xs
xsm
sm
md
lg

พม่า...กับ“จุดเปลี่ยน”ที่มิอาจหวนกลับคืนได้อีก!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


พล.อ.มินต์ ส่วย ประธานาธิบดีเมียนมา
สำหรับ “โลกทั้งโลก” เมื่อต้นสัปดาห์ได้ “เปิดประตูนรก” ให้เห็นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ปิดท้ายสัปดาห์นี้เลยคงต้องขออนุญาตแวะกลับมาดูแถวบ้านใกล้-เรือนเคียง หรือแถวๆ ประเทศพม่า เมียนมา ที่มีพรมแดนประชิดติดพันกับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮากว่า 2,400 กิโลเมตร หรือตั้งแต่แถบเชียงรายไปจนจรดระนอง ชุมพร โน่นเลย...

ด้วยเหตุเพราะฉากสถานการณ์ในประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างพม่าช่วงนี้...ต้องเรียกว่าน่าจะมาถึง “จุดเปลี่ยน” แบบมิอาจหวนคืนกลับไปดังเดิมได้อีกต่อไปแล้ว!!! โดยถ้าหากจะถามว่า...อะไรคือหมุดหมายที่สะท้อนให้เห็นถึง “จุดเปลี่ยน” ในลักษณะที่ว่า คงหนีไม่พ้นต้องย้อนกลับไปยังจุดที่ถึงกับทำให้ประธานาธิบดีพม่าอย่าง “Myint Swe” ต้องออกมารับสารภาพต่อที่ประชุมสภาความมั่นคงและป้องกันประเทศเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ว่าประเทศพม่ากำลังถูกฉีกหรือกำลังแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย อันเนื่องมาจากการเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ ของกองกำลัง 3 ประสานจำนวนกว่า 15,000 นาย จากกองทัพตะอั้ง (Ta’ang National Liberation Army) หรือ “TNLA” จากกองทัพอาระกัน (Arakan Army) หรือ “AA” และจากกองทัพโกกั้งที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งพม่า (Myanmar National Democratic Alliance Army) หรือ “MNDAA” บุกเข้าโจมตีค่ายทหาร ยึดกองบัญชาการ ฐานทัพและเมืองสำคัญต่างๆ ในพม่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันศุกร์ที่ 27 ต.ค.ปีที่แล้ว หรือที่เรียกๆ กันว่า “Operation 1027” ...นั่นแล...

นับจากนั้นเป็นต้นมา... “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ที่รวมศูนย์อยู่ในมือรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส “มิน อ่อง หล่าย” ผู้ก่อการรัฐประหารต่อรัฐบาลพลเรือนของ “นางอองซาน ซูจี” เมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ค.ศ. 2021) ก็ตกอยู่ในสภาพอย่างที่ประธานาธิบดี “Myint Swe” ท่านสารภาพไว้นั่นแหละว่า...กำลังแตก หรือกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็ก-ชิ้นน้อย เพราะในแถบด้านที่ติดต่อกับชายแดนจีน หลังจากพวก “จีนเทา” ที่รัฐบาลพม่าเคยสนับสนุน ส่งเสริม ให้ขึ้นมามีอำนาจในพื้นที่แถบนี้ แทนที่จะปล่อยให้พวกที่ใกล้ชิดกับจีนมีบทบาท อิทธิพล ได้ต่อไป จะด้วยเหตุเพราะ “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ของพวกแม่ทัพ นายกอง แห่งกองทัพพม่า หรือด้วย “ผลประโยชน์แห่งชาติ” เพื่อเอาไว้ “ถ่วงดุล” ไม่ให้ประเทศพม่าทั้งประเทศต้องตกอยู่ภายใต้ “อิทธิพลจีน” มากมายจนเกินไป ได้ถูกกองทัพพันธมิตร “MNDAA” ขจัดกวาดล้างจนแทบไม่เหลือเศษซากจับพวก “จีนเทา” ส่งไปให้เผด็จการที่เกลียดอาชญากรรม การคอร์รัปชัน อย่างคุณพี่จีน ตัดหัว-คั่วแห้งไปเป็นรายๆ อาณาเขตพื้นที่บริเวณพรมแดนพม่าด้านนี้ ก็แทบไม่ได้อยู่ใน “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ของรัฐบาลและกองทัพพม่าอีกต่อไป เพราะแม้แต่ “ชุมชนชาวพม่า” (Bamar Community) ที่ถูกจัดตั้งให้ฝังรากความเป็นพม่าไว้แบบมั่นคง แน่นหนา ในเมือง “เล่าก์ก่าย” (Laukkai) ก็ยังถูกพวกโกกั้งที่ใกล้ชิดกับจีนขจัดกวาดล้าง หรือรื้อทิ้งไปเป็นแถบๆ ตั้งช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา...

ส่วนอาณาบริเวณพื้นที่ชายแดนด้านที่ติดกับอินตะระเดีย...แค่ดูจากข่าวคราวและภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อท้องถิ่น “Lairam Times” เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถึงการหารือระหว่าง “นายK. Vanlalvena” ตัวแทนรัฐบาลอินเดียกับเจ้าหน้าที่กองทัพ “AA” ของอาระกันที่บุกเข้ากวาดล้างทหารพม่าแทบเกลี้ยงช่วงปฏิบัติการ “Operation 1027” ในเรื่องโครงการขนส่งของอินเดียบริเวณพื้นที่แถบนี้ หรือโครงการ “Kaladan Multi-Modal Transit Transport Project” เพื่อเชื่อมเส้นทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียมายังเมืองท่า “Sittwe” ในรัฐยะไข่ของพม่า อันถือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลหรือกองทัพพม่าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเป็น “ตัวแทน” หรือไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลใดๆ ในการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียในพื้นที่บริเวณดังกล่าวต่อไปอีกแล้ว...

สำหรับพื้นที่พรมแดนด้านที่ติดต่อกับประเทศไทยแลนด์แดนสยามของหมู่เฮา โดยข่าวคราวความเคลื่อนไหวช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง การที่กระทรวงต่างประเทศคุณพ่ออเมริกาได้จัดการพบปะเจรจา อย่างเป็นทางการกับตัวแทนกองกำลังอาวุธ 4 กลุ่ม 4 ฝ่ายด้วยกัน คือกองทัพเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independence Army) หรือ “KIA” กองกำลังพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (Karenni National Progressive Party) หรือ “KNPP” กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union) หรือ “KNU” และกองกำลังแนวร่วมแห่งชาติชิน (Chin National Front) หรือ “CNP” หรือที่เรียกรวมๆ กันว่า “K3C” เพื่อที่จะอุดหนุน ช่วยเหลือ ทั้งทางการเมือง การทหาร หรือการอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่อย่างเป็นระบบและกิจการ หรือแบบไม่คิดจะ “แอบจิต” อีกต่อไป เพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการและกองทัพพม่าตั้งแต่ชายแดนที่ติดต่อกับด้านเหนือสุดของฝั่งไทย เชียงราย-แม่ฮ่องสอน-ลงมาถึงด้านจังหวัดระนองเอาเลยทีเดียว...

อันนี้...ก็เท่าพื้นที่ยาวเหยียดกว่า 2,400 กิโลเมตรที่ประชิดติดพันกับพรมแดนไทย ย่อมใกล้ถูกฉีกออกไปเป็นชิ้นๆ อีกส่วนอีกด้าน อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ชนิดถึงขั้นเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 เม.ย.) ว่ากันว่า...กองบัญชาการทหารพม่า ไม่ว่ากองพัน 375 และค่ายทหารอีก 7 แห่ง กองบัญชาการยุทธวิธี ถูกบุก ถูกยึด ทหารจากกองพัน 275 ถึงกับต้องยอมมอบตัวต่อทหารกะเหรี่ยง ส่วนบรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ ไม่ว่าศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง แห่งจังหวัดเมียวดี ต้องยกโขยงอพยพผู้คนในแต่ละหน่วยงาน ขอเครื่องบินจากฝั่งไทย หรือจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ไปช่วยรับช่วยส่ง จนกลายเป็นข่าวคราวให้พวก “สามกีบ” หยิบเอามาเมาท์ มาโพสต์ มาแชท หรือเอามา “เล่นการเมือง” กันในฝั่งไทยอย่างเป็นที่เอิกเกริก...

และไม่ใช่แค่เมืองสำคัญๆ อย่างเมืองเมียวดีเท่านั้น...ที่ถูกกองกำลังกะเหรี่ยงบุกจู่โจม บุกเข้ายึด แต่กระทั่งเมือง “ศูนย์กลางอำนาจ” อย่างกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงและศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร ยังต้องเจอกับการบุก การโจมตี ไม่ว่าด้วยเครื่องบินโดรน หรือโดยกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ “NUG” ที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยและ “นางอองซาน ซูจี” มาตั้งแต่ต้น ชนิดต้องขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์จากฐานทัพอากาศกันจ้าละหวั่นหรือทำให้อำนาจ บทบาท อิทธิพล ของรัฐบาลเผด็จการพม่ารวมทั้งกองทัพพม่าในแทบทุกพื้นที่ ตกอยู่ในสภาพดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพม่าแห่งสหประชาชาติชาวอเมริกัน อย่าง “นายThomas” หรือ “Tom Andrews” สรุปไว้สั้นๆ ว่ากำลัง “เข้าตาจน” หรือกำลังเจียนอยู่-เจียนไป เต็มที...

และดูเหมือนผู้นำคนสำคัญ อย่างพลเอกอาวุโส “มิน อ่อง หล่าย” ก็ “ออกอาการ” ให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่าคณะรัฐประหารต้องการอยู่ในอำนาจแค่เพียงชั่วคราว และกำลังคิดจะกลับไป “เลือกตั้ง” เพื่ออาจพอช่วยผ่อนคลายแรงกดดันทางการเมืองลงไปได้มั่ง แต่สุดท้าย...ก็อาจเลือกกันได้แค่บางส่วน บางพื้นที่ เท่านั้น หรือแม้จะพยายาม “เดินสาย” ออกไปหาพวก หาแรงสนับสนุนจากต่างประเทศ อันแทบถือเป็น “สูตรสำเร็จ” แห่งการครองอำนาจฝ่ายเผด็จการพม่ามาโดยตลอด พยายามหันไปประนีประนอมกับจีน หรืออุตส่าห์ถ่อไปถึงดินแดนหมีขาวรัสเซียโน่นเลย สั่งซื้อเครื่องบิน MIG-29 เครื่องบิน YAK-130 และลงนามความร่วมมือในกิจการด้านต่างๆ กับรัสเซีย ฯลฯ แต่สิ่งเหล่านี้...ก็ดูจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์โดยรวมกระเตื้องขึ้นมาเอาเลยแม้แต่น้อย...

โดยเฉพาะเมื่อวัน-สองวันก่อน...ที่เอกอัครราชทูตจีนประจำพม่ารายใหม่ “นายChen Hai” ได้รุดเข้าเยี่ยมคารวะอดีตผู้นำรัฐบาลเผด็จการพม่าช่วงปี ค.ศ. 1992-2011 หรืออดีตประธานสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (SPDC) พลเอกอาวุโส “ตาน ฉ่วย” รวมทั้งอดีตประธานาธิบดีพม่า “นายอู เต็ง เส่ง” จนถูกนำไปตีความ แปลความ ประมาณว่า...อาจนำไปสู่การ “ถีบทิ้ง” ผู้นำเผด็จการปัจจุบันอย่างพลเอกอาวุโส “มิน อ่อง หล่าย” ผู้ที่พยายามดำรง รักษา “ความเป็นตัวของตัวเอง” ไม่ให้ต้องถูกครอบงำโดยอิทธิพลมหาอำนาจประเทศหนึ่งประเทศใดจนเกินไป ไม่ว่าจะโดยการสนับสนุนพวก “จีนเทา” ไว้ถ่วงดุลกับจีน หรือถึงขั้นเคยมีข่าวว่าลอบ “ต่อสาย” กับอเมริกาไปโน่นเลย หรือการหันไปหารัสเซียที่อยู่ไกลกันคนละซีกโลก ฯลฯ แต่อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ แทบไม่ได้ช่วยหยุดยั้ง “การเปลี่ยนแปลง” ในพม่าที่กำลังปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...

ไม่ว่าจะเป็นการ “เปลี่ยนตัวผู้กุมอำนาจสูงสุด” ดังที่เคยเปลี่ยนๆ กันมาแล้วในแต่ละยุค แต่ละสมัย ไปจนการ “เปลี่ยนระบบการเมือง-การปกครอง” หรืออาจไปไกลถึงขั้น “เปลี่ยนโครงสร้าง” ของประเทศทั้งประเทศ แบบที่เคยคิดจะเปลี่ยนๆ กันในยุคของบิดาบังเกิดเกล้า “นางอองซาน ซูจี” นายพล “อู อองซาน” จนก่อให้เกิดข้อตกลงที่ไม่เคยมีผลบังคับใช้ หรือที่เรียกว่า “สนธิสัญญาปางโหลง” (Panglong Agreement) เมื่อปี ค.ศ. 1947 โน่นเลย คือการพร้อมยอมรับความเป็น “สหพันธรัฐ” หรือการปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อยในแต่ละกลุ่ม แต่ละเหล่า...

ไม่งั้น...ก็อาจต้องเปลี่ยนไปเป็น “ซีเรีย 2” หรือ “ยูเครน 2” เอาเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยเหตุเพราะพื้นที่ประเทศพม่านั้น ต้องถือเป็น “พื้นที่ยุทธศาสตร์” ที่สำคัญเอามากๆ สำหรับ “มหาอำนาจ” ระดับโลก ไม่ว่าจีน-อินเดีย-หรือคุณพ่ออเมริกา ชนิดแม้แต่รัสเซียที่อยู่กันคนละซีกโลกยังอดเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันแทบไม่ได้ เนื่องจากสามารถก่อให้เกิด “ความได้เปรียบ-เสียเปรียบ” ต่อมหาอำนาจในแต่ละฝ่ายได้อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว อันทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา หรือแม้แต่ “อาเซียน” ทั้งอาเซียนก็อาจทำอะไรไม่ได้ถนัดสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อบรรดามหาอำนาจทั้งหลายยังคง “กัดกันไม่เลิก” หรือยังต้องการที่จะอาศัยพม่าเป็น “เครื่องมือ” ในการเอาแพ้-เอาชนะระหว่างกันและกันแบบเม็ดต่อเม็ด...


กำลังโหลดความคิดเห็น