พฤติกรรมที่กองทัพอิสราเอลกระทำต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาไม่ใช่สงครามตามนัยที่แท้จริง แต่เป็นการมุ่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แต่ฝ่ายเดียว ด้วยแสนยานุภาพที่เหนือกว่า
ผู้นำรัฐบาลอิสราเอลอ้างว่าการที่กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปสังหารชาวปาเลสไตน์ และใช้กองทัพอากาศถล่มฉนวนกาซาจนเสียหายยับเยิน “เป็นการป้องกันตัว”
โดยปกติแล้วการป้องกันตัวต้องกระทำในพื้นที่ของตัวเอง แต่กองทัพอิสราเอลได้รุกรานเข้าไปในฉนวนกาซาจึงไม่ใช่การป้องกันตัวเอง แต่เข้าไปฆ่าชาวปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเหยื่อของความเหี้ยมโหด
กองทัพอิสราเอลฆ่าชาวปาเลสไตน์ตายทุกวันหลายสิบคนและมีทั้งบาดเจ็บพิการ ด้วยส่วนใหญ่ทหารอิสราเอลมักจะยิงทิ้งแม้ชาวบ้านธรรมดาที่เดินตามถนนหรือตามชายหาด
เหยื่อการสังหารของอิสราเอลมีเด็กกว่า 15,000 ราย ผู้หญิงกว่า 10,000 รายโดยยอดรวมมี 33,000 กว่าราย ผู้บาดเจ็บกว่า 75,000 ราย ยังไม่รับผู้สูญหาย
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศแผนที่จะส่งทหารเข้าไปในพื้นที่ราฟาห์ โดยอ้างว่าเพื่อกวาดล้างกองพันต่างๆ ของนักรบฮามาส ซึ่งจะเป็นการสังหารโหดรอบใหม่
เนทันยาฮู อ้างว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะชนะเด็ดขาดด้วยการกวาดล้างกองกำลังทั้งหมดของกลุ่มติดอาวุธ แต่โดยเหตุผลแท้จริงผู้นำรัฐบาลอิสราเอลต้องการทำสงครามยืดเยื้อเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
สัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวอิสราเอลได้ชุมนุมเดินขบวนประท้วงขับไล่เนทันยาฮู ให้ออกจากตำแหน่งเพราะดำเนินนโยบายผิดพลาดเกี่ยวกับฉนวนกาซาเพราะมีชาวยิวถูกจับตัวประกันยังไม่ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด
แน่นอนเนทันยาฮู ไม่ต้องการออกจากตำแหน่งเพราะมีคดีอาญารออยู่ ถ้าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโอกาสติดคุกในคดีทุจริตคอร์รัปชันมีอยู่มาก ดังนั้นจึงดิ้นรนสุดขีด
รัฐบาลอิสราเอลจึงไม่ใส่ใจต่อคำประณามของประชาคมโลกว่าได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์และก่ออาชญากรรมสงคราม
มติของคณะมนตรีความมั่นคงสัปดาห์ที่ผ่านมาให้อิสราเอลหยุดยิงทันทีในฉนวนกาซาและให้กลุ่มผู้จับตัวประกันปลดปล่อยพวกที่ตกค้างอยู่
ศาลโลกได้ออกคำสั่งอีกครั้งให้อิสราเอลหยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และเปิดทางให้องค์กรด้านมนุษยชนต่างๆ ส่งอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นให้ชาวปาเลสไตน์ที่อดอยากหลายแสนคน
แต่คำสั่งทั้งคณะมนตรีความมั่นคงและศาลโลกถูกเมินเฉยโดยผู้นำรัฐบาลอิสราเอลและผู้นำกองทัพ โดยที่รัฐมนตรีกลาโหม นายโยอัฟ กัลลันต์ ประกาศว่าจะขยายปฏิบัติการเข้าไปในเลบานอนและซีเรีย
ทั้งยังกำชับอีกว่าพื้นที่ปฏิบัติการอาจจะไปไกลกว่านั้นซึ่งอาจจะหมายถึงเยเมนหรืออิหร่านเพื่อดึงให้สหรัฐฯ เข้ามาร่วมทำสงครามด้วย
สหรัฐฯ เริ่มรู้ตัวดีว่าเป็นผู้สมคบคิดและให้ความช่วยเหลืออิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ดังนั้นจึงงดออกเสียงในการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงครั้งที่ผ่านมา
อิสราเอลกลายเป็นเป้าหมายของการประณามของประชาคมโลกเพราะความเหี้ยมโหด สังหารทั้งเด็กและสตรีโดยไม่เลือกเป้าหมายในการทิ้งระเบิด
อิสราเอลเป็นกองทัพเดียวที่มุ่งทำลายโรงพยาบาล ค่ายผู้ลี้ภัย หน่วยงานองค์กรกาชาด และที่พักสื่อมวลชน ซึ่งทหารอิสราเอลไม่ต้องการให้เปิดโปงความโหดในการปฏิบัติต่อชาวบ้าน
ไม่มีใครหยุดยั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปาเลสไตน์โดยกองทัพอิสราเอลได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลโลก หรือองค์การสหประชาชาติ เพราะสหรัฐอเมริกาหนุนหลังด้วยการส่งอาวุธให้ต่อเนื่อง
ล่าสุดสื่อสหรัฐฯ ได้เปิดโปงว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้จัดส่งระเบิดขนาด 2,000 ปอนด์กว่า 3,000 ลูกและเครื่องบินเอฟ 35 เอให้กองทัพอิสราเอลพร้อมกระสุนและอุปกรณ์เพื่อปฏิบัติการในกาซา
สหรัฐฯ ซึ่งอ้างว่าเป็นชาติที่ส่งเสริมประชาธิปไตยได้กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและสนับสนุนอาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา
คนอเมริกันเชื้อสายยิวรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 40 ปีไม่ได้สนับสนุนให้อิสราเอล แต่ให้ความเห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต ซึ่งโจ ไบเดนต้องการที่จะชนะการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนปีนี้
รอดูว่าการปฏิบัติการในพื้นที่ราฟาห์ และขยายไปในเลบานอนและซีเรียโดยรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลจะมีอะไรตามมา สงครามจะลามไปนอกพื้นที่ฉนวนกาซาหรือไม่
รัฐบาลอิสราเอลจะอยู่รอดจากการต่อต้านของประชาชนได้อีกนานแค่ไหน และผลสุดท้ายนักการเมืองระดับแมว 9 ชีวิตอย่างเนทันยาฮู จะต้องไปชดใช้กรรมในคุกหรือไม่
และคนปาเลสไตน์จะต้องตายอีกเท่าไหร่ กว่าจะถึงวันนั้น และจะมีโอกาสตั้งรัฐปาเลสไตน์หรือไม่ เป็นเรื่องอนาคตยากที่จะเกิดได้