xs
xsm
sm
md
lg

เปิดประตูนรกจาก“ทะเลเดือดสู่โลกเดือด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์
เปิดฉากสัปดาห์นี้...โดยอารมณ์-ความรู้สึก ต้องเรียกว่าพอๆ กับ “เปิดประตูนรก” ยังไงยังงั้น!!! เพราะโดยสีสัน บรรยากาศความเป็นไปของ “แนวรบ” ต่างๆ ไม่ว่ายุโรปตะวันออก-ตะวันออกกลาง-หรือแม้แต่เลยไปถึงทะเลจีนใต้ มันชักออกไปทาง “โลกเดือด” ชนิดไม่น้อยไปกว่าอาการ “ทะเลเดือด” ของ “อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์” นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อมของบ้านเรา หรือภาวะที่อุณหภูมิความร้อนน้ำทะเลมันเลยเพดาน ทะลุเพดาน เลยเกณฑ์ “ปะการังฟอกขาว” หรือเลยจาก 30.5 องศา ขึ้นไปถึง 31-32 องศาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

ไม่ว่าการเผชิญหน้าระหว่างหมีขาวรัสเซียกับโลกตะวันตก ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะนายกรัฐมนตรีชาติสมาชิก “NATO” อย่างโปแลนด์ “นายDonald Tusk” เท่านั้น ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตก 2 สัปดาห์ที่แล้ว ว่ายุโรปทั้งยุโรปกำลังเข้าสู่ “ยุคก่อนสงคราม” (pre-war era) อันจะนำมาซึ่งความหนักหนา-สาหัสไม่น้อยไปกว่าช่วงสงครามเท่าที่เคยผ่านมา หรือโดยคำพูดที่ว่า... “ผมไม่ต้องการให้ใครๆ กลัว แต่สงครามอยู่ไม่ไกลไปจากอดีต เป็นของจริงและเป็นความจริง ที่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว” หรือหลังรัสเซียได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหารกับยูเครน แต่ครั้นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ “นายGrant Shapps” ก็ได้ออกมาย้ำหัวประตูไว้อีกดอก ด้วยการร่ายยาวไว้ในหนังสือพิมพ์ “The Telegraph” เมื่อวันพุธที่ 4 เม.ย.ว่า “โลกทั้งโลก” โน่นเลย...กำลังเข้าสู่ยุค “pre-war” กันอีกรอบ โดยจะเพื่อหวังกระตุ้นบรรดาชาติสมาชิก “NATO” ทั้งหลาย ให้เร่งเพิ่มงบประมาณความมั่นคง งบฯ ซื้ออาวุธให้ขึ้นไปถึงระดับ 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีหรือไม่? อย่างไร? ก็ตามที แต่ย่อมส่งผลให้สีสัน บรรยากาศ ของแนวรบด้านนี้ มันเลยทะลุ 30.5 องศา ไปอีกสักกี่ต่อกี่องศา...คงต้องไปคิดคำนวณกันเอาเอง...

ส่วน “แนวรบตะวันออกกลาง” ก็ร้อนฉ่า ร้อนแรง ไม่น้อยไปกว่ากัน...ไม่เพียงแต่การบุกทิ้งระเบิดถล่มสถานทูตสถานกงสุลอิหร่านในดินแดนซีเรีย ผู้คนล้มตายไป 16 ราย พลเรือน 2 ราย รวมทั้ง “พลเอกMohammad Reza Zahedi” ผู้บัญชาการอาวุโสกองกำลัง “Quds Force” ต้องสิ้นชีพตักษัยตามไปด้วย เมื่อช่วงวันจันทร์ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงระยะใกล้ๆ กันกลุ่มก่อการร้ายสาขา “al-Qaeda” ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมเกี่ยวโยงกับหน่วยข่าวกรอง “Mossad” ของอิสราเอล ตามข้อสมมติฐานของทางการอิหร่าน คือกลุ่ม “Jaish al-Adl” ยังบุกโจมตีสถานีตำรวจ 2 แห่งในเมือง “Bask” และ “Chabahar” แถวๆ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน ตำรวจตายไปอีก 5 ราย อันถือเป็นการเปิดฉากปฏิบัติการที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละราย ไม่ว่า “Dr.Marco Carvelos” อดีตทูตและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอิตาลีด้านตะวันออกลาง หรือ “ศาสตราจารย์Hossein Asakari” แห่ง “School of Business” กรุงวอชิงตัน ต่างเห็นพ้องต้องกันไปในแนวเดียวกันว่า ไม่ต่างไปจากการ “วางกับดักอิหร่าน” ของผู้นำอิสราเอล อย่างนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” ที่ต้องการ “ขยายวงสงคราม” จากเขตฉนวนกาซา ให้ลุกลามบานปลายไปสู่ระดับภูมิภาค ไม่ว่าเพื่อฉุดกระชากลากถูพันธมิตรผู้ใกล้ชิดอย่างคุณพ่ออเมริกาให้เข้ามาร่วมวงความขัดแย้งกับอิสราเอลให้จงได้ หรือเพื่อ “ยืดเวลาสงคราม” ไปพร้อมๆ กับยืดเวลาการดำรงอยู่ในอำนาจของตัวเอง ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้...

อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้อ่าวอาหรับเต็มไปด้วย “ปะการังฟอกขาว” ไปทั่วทั้งอ่าว หรือเต็มไปด้วยอุณหภูมิการเมืองอันสุดจะเร่าร้อน รุนแรง โดยเฉพาะเมื่อผู้นำสูงสุดด้านจิตวิญญาณของอิหร่าน อย่างท่าน “Ayatollah Ali Khamenei” ออกมาป่าวประกาศถึงการตอบโต้-เอาคืน ว่าจะต้องเอากันแบบหนักหนา-สาหัสแบบเดียวกับต้องเจอ “การตบหน้า” แบบจะจะจังๆ แต่จะตบกันตอนไหน? เมื่อไหร่? และอย่างไร? อันนี้...ยัง “ยากที่จะคาดคะเนได้” สำหรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละราย ว่าจะเป็นการตอบโต้โดยตรง หรือจะโดยผ่าน “ตัวแทน” ที่กระจัดกระจายอยู่รายรอบอิสราเอล หรือส่วนที่เป็นผลประโยชน์ของอเมริกา ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านท่านคาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย เพราะมันอาจถูกยกระดับให้กลายเป็นสงครามภูมิภาค หรือกระทั่งสงครามโลกไปโน่น เนื่องจากถ้าหากคุณพ่ออเมริกาถูกฉุดกระชากลากถูให้ต้องเข้าร่วมความขัดแย้งดังกล่าวขึ้นมาจริงๆ พันธมิตรรายสำคัญของอิหร่าน คือคุณน้ารัสเซีย ที่กำลังใกล้ลงนามในสนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระยะยาวกับอิหร่าน ในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ หลังการประชุมหารือระหว่างผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” กับประธานาธิบดีอิหร่าน “Ebrahim Raisi” ร่วมๆ 5 ชั่วโมงเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ย่อมไม่อาจ “เอามือซุกหีบ” อยู่เฉยๆ ได้แน่ๆ เพราะแม้ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว นอกจากทางการรัสเซียจะออกมาประณามการกระทำของอิสราเอลว่าถือเป็นการ “ก่อการร้าย” แล้ว ยังได้เรียกประชุมฉุกเฉินคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติในกรณีดังกล่าวอีกด้วย...

สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ว่าช่วงวันอังคารที่แล้ว (2 เม.ย.) ผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” (สี จิ้นผิง) ท่านจะยกหูคุยโทรศัพท์กับผู้นำอเมริกา ประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา” ร่วมๆ 2 ชั่วโมง โดยถือเป็นการพูดคุยหารือที่ “สร้างสรรค์” และ “ตรงไป-ตรงมา” แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้สัมพันธภาพอันตกต่ำ เลวร้าย ของมหาอำนาจอันดับหนึ่งและอันดับสองของโลก เกิดอาการกระเตื้องขึ้นมาสักกี่มาก-น้อย เพราะแค่เรื่องเล็กๆ-น้อยๆ อย่างเรื่องการบีบขาย บังคับขาย “TikTok” จากบริษัทแม่ของจีน ยังออกไปทาง “เห็นต่าง” หรือยังหันไปใช้ “ยาสีฟันไกลห่าง” กันคนละม้วน คนละหลอด ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่-เรื่องโต เรื่องคอขาด-บาดตาย อย่างเรื่อง “ไต้หวัน” ด้วยแล้ว โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะหา “จุดลงตัว” ระหว่างกันและกันได้ ยิ่งแทบไม่เห็นทางออก-ทางไปเอาเลยแม้แต่น้อย ชนิดกระทั่ง “พลเรือเอกJohn Aquilino” ผู้บัญชาการกองบัญชาการ “อินโด-แปซิฟิก” ยังออกอาการ “ฝันร้าย” จนถึงกับถ่อไปให้การกับคณะกรรมาธิการทหารสภาสหรัฐฯ ด้วย “ความเชื่อ” ที่ว่าจีนคิดบุกไต้หวันในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือในปี ค.ศ. 2027 เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ขณะที่ฝ่ายจีนนั้น...ถ้าฟังจากคำพูดของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ระหว่างพบปะนักธุรกิจอเมริกันเมื่อช่วงวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ต้องเรียกว่า...หนาวว์ว์ว์ยะเยือกก์ก์ก์ทั้งที่โลกร้อน ทะเลร้อน เพียงใดก็แล้วแต่ ด้วยการเน้นให้เห็นว่าธรรมชาติแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดผลในทางบวก-ทางลบ ต่อบรรดาประชาชนของสองประเทศเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบไปถึง “ชะตากรรมของมวลมนุษยชาติ” ทั่วทั้งโลกอีกด้วยต่างหาก โดยเฉพาะถ้าหากต่างฝ่ายต่างไม่คิดจะ “เคารพต่อผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย” ไม่คิด “ร่วมมือบนความเท่าเทียมของกันและกัน” หรือไม่พร้อมยอมรับที่จะ “อยู่ร่วมกันโดยสันติ” ให้จงได้ โอกาสที่สัมพันธภาพของสองประเทศจะได้รับการปรับปรุงย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ...

และก็อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...ไม่ว่าประธานาธิบดีอเมริกันปลายปีนี้จะเป็น “ทรัมป์บ้า” หรือ “โจ ซึมเซา” แต่ก็ต่างติดเชื้อโรคร้าย “Xenophobia” ขั้นสุดท้าย หรือโรคเกลียดจีน-กลัวจีนไปด้วยกันทั้งคู่ โอกาสที่สัมพันธภาพระหว่างประเทศทั้งสองจะหวนคืนกลับมาดังเดิม แทบมองไม่เห็นทางออก-ทางไปเอาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น...เมื่อสรุปรวมความถึงสีสัน บรรยากาศ ความเป็นไปของ “แนวรบ” สำคัญๆ ทั้ง 3 แนว คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” น่าจะอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล หรือน่าจะรับรู้ได้-สัมผัสได้ ไม่ต่างไปจากอุณหภูมิความร้อนในทะเลไทย...นั่นแล...

ส่วนเหตุที่ต้องนำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเน้น มาย้ำ กันอีกครั้ง ในช่วงต้นสัปดาห์นี้...ก็เพราะเมื่อหันมามองบรรยากาศความเป็นไปในบ้านเรา ต้องเรียกว่า... “เหนื่อยย์ย์ย์!!!” เอามากๆ คือขณะที่โลกทั้งโลกใกล้จะฉิบหาย ใกล้ถึงจังหวะลงมือ-ลงตีนกันอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แต่สำหรับบรรดา “เด็ก” และ “ผู้ใหญ่” ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ต่างยังหันไปเถียงกันไม่เสร็จ ในเรื่องจะใช้เสลี่ยง ใช้ช้าง หรือใช้รถกอล์ฟ ฯลฯ “แห่พระเกี้ยว” กันดี??? ไม่ก็กำลังยุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายห่า อันเนื่องมาจากผู้บังคับใช้กฎหมายในระดับต้นน้ำ ขั้นผู้บัญชาการ-รองผู้บัญชาการ หันมา“กัดกันเอง” หรือหันมากล่าวหา กล่าวร้ายถึงการอยู่เหนือไปจากกฎหมาย หรือละเว้นที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย จนเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน ไปด้วยกันทั้งคู่ ไม่เพียงเท่านั้น...ผู้ที่มีสถานะเพียงแค่ “นักโทษชาย” ยังสามารถแปลงตัวเองให้กลายเป็น “นักโทษเทวดา” ไปซะอีกต่างหาก ส่งผลให้...ไม่เพียงแต่กฎระเบียบ กติกา หรือกฎหมาย แทบสิ้นสภาพลงไปเท่านั้น กระทั่งขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและค่านิยมทางสังคม ยังบิดเบี้ยว บู้บี้ หารูป หาทรงแน่นอนแทบไม่ได้ ดังนั้น...โอกาสที่จะถูกไฟนรกเผาผลาญ หรือต้องหลุดร่วงลงไปสู่นรกขุมไหนต่อขุมไหน อันเนื่องมาจาก “ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป” จึงย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ…


กำลังโหลดความคิดเห็น