โอกาสที่จะเกิดสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยิ่งห่างไกล แต่ละวันกองทัพอิสราเอลยังคงสังหารชาวปาเลสไตน์โดยไม่เลือก เหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง
อิสราเอลถูกกล่าวหาว่ากองทัพได้ทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและพยายามยึดพื้นที่ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน เพื่อให้ชาวยิวจากประเทศอื่นมาตั้งรกรากถาวร ตามระบบไซออนิสต์
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กระทำโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม ความพยายามในการเจรจาหยุดยิงไม่สำเร็จ เพราะเข้าทางอิสราเอลที่ต้องการสังหารชาวปาเลสไตน์ต่อไป
ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์เกินกว่า 32,000 รายและผู้บาดเจ็บเกินกว่า 74,000 รายไม่นับผู้สูญหายภายใต้ซากอาคารต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของการโจมตีทิ้งระเบิดต่อเนื่องโดยกองทัพอากาศอิสราเอล
ชาวปาเลสไตน์ถูกกดดันย่ำยีสังหารมาตั้งแต่ปี 2491 นับตั้งแต่ชาวยิวอพยพมาอยู่ในดินแดนปัจจุบัน โดยการจัดการของชาติมหาอำนาจเช่นสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ
อิสราเอลปัจจุบันมีประชากรเกือบ 10 ล้านคน และประมาณ 2 ล้านคนเป็นเชื้อสายอาหรับ แต่อิทธิพลที่แท้จริงอยู่ที่ชาวยิว ในสหรัฐอเมริกาซึ่งกุมอำนาจการเมืองผ่านรัฐสภา เศรษฐกิจและองค์กรสื่อขนาดใหญ่
ไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนไหนกล้าประกาศว่าไม่สนับสนุนอิสราเอล นักการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับอิสราเอลมีโอกาสสอบตก ดังนั้นนักการเมืองอเมริกันจึงต้องสนับสนุนอิสราเอลไม่ว่าจะกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างไร
รัฐบาลอิสราเอลปัจจุบันไม่ใส่ใจต่อคำเตือนของประชาคมโลกรวมทั้งศาลโลกเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะเชื่อว่าสหรัฐฯ ถือหางอยู่ และไม่มีทางเปลี่ยนไป
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่กล้าหยุดส่งอาวุธให้กองทัพอิสราเอลเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่ผ่านมาและยังจะส่งให้อีกต่อไป เพราะจะต้องเข้าสู่การเลือกตั้งชิงเก้าอี้ทำเนียบขาววันที่ 5 พฤศจิกายนปีนี้
ความเลวร้ายที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นมหันตภัยของมนุษยชาติเพราะอิสราเอลใช้การปิดกั้นการส่งอาหาร น้ำ พลังงาน และสิ่งของจำเป็นเข้าไปในกาซา ทำให้ชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนเผชิญกับความอดอยากขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็น
มีเด็กเสียชีวิตเพราะการขาดอาหาร ทุกวันแม้จะมีการส่งให้ทางอากาศก็ไม่เพียงพอ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าไม่มีใครกล้าจัดการความอหังการ และความโหดเหี้ยมอำมหิตของผู้นำรัฐบาลและกองทัพอิสราเอล
ล่าสุดอิสราเอลประกาศเข้ายึดพื้นที่กว่า 2,000 เอเคอร์ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนเพื่อให้ชาวยิวจากประเทศอื่นเข้าไปอาศัย ทั้งที่เป็นการผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
แต่รัฐมนตรีสายเหยี่ยวของอิสราเอลไม่สนใจ อ้างว่ามีความจำเป็นด้านยุทธศาสตร์ ที่ผ่านมาได้อพยพชาวยิวเข้าไปในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนกว่า 700,000 ราย
นี่จะเป็นปัญหาต่อเนื่องเพราะถึงอย่างไรพวกอิสราเอลที่ยึดพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และคงจะต้องถูกมาตรการสากลจัดการถ้าสหรัฐฯ เห็นว่าเกินจะปกป้องต่อไป
ความล้มเหลวในการเจรจาหยุดยิงทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 1,000 คนช่วงเทศกาลถือศีลอด โดยอิสราเอลไม่ยอมตกลงให้หยุดยิง 6 สัปดาห์เพราะเกรงว่าชาวปาเลสไตน์จะได้รับความช่วยเหลือ และกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาสจะตั้งหลักได้
ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนั้นไม่กล้าจัดการกับปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะไม่อยากมีสงคราม ดังนั้นชาวปาเลสไตน์ต้องเสียชีวิตเพื่อแลกกับการให้อิสราเอลและสหรัฐฯ เป็นหมาหัวเน่าในสายตาประชาคมโลก
คำอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงเป็นสิ่งเลื่อนลอย ไร้มาตรฐาน แต่ประเด็นสำคัญก็คือการค้าสงครามเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ความต้องการเป็นชาติมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของสหรัฐฯ ทำให้ต้องสนับสนุนอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ต่อไป
คนเชื้อสายยิวรุ่นใหม่ในยุโรปและสหรัฐฯ ต่างสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ให้มีสิทธิตั้งรัฐของตัวเองและไม่ยืนข้างอิสราเอล โดยเฉพาะกลุ่มชาวยิวที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต ซึ่งจะทำให้โจ ไบเดนพ่ายการเลือกตั้งได้
ชาวปาเลสไตน์ถูกกระทำย่ำยีโดยอิสราเอล สภาพฉนวนกาซากลายเป็นคุกเปิดใหญ่ที่สุดในโลกผู้อยู่อาศัยไม่มีสิทธิเดินทางออกไปข้างนอก และผู้อยู่อาศัยในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
จะต้องใช้ชีวิตของคนกี่รุ่นซึ่งจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและความมีอิสรภาพของชาวปาเลสไตน์ โอกาสที่อิสราเอลจะเอาชนะกลุ่มติดอาวุธฮามาส ก็เป็นไปได้ยากเพราะมีตัวตายตัวแทนเสมอ
สภาพที่ว่านี้ผ่านไป 75 ปี ชาวปาเลสไตน์ต้องเสียชีวิตไปหลายรุ่น เด็กไม่มีโอกาสได้โตเพราะถูกสังหารโดยกองทัพอิสราเอล ความยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นเพียงเรื่องการเมืองและผลประโยชน์