“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” นี่คือพุทธพจน์ที่สอนให้คนระวังก่อนจะพูด หรือทำอันใดแก่คนอื่น ว่าสักวันหนึ่งสิ่งนั้นจะย้อนกลับมาหาผู้พูดหรือกระทำ เข้าทำนองถ่มน้ำลายรดฟ้าตกกลับมาถูกหน้าตนเอง
ส่วนคำกล่าวที่ว่า เอาหอกเจ๊กแทงเจ๊กหมายความว่า เราทำร้ายเขาด้วยวิธีใด เขาก็ทำร้ายเราด้วยวิธีเดียวกัน หรือที่ชาวพุทธผู้เชื่อในกฎแห่งกรรมเห็นใครสักคนทำร้ายคนอื่น และต่อมาเขาผู้นั้นถูกทำร้ายในลักษณะเดียวกันแล้วพูดว่า “กรรมสนองกรรม”
พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ และสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจตนเอง แต่ไม่เข้าใจคนอื่นคือ รู้ว่าตนเองต้องการอะไร แต่ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนเองต้องการนั้นคนอื่นเขาไม่ต้องการ จึงทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด จึงทำให้หาแนวร่วมทางการเมืองไม่ได้หรือได้น้อย จึงทำให้พลาดโอกาสในการเป็นรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 151 เสียง
อะไรทำให้พรรคก้าวไกลชนะเหนือพรรคการเมืองคู่แข่ง โดยเฉพาะพรรคของกลุ่มอำนาจเก่าที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำกลุ่ม และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปกลยุทธ์แบบเดิมจะยังใช้ได้ไหม?
เพื่อให้ท่านผู้อ่านมองเห็นประเด็นแห่งปัญหา ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองย้อนไปดูสภาพแวดล้อมทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ก็จะพบว่าในครั้งนั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับฝ่ายค้านซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ทั้งสองฝ่ายได้นำเอานโยบายประชานิยมรูปแบบต่างๆ มาสู้กัน
แต่ทางพรรคก้าวไกลนอกจากได้นำเอานโยบายประชานิยมสุดโต่งเช่น เบี้ยยังชีพคนชรา 3,000 บาท เป็นต้น แล้วยังชูนโยบายทางด้านการปกครองสุดโต่งซึ่งหมิ่นเหม่ต่อความมั่นคงได้แก่ การปฏิรูปกองทัพ และปฏิรูปสถาบัน โดยเสนอแก้มาตรา 112 และผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่าพรรคก้าวไกลได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงทำให้พรรคนี้เหิมเกริม เหลิงและหลงในชัยชนะได้เสนอร่างแก้มาตรา 112 จนเป็นเหตุให้มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และถูกศาลวินิจฉัยว่า เข้าข่ายล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีผู้ร้อง กกต.ให้ยุบพรรคซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้
ส่วนประเด็นว่าอะไรทำให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งนั้น อนุมานได้ว่าเกิดจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ประชาชนส่วนหนึ่งเบื่อการเมืองแบบเก่า และต้องการลองของใหม่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าของใหม่ดีกว่าของเก่าหรือไม่ มากน้อยแค่ไหนและในด้านใด
2. คาดหวังว่าจะได้สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอเป็นนโยบายเช่น ค่าเบี้ยยังชีพ 3,000 บาท เป็นต้น
3. พรรคก้าวไกลใช้กลยุทธ์ในการหาเสียงโดยอาศัยโซเชียลมีเดีย ทำให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายและทั่วถึง จึงได้รับความนิยมจากคนกลุ่มนี้มากกว่าพรรคอื่นที่เน้นการหาเสียงแบบเก่า โดยการเข้าถึงคนโดยตรงเช่น ไปช่วยงานบวช งานตาย และงานแต่ง เป็นต้น
สำหรับประเด็นที่ว่า กลยุทธ์ที่พรรคก้าวไกลใช้ในข้อ 3 จะยังใช้ได้ผลอยู่หรือไม่นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าท่านผู้อ่านติดตามข่าวสารทางโซเชียลมีเดีย ก็จะพบว่าทุกวันนี้ฝ่ายอนุรักษนิยมได้ตื่นตัว และหันมาใช้โซเชียลมีเดียตอบโต้พรรคก้าวไกลมากขึ้น และเท่าที่ผู้เขียนได้ติดตามดูก็พบว่า ในการทำเนื้อหาตอบโต้พรรคก้าวไกลฝ่ายอนุรักษ์ทำได้ดี และมีเหตุผลหักล้างพรรคก้าวไกลได้ค่อนข้างชัดเจนในทุกประเด็นที่พรรคก้าวไกลยกขึ้นมาโจมตี
ดังนั้น สถานการณ์ยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปจนถึงวันเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลหรือพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นในกรณีพรรคก้าวไกลถูกยุบ เชื่อได้ว่าจะต้องเจอกลยุทธ์หอกเจ๊กแทงเจ๊กแน่นอน และถ้าเปรียบพรรคก้าวไกลวันนี้กับฝ่ายอนุรักษนิยมที่ตื่นตัว และตั้งหลักได้แล้ว พรรคก้าวไกลเสียเปรียบเหมือนมวยรุ่นเล็กต่อยกับมวยรุ่นใหญ่ เพราะทั้งความรู้และประสบการณ์เทียบกันไม่ได้ พรรคก้าวไกลจะได้เปรียบก็แค่พละกำลังและความตั้งใจดี แต่วิธีการสู้กันไม่ได้แน่นอน
ด้วยเหตุนี้ จึงสรุปได้ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคก้าวไกลหรือพรรคใหม่แต่คนเดิมหืดขึ้นคอแน่นอน
ข้อคิดที่ควรจำ “เจตนาดี วิธีการไม่ดี สู้เจตนาไม่ดี แต่วิธีการดีไม่ได้” ดังนั้น ถ้ามีทั้งเจตนาดีและวิธีการดีคือคู่ต่อสู้น่ากลัวที่สุด