xs
xsm
sm
md
lg

โลกตะวันตกหันไปใช้บริการ“ผู้ก่อการร้าย”???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เหตุกราดยิงงานแสดงคอนเสิร์ต (Crocus City Hall) กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปดู “เหตุการณ์ก่อการร้าย” ณ สถานบันเทิงรัสเซีย “Crocus City Hall Concert” เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.) ที่เห็นว่าบรรดาชาวหมีขาวต้องตกเป็นเหยื่อเซ่นสังเวยไปถึง 137 รายบาดเจ็บอีกนับร้อยกลายเป็นข่าวคราวอึกทึกครึกโครมระดับโจษจันไปทั่วทั้งโลก อีกทั้งยังอาจเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจอยู่ตามสมควร โดยเฉพาะในช่วงระหว่างที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่แล้วเสร็จ แถมทำท่าว่าอาจ “ยกระดับ” ถึงขั้นกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-NATO ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

คืออันที่จริงการ “ก่อการร้าย” ในประเทศรัสเซียนั้น...คงไม่ถึงกับเป็นเรื่องแปลก หรือไม่ถึงกับน่าประหลาดใจอะไรมากมาย เพราะตั้งแต่ช่วง 20 กว่าปีที่แล้ว หรือช่วงปีค.ศ. 2002 ก็เคยถูกพวกมุสลิม “Chechen” หรือพวกมุสลิมหัวรุนแรงแห่งแคว้น “Chechnya” บุกเข้าจับชาวรัสเซียในสถานบันเทิงเป็นตัวประกันถึง 900 ราย เรียกร้องให้ถอนทหารไปจากดินแดนแห่งนั้นก่อนเกิดการปะทะชนิดผู้คนล้มตายพอๆ กับคราวนี้ คือประมาณ 130 ราย ปี ค.ศ. 2004 ก็เจอผู้ก่อการร้ายกลุ่มเดิมบุกยึดโรงเรียน “Beslan” ฆ่าชาวหมีขาวไปถึง 334 ราย เป็นเด็กผู้ไม่รู้ประสีประสาจำนวนถึง 186 ราย หรือเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เดือนกันยายน ค.ศ. 2022 ก็ถูกพวก “ISKP” (The Islamic State in Khorasan Province) หรือพวกเดียวกับที่บุก “Crocus City Hall” นี่แหละ ใช้ “ระเบิดพลีชีพ” เล่นงานสถานทูตรัสเซียในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ในฐานะที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับ “รัฐบาล Taliban” ที่แม้จัดเป็น “มุสลิมหัวรุนแรง” เช่นเดียวกัน แต่พวกผู้ก่อการร้ายอย่าง “ISKP” ออกจะเหม็นหน้าอย่างเป็นพิเศษ ถึงขั้นเคยบุกโจมตีสนามบินกรุงคาบูลปี ค.ศ. 2021 ฆ่าพลเรือนตายไป 175 ราย หรือบุกฆ่าผู้หญิงและเด็กทารก 24 รายในโรงพยาบาลเด็กกรุงคาบูล เมื่อปี ค.ศ. 2020 ฯลฯ เป็นต้น...

ส่วนถ้าจะว่าถึงต้นสายปลายเหตุอันเป็นตัวก่อให้เกิด “แรงจูงใจ” ของบรรดาพวกมุสลิมหัวรุนแรงทั้งหลายในการก่อการร้ายต่อประเทศรัสเซีย...ก็น่าจะมีอยู่ด้วยกันเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ครั้งที่เคยบุกประเทศอิสลามอย่างอัฟกานิสถานการเล่นงานพวกมุสลิมหัวรุนแรงใน “Chechnya” การให้ความสนับสนุนรัฐบาลซีเรียขจัดกวาดล้างพวกผู้ก่อการร้าย “ISIS” จนหมอบกระแต ม่อยกระรอก ชนิดแทบโงหัวไม่ขึ้นจนตราบเท่าทุกวันนี้ ไปจนการมีส่วนปราบปรามพวกมุสลิมหัวรุนแรงในแอฟริกาโดยบรรดาพวกนักรบรับจ้าง “Wagner group” หรือแม้แต่ความสนิทสนมกลมเกลียวกับรัฐบาลอัฟกานิสถานที่พวก “ISKP” ไม่ค่อยชอบขี้หน้า ดังที่กล่าวไปแล้ว...ฯลฯ ฯลฯ...

แต่เผอิญการก่อการร้ายในรัสเซียคราวนี้...มันดันมาอยู่ในช่วงที่กองทัพหมีขาวเขากำลังไล่ทุบ ไล่บี้ “ตัวตลก-ตัวแทน” ของโลกตะวันตกอย่างกองทัพยูเครน จนใกล้ๆ จะ “ปิดฉาก-ปิดกล่อง” เต็มที หรือกำลังตกอยู่ในสภาพ “3 ไม่มี” คือ 1. ไม่มีเงิน เพราะงบช่วยเหลือ 6 หมื่นล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ ยังคงไม่ผ่านสภาฯ 2. ไม่มีบุคลากรหรือไม่มีทหารชนิดต้องวิ่งไล่จับมาเกณฑ์กันกลางถนน 3. ไม่มีอาวุธหรือถึงขั้นกระสุนหมด ต้องหันไปเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนอันได้แก่บรรดาประเทศตะวันตกทั้งหลายไปหาซื้อจากประเทศที่ 3 มาส่งมอบให้กันแทนที่...

แต่ก็อย่างที่ผู้รู้-ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง-การทหารนักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบัน “Center for Security Policy” อย่าง “นายStephen Bryen” เขาได้ร่ายเรียงความคิด-ความเห็นไว้ในข้อเขียนบทความชิ้นล่าสุดว่าด้วยเรื่อง “Europe dangerously deluded on Ukraine’s lost war” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดในชื่อว่า “ยุโรปกำลังพยายามหลอกตัวเองอย่างน่ากลัวอันตราย-ไม่ยอมรับว่ายูเครนคือสงครามที่ฝ่ายตนพ่ายแพ้แล้ว” ความพยายามงัดทุกสิ่งทุกอย่างมาเล่นงานรัสเซียในแบบ “แพ้...ไม่ได้!!!” เลยเป็นอะไรที่ออกจะน่าเกลียด น่ากลัว ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะการคิดส่งอาวุธร้ายๆ ให้กับยูเครน คิดส่งทหารอาชีพเข้าไปรบกับรัสเซียในดินแดนแห่งนี้ แต่ยังส่งผลให้ปฏิบัติการทางทหารของยูเครนเองช่วงหลังๆ นี้ ยิ่งหนักไปทาง “ก่อการร้าย” ยิ่งเข้าไปทุกที ประเภทหันมาโจมตีพลเรือนหันมาโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ ฯลฯ อะไรไปโน่น...

การพร่าผลาญสังหารพลเรือนชาวรัสเซียถึง 130-140 ศพคราวนี้...มันเลยก่อให้เกิดความรู้สึก “ตะหงิดๆ” ขึ้นมาในหมู่ชาวรัสเซียตั้งแต่ปุถุชนคนธรรมดาไปถึงระดับผู้นำประเทศ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แม้ว่าผู้ที่ออกมาประกาศความรับผิดชอบในการก่อการดังกล่าวแบบฉับพลัน-ทันที คือผู้ก่อการร้าย “ISKP” แต่การที่ผู้นำโลกตะวันตกอย่างคุณพ่ออเมริกาที่ค่อนข้างใกล้ชิด สนิทสนมกับบรรดา “ผู้ก่อการร้าย” หลายกลุ่ม หลายเหล่ามาโดยตลอด เคยอาศัย “เงื่อนไข-เหตุปัจจัย” จากการก่อการร้ายเป็น “ข้ออ้าง” ในการบุกพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าอัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ซีเรีย ฯลฯ ไปจนพยายามแผ่อำนาจเข้ามาในเอเชียกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อไล่ล่าผู้ก่อการร้าย ชนิดใครไม่ให้ความร่วมมือต้องถือเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” กับอเมริกาเอาเลยถึงขั้นนั้น แม้จะเคยส่งเสียงเตือนชาวอเมริกันในรัสเซียให้ระวังเหตุการณ์ร้ายๆประมาณสองสัปดาห์ก่อนหน้านั้นแบบ “คลุมๆ เครือๆ” แต่ก็พร้อมที่จะออกมารับประกัน การันตี ว่าการก่อการร้ายคราวนี้ เป็นฝีมือของพวก “ISKP” อยู่แล้วแน่ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับอันตัวข้าพเจ้าเอง หรือเกี่ยวกับ “ตัวตลก-ตัวแทน” ของข้าพเจ้าอย่างรัฐบาลยูเครนเอาเลยแม้แต่น้อย...

อย่างไรก็ตาม...คำยืนยัน นั่งยัน นอนยันเหล่านี้ ก็ไม่สามารถให้คำตอบ คำอธิบายในรายละเอียด จนก่อให้เกิด “คำถาม” ตัวโตๆ อีกเยอะแยะมากมาย เช่น เหตุใดพวกผู้ก่อการร้ายถึงได้พยายามหลบหนี “ข้ามเขตแดน” ไปยังประเทศยูเครน หรือถูกจับกุมขณะอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครน-รัสเซียแค่ 100 กิโลเมตร??? อันสะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมการ การประสานงานกับใครก็ตามที่อยู่ในดินแดนยูเครน หรือทำไมถึงหันไปใช้วิธี “กราดยิง” ต่อบรรดาพลเรือนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แถมยังยอมสารภาพว่าได้รับ “ค่าจ้าง” มาจากบุคคลที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร??? แต่เป็นผู้จัดหาอาวุธมาให้ประมาณ 500,000 รูเบิล หรือ 5,400 ดอลลาร์ เพื่อให้ “ฆ่าใครก็ได้” ที่อยู่ ณ สถานที่ซึ่งถูกกำหนดไว้ แทนที่จะใช้ “ระเบิดพลีชีพ” แบบครั้งเดิมๆ อันไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเสียสละตาม “อุดมการณ์” ของพวกมุสลิมหัวรุนแรงเอาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหันไปเห็นแก่ “เงิน” กันแทนที่??? และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยทำให้ผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านอดไม่ได้ต้องออกมาเข่นเขี้ยวคำรามว่า... “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์คราวนี้ จะต้องถูกลงโทษไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”!!!

อันนี้นี่แหละ...ที่เล่นเอาใครต่อใครต่างขนหัวลุก ขนคอตั้งกันไปมิใช่น้อย ยิ่งเมื่อโฆษกเครมลินอย่าง “นายDmitry Peskov” ได้ออกมาแถลงข่าว ถึงสิ่งที่เคยเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” (The Special military operation) ของรัสเซียต่อยูเครน กำลังกลายเป็น “สงครามที่แท้จริง” (was in fact now a war) ก็ยิ่งก่อให้เกิดการตีความ แปลความแบบน่าขนพองสยองขวัญยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะถ้าหาก “ผลการสอบสวน” บรรดาผู้ต้องหาประมาณ 11-13 คนที่ถูกทางการรัสเซียจับกุมได้เกิดเกี่ยวข้อง โยงใยไปถึง “ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง” แบบเดียวกับผู้ที่ก่อวินาศกรรมท่อส่งแก๊สรัสเซีย (Nord stream) ที่แม้ยังหาหลักฐานมัดตัวไม่ได้ถนัดๆ แต่ก็พอรู้ว่าย่อมหมายถึง “ผู้ที่คุณก็รู้ว่า...เป็นใคร?” อะไรทำนองนั้น โอกาสที่ “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” จะลุกพรึ่บบ์บ์บ์ขึ้นมาในตอนไหน? เมื่อไหร่? และอย่างไร??? คงต้องไปนอนฝันร้าย หรือไปจินตนาการกันเอาเอง...

อย่างไรก็ตาม...อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วว่า ภารกิจหลักๆ ในช่วง 6 ปีนับจากนี้ ของผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” นั้น เอาไป-เอามาแล้ว...คงไม่ได้ต่างจากผู้นำตลอดชีพแห่งประเทศจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” มากมายสักเท่าไหร่ นั่นก็คือภารกิจในการ “เปลี่ยนโลก” การผลักดันให้เกิด “เสียงส่วนใหญ่” ของโลกอันจะทำให้สิ่งที่เรียกว่า “โลกหลายขั้วอำนาจ” อุบัติขึ้นมาได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง ไม่ใช่แค่การบุกยูเครน บุกยุโรป หรือบุกที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ หรือดังที่เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน “นายAnatoly Antonov” ท่านได้ยืนยันกับสำนักข่าว “TASS” ไว้อย่างชัดเจนนั่นแหละว่า...การโจมตีของผู้ก่อการร้าย หรือ “สงครามลูกผสม” (Hybrid warfare) ของโลกตะวันตก จะไม่ทำให้รัสเซียต้อง “เปลี่ยนนโยบาย” หรือ “ผมขอพูดว่า...จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ในด้านต่างประเทศของท่านประธานาธิบดี แม้ต้องเจอกับการลอบกัดลับหลัง แต่เราก็ยังคงต้องเดินหน้าไปตามเข็มมุ่งและแนวทางเดิมๆ...”

แต่ก็นั่นแหละ...ผู้ที่อาจต้อง “เสียวสันหลัง” อยู่มั่ง!!! ก็อาจได้แก่ผู้ที่ประธานาธิบดีผู้นี้เคยให้คำมั่น-สัญญาไว้กับอดีตผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายNaftali Bennett” ว่ายังไงๆ...ก็คงไม่คิด “ลอบสังหาร” ผู้นำยูเครนอย่าง “นายVolodymyr Zelensky” โดยเด็ดขาด แต่ถ้าหากดันถูก “ลอบกัด” ขึ้นมาหนักๆ อันนี้...ชักไม่แน่ใจ!!! เผลอๆ อาจต้องเกิดรายการ “ยกเลิกสัญญา” ขึ้นมาเมื่อไหร่? หรือไม่? อย่างไร? ก็มิอาจคาดคะเนได้...


กำลังโหลดความคิดเห็น