การค้นพบแคดเมียมสารพิษปนเปื้อนเป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดมะเร็งและโรคอื่นๆ ถูกเก็บไว้ในโรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรีและอาจมีในจังหวัดอื่นๆ ได้สะท้อนให้เห็นการทำธุรกิจแบบชั่วร้าย
เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ค้นพบสถานที่กักเก็บแคดเมียมมากกว่า 10,000 ตัน ยังจะต้องหาคำอธิบายให้ประชาชนได้รับรู้ว่าความชั่วร้ายอย่างนี้เกิดในประเทศไทยได้อย่างไร
สารแคดเมียมจำนวนนี้ถูกขุดมาจากบ่อเก็บกักสารพิษซึ่งเป็นขี้ตะกรันจากการหลอมแร่สังกะสีโดยบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ในอำเภอแม่สอดกว่า 20 ปีก่อนหน้านี้
ถูกฝังกลบไว้อย่างถูกต้องแบบถาวรเพื่อไม่ให้เกิดสภาวะเป็นพิษ และคงไม่คาดคิดว่าจะมีใครไปขุดขึ้นมาเพื่อหารายได้อีก
จากหลักฐานที่ปรากฏเบื้องต้นมีแคดเมียมถูกฝังอยู่ 7 บ่อและถูกขุดมาจากสองบ่อ แสดงว่ายังมีจำนวนมากที่ยังจะถูกนำมาซื้อขาย
ยังไม่รู้ว่าแคดเมียมที่ขุดมาแล้วถูกนำไปหลอมสกัดเอาสารอื่นๆ ไปแล้วมากน้อยเท่าไหร่ โดยโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการแยกโลหะอย่างนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออกคำสั่งให้นำแคดเมียมที่ถูกค้นพบไปฝังกลบในที่เดิมภายใน 15 วัน หรือเท่าที่จะทำได้ในเวลาเร็วที่สุด
เรื่องต้องไม่จบเพียงแค่นี้ ต้องมีคำตอบหรือคำอธิบายให้ประชาชนรับรู้ว่าแคดเมียมนี้ถูกขุดมาโดยโดยคำสั่งของใคร และจะเอาไปไหน หลอมในเมืองไทยหรือว่าถูกส่งไปประเทศจีนกันแน่
จากข่าวที่ปรากฏยังไม่มีคำอธิบายว่าบริษัทดั้งเดิมคือผาแดงและบริษัทที่รับช่วงต่อมานั้น ทำไมถึงอนุมัติให้ขุดแคดเมียมขึ้นมาขายเพื่อหวังรายได้
และการกระทำอย่างนี้ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสาธารณะ สุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมสมควรได้รับโทษตามกฎหมายกำหนด
ทุกวันนี้ยังไม่มีใครบอกว่าต้นตอของการขุดมาอย่างไร ทำไมถึงรอดหูรอดตาเจ้าหน้าที่ทุกระดับตั้งแต่ท้องถิ่นเช่นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอจนถึงระดับจังหวัด การสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตากยังไม่พอ
การขุดสารพิษจากบ่อขนาดใหญ่เป็น 10,000 ตันไม่ใช่เป็นการขุดหาแย้ หรือสัตว์ที่อยู่ในรู ต้องเป็นขบวนการที่ใหญ่มีรถขุด รถบรรทุกขนจำนวนมหาศาล มีเครือข่ายรองรับด้านกักเก็บและแยกสารที่ต้องการ
การกระทำขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีใครรู้เห็นและขบวนรถบรรทุกผ่านด่านเจ้าหน้าที่จากจังหวัดตากจนถึงสมุทรสาครได้อย่างไร
คำตอบที่สรุปได้เบื้องต้นก็คือ “อำนาจเงิน” ที่เบิกทางได้ทุกขั้นตอน และต้องเป็นเงินไม่น้อย ผู้ที่เกี่ยวข้องภาครัฐต้องเป็นผู้ขาดจิตสำนึกด้านความปลอดภัย
และต้องมีความหิวเงินอย่างแรงที่ยอมให้กระทำความชั่วร้ายอย่างนี้ได้
บริษัทที่เกี่ยวข้องถ้าอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องถูกสอบสวน กรรมการและผู้รับผิดชอบนิติบุคคลต้องถูกดำเนินคดี การขาดหลักธรรมาภิบาลอย่างรุนแรงและการทำผิดกฎหมายสมควรถูกปลดออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากเป็นความอุบาทว์ อัปรีย์จัญไรทุกระดับตั้งแต่กิจการนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมดแล้ว ต้องถือว่าการทุจริตคอร์รัปชันทั้งภาครัฐและเอกชนไม่มีขอบเขตจริงๆ
ความชั่วร้ายในกรณีนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเหลือเชื่อเพราะที่ผ่านมากลุ่มอัปรีย์จัญไร ในระดับนักการเมืองเสนาบดีข้าราชการระดับสูง รวมถึงผู้นำประเทศ ก็มีส่วนรับผิดชอบโดยตรง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการนำเข้ากากพิษอุตสาหกรรม เศษชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และธุรกิจอื่นๆ เอามาเพื่อแยกโดยระบบหลอมหรือกระบวนการอื่นใด โดยโรงงานกลุ่มทุนต่างประเทศ
ที่พบมาโรงงานทั้งหลายกระจายอยู่ในหลายจังหวัด ล้วนเป็นกลุ่มทุนจีนที่แอบลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์และสารพิษเข้ามาในประเทศไทยจำนวนหลายแสนตัน หรือมากกว่านั้น
คำถามก็คือนักการเมือง รัฐมนตรีอัปรีย์จัญไรเหล่านี้ ทำไมถึงได้กระทำความผิดและอยู่รอดมาได้จนทุกวันนี้
ประเทศไทยได้เคยเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์สำหรับการเกษตร เป็นแหล่งผลิตอาหาร ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ปัจจุบันแม่น้ำ 48 สายทั่วประเทศมีแต่สารปนเปื้อนจากกากอุตสาหกรรม ไร่นามีแต่เคมีเกษตร
ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งทิ้งกากพิษอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยกลุ่มทุนต่างประเทศ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่เอาใจใส่ตรวจสอบทุกขั้นตอน
นี่ไม่ใช่เป็นผลของความโง่เขลาเบาปัญญา แต่เป็นเรื่องของจิตสำนึกที่ขาดคุณธรรม ต้องการเงินด้วยการทุจริตคอร์รัปชันทุกระดับในภาคราชการโดยมีเสนาบดีเป็นตัวการ รับผิดชอบ
การลักลอบนำสารพิษ ขยะอุตสาหกรรม เข้ามาในประเทศก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การขุดขยะพิษที่ถูกฝังกลบไปแล้วเอามาขายนั้นต้องเรียกว่าเป็นความชั่วร้าย อัปรีย์ เกินบรรยาย
แต่ประเทศไทย ดินแดนของการทุจริตคอร์รัปชัน ความชั่วร้ายอย่างนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะเสนาบดีข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายเหล่านี้ล้วนแต่พวกเป็นอัปรีย์จัญไร สร้างอุบาทว์ภัยให้ประชาชน
รัฐบาลผู้นำถุงเท้าแดงไม่ควรมุ่งการแก้ปัญหาหิวแสงหรือเน้นแต่คำพูดว่าตัวเองเป็นนายกฯ ตัวจริง จะต้องพิสูจน์ว่าตัวเองมีคุณค่าเพียงพอ ไม่แพ้สงครามตามคำคุย
นั่นก็คือจะต้องขุดคุ้ยความอุบาทว์ให้ถึงต้นตอและเอาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษ และพิจารณานโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรม และปิดโรงงานที่ผิดกฎหมายให้หมด โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบรรยากาศการลงทุน
ทุกวันนี้มีภัยจากฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 อยู่แล้วอย่าให้ประชาชนต้องเสี่ยงจากกากพิษอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์อีก
ถ้าทำเรื่องนี้ได้สำเร็จกวาดล้างความชั่วร้ายผิดกฎหมายได้จริง ก็สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นนายกฯ ตัวจริงได้ แม้นายกฯ นอกทำเนียบฯ จะเขม่นก็ตาม