สตช.หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นส่วนราชการระดับกรมขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้มีหน้าที่ และความรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และเป็นขั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม
ดังนั้น สตช.จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมโดยรวม
แต่ในหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของรัฐบาลภายใต้การนำของเศรษฐา ทวีสิน ศักยภาพในการทำงานในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของ สตช.ด้อยลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะการลักขโมย จี้ปล้นชิงทรัพย์ ข่มขืนไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย และทำลายชีวิตได้เพิ่มขึ้น สืบเนื่องมาจากผู้คนในสังคมส่วนหนึ่งตกเป็นทาสยาเสพติด และการพนัน จึงทำให้อาชญากรจำเป็นเพิ่มขึ้น และเมื่อรวมกับอาชญากรโดยสันดานซึ่งมีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ก็มากพอที่จะทำให้สังคมโดยรวมอยู่อย่างหวาดระแวง และกลายเป็นความทุกข์ดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
2. เหตุปัจจัยในข้อ 1 มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความขัดแย้งและแตกแยกใน สตช.ที่ทำให้ศักยภาพในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมด้อยลงไป และส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนบางกลุ่มเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบ่อนเถื่อนและสถานบันเทิงซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุมทางเพศ และเสพยาเสพติด จึงเท่ากับทำให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้นในทางอ้อม
3. ในการโยกย้ายแต่งตั้งใน สตช.ส่วนหนึ่งได้ยึดระบบอุปถัมถ์และผลประโยชน์ต่างตอบแทนมากกว่าระบบคุณธรรม จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นในหมู่คนดีที่มุ่งทำงาน และยึดความถูกต้องเป็นธรรม จึงทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนดีและคนเลวใน สตช.
ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหาความแตกแยกใน สตช.จะต้องแก้ที่ปัจจัยขั้นพื้นฐานซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความแตกแยก มิใช่แก้ด้วยการโยกย้ายเพื่อกลบปัญหา เฉกเช่นการโยกย้ายบิ๊กโจ๊กหรือพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสยบข่าวอื้อฉาวเพราะการแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเอาก้อนหินทัพหญ้าเพื่อมิให้หญ้าโตขึ้นมา แต่เมื่อใดเอาก้อนหินออกไปหญ้าขึ้นเหมือนเดิม
ทางแก้ที่ดีกว่านี้แต่ยังไม่ได้ทำ และเชื่อว่าสักวันหนึ่งต้องทำก็คือ การปฏิรูปองค์กรตำรวจเพื่อขจัดเหตุปัจจัยที่ทำให้องค์กรแห่งนี้ด้อยคุณภาพ และด้อยคุณธรรม ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. ในการโยกย้ายแต่งตั้งในทุกระดับให้ยึดระบบคุณธรรมก่อนระบบอุปถัมถ์ และนำระบบอาวุโสมาประกอบการพิจารณาชี้ขาด
2. ยกเลิกประเพณีลูกน้องเลี้ยงนาย ไม่ว่าจะเป็นการส่งส่วยหรือเลี้ยงต้อนรับผู้บังคับบัญชาที่ลงตรวจพื้นที่ โดยเฉพาะการต้อนรับที่มีค่าใช้จ่ายเกินฐานะทางการเงินของผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นเหตุให้ต้องไปพึ่งพาผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่รับผิดชอบ
3. ในกรณีที่บุคลากรใน สตช.ทำผิด โดยเฉพาะคดีทุจริต คอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย จะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที และเมื่อพบว่ามีมูลจะต้องสั่งพักราชการ มิใช่ย้ายออกนอกพื้นที่ ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้ไปทำผิดในพื้นที่อื่นอีก
ถ้าผู้นำองค์กรคือ ผบ.ตร.และนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลในระดับสูงของ สตช.สามารถขจัดเหตุ 3 ประการนี้ได้ เชื่อว่าองค์กรแห่งนี้จะเจริญก้าวหน้า และเป็นที่รองรับคนดีเพิ่มขึ้น เมื่อองค์กรมีคนดีมากกว่าคนเลว หรือแม้กระทั่งมีคนเลวมาก แต่ถ้าได้คนดีมาเป็นผู้นำก็จะทำให้คนเลวเป็นคนดีได้ โดยอาศัยการทำดีให้ดูเป็นแบบอย่าง และให้กาลเวลาละลายพฤติกรรมเลวให้เจือจางและหมดไปในที่สุด