาวอิสราเอลด้วยกันเอง ยังปรารถนาที่จะ “ถีบทิ้ง” หรือยังต้องออกมาเรียกร้อง และเร่งเร้า ให้ต้อง “เลือกตั้ง” กันใหม่ อีกทั้งยังส่งผลให้ “Zionist ตัวพ่อ” อย่างผู้นำอเมริกา ประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา” ออกอาการหัวทิ่ม หัวตำ ถูกคู่แข่ง-คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันปลายปีนี้ อย่าง “ทรัมป์บ้า” กวาดคะแนนนิยมนำโด่งแบบชนิดแทบไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง ความพยายามที่จะ “เบี่ยงเบน” กระแสความเป็นไปดังกล่าว ด้วยการยั่วยุและกระตุ้นให้เกิดการเผชิญหน้าโดยตรงกับอิหร่าน ด้วยการขยายวงสงคราม หรือการชักลากเอาคุณพ่ออเมริกาให้เข้ามานุงนัง นัวเนียด้วย อย่างเป็นทางการ จึงเป็นสิ่งที่พี่เบิ้มในตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน น่าจะ “อ่านออก” และคงไม่ถึงกับคิดถลำตัวลงไปสู่ “กับดัก” เอาง่ายๆ...
แม้ว่าการ “ลงโทษอิสราเอล” เป็นสิ่งที่ “ควร” และ “ต้อง” กระทำการ อย่างที่ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเน้นย้ำไว้ก็เถอะ แต่การหันมาเล่น “หมากล้อม” แทนที่จะเปลี่ยนไปเล่น “หมากรุก” ตามที่อิสราเอลและคุณพ่ออเมริกาต้องการ จึงน่าจะถือเป็น “แนวทาง” หรือ “ยุทธศาสตร์” ที่บรรดาผู้ซึ่งคิดจะ “เปลี่ยนโลก” จาก “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไปสู่ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ทั้งหลายไม่ว่าจีน-รัสเซีย-อิหร่าน-ไปจนถึงเกาหลีเหนือโน่นเลย...น่าจะยึดมั่น ยึดถือ จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะ “ล่มสลาย” ลงไปเอง!!!