ศึกสองบิ๊กสีกากี สงบลงชั่วคราวหลังจากทั้งคู่ถูกหัวหน้ารัฐบาลสั่งให้ไปกำจัดยุงร้ายในทำเนียบฯ แต่รองโจ๊กยังต้องหลบการรับมอบหมายเรียก ไม่ยอมจับยุง
จะว่าหนีการรับหมายเรียกสุดขีดก็ได้ คราวนี้ยกครอบครัวไปลอนดอนโน่น จะกลับมาต้นเดือนหน้า เจ้าหน้าที่ถือหมายเรียกกำลังฝึกวิชาแก้เกมอยู่
กะจับให้มั่นคั้นให้ตายนั่นเลย และรองโจ๊กต้องหาทางไม่ให้โดนสั่งพักราชการ ซึ่งจะทำให้หมดฤทธิ์เดชและอาจมีคดีตามมาอีก
ดังนั้นช่วงนี้จะมีความเคลื่อนไหวฝ่ายการเมืองซึ่งเกี่ยวโยงกับการซักฟอกรัฐบาลโดยวุฒิสมาชิกซึ่งก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เพียงแต่สะกิดเกาให้รำคาญ
สว.ใกล้จะหมดวาระและอยากให้ประชาชนรู้ว่าที่ผ่านมานั้นคุ้มกับเงินค่าภาษีของประชาชนอยู่บ้าง แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีบทบาทในการแสดงความเห็นก็ตาม
รอดูว่า สว.ฝ่ายพลเรือนจะสร้างความบอบช้ำให้รัฐบาลเศรษฐาบ้างหรือไม่ เพราะอย่างไรก็ไม่สนใจ ตัวเองจะอยู่ได้อีกนานหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับเจ้าของพรรค
ย่อมมี สว.หลายคนที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีราคา สามารถรับตำแหน่งอื่นได้อีก เพราะส่วนหนึ่งคุ้นกับการได้รับการแต่งตั้ง
หลายคนแทบจะทำอาชีพอื่นไม่เป็นเพราะเป็น สว.มาหลายปีเพราะการแต่งตั้ง และส่วนหนึ่งพร้อมที่จะเป็นคะแนนเสียงให้กับผู้มีอำนาจ ตอบแทนบุญคุณที่ถูกเลือกมาเป็น สว.
ผลสุดท้ายการเมืองก็ต้องไปอยู่ที่นักเลือกตั้งที่กลุ่มอำนาจรัฐอยู่ และพยายามอยู่ให้นานเพื่อผลประโยชน์ ดังนั้นจึงมีข่าวว่าการเร่งทำมาหากินยังเกิดขึ้น ก่อนผ่านงบประมาณด้วยซ้ำ
และก็มีข่าวว่านักโทษชายเด็ดขาดอยู่ในช่วงพักโทษจะเดินทางเข้าพรรค วันที่ 26 เปิดช่องให้บรรดาผู้แทนรับการเป่ากระหม่อมเป็นสิริมงคล
ผู้ที่อยู่ในคิวเข้าพบย่อมรู้สึกเหมือนพระมาโปรด ต้องแสดงความจงรักภักดีเต็มที่ ส่วนหนึ่งหวังว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่สำคัญบ้าง
นักโทษชายเด็ดขาดไม่สนใจไยดีกับการควบคุมประพฤติเพราะถือว่าที่ผ่านมานั้นได้พิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองอยู่เหนือการแตะต้องใดๆ โดยอำนาจกฎหมาย
การไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว อยู่แต่ในโรงพยาบาลตำรวจแบบกายทิพย์ ก็แสดงให้เห็นว่าทุกองค์กรได้สยบแล้วต่ออิทธิฤทธิ์และอำนาจให้คุณให้โทษได้
นักโทษชายเด็ดขาดต้องอยู่ในกระแสข่าวตลอดเพื่อไม่ให้ชาวบ้านหลงลืมว่าไม่มีอะไรสำคัญ เพราะตัวเองต้องดิ้นรนพิสูจน์ว่ามีคุณค่าต่อการได้ลดโทษ
ภารกิจหลักที่ไม่ประกาศก็คือจะต้องนำพาพรรคเพื่อไทยสู้กับพรรคก้าวไกลซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีโอกาสถูกยุบ แต่ก็จะอยู่สังกัดพรรคใหม่ พิสูจน์ให้เห็นยิ่งยุบยิ่งโต
ยิ่งโพลช่วงนี้แสดงให้เห็นว่า นายกฯ เอ็มโอยูยังได้รับความนิยมโด่งเหนือกว่าทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค แม้แต่ลูกสาวนักโทษชายเด็ดขาดก็ได้ต่ำกว่า 7%
ถือว่าเป็นความหวังเลือนรางที่จะลุ้นตำแหน่งผู้นำประเทศในสภาวะที่เป็นมะม่วงบ่มแก๊ส แม้ผู้เป็นพ่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ก็ตาม
ประเทศนี้มีประชากร 70 ล้านคน จะให้เด็กไร้ประสบการณ์ และผลงานในชีวิต มาเป็นผู้นำประเทศมันเป็นตลกร้ายที่ไม่มีใครหัวเราะ
แต่การเมืองบ้านเราเอาแน่อะไรไม่ได้ ไม่มีหลักการคุณธรรม จริยธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และความไร้ยางอาย เอาแต่ได้มาตลอด
เป็นเหมือนผีเน่ากับโลงผุ ระหว่างผู้เสนอตั๋วให้เลือก และคนกาเบอร์ที่มีคาถาประจำตัวว่า “เงินไม่มากาไม่เป็น” และหลักการที่อุบาทว์ ที่ว่า “นักการเมืองจะโกงบ้างก็ได้ขอให้เราได้ประโยชน์บ้าง”
อนาคตประเทศไม่มีเส้นทางสู่แสงสว่าง เป็นระบบที่คนดีไม่สามารถเข้าสู่อำนาจได้ เพราะต้องใช้เครือข่ายต่างๆ ที่มาทางลัดด้วยการรัฐประหาร สุดท้ายก็เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง
ยุคนี้หลายพรรคการปรับโครงสร้างเอาคนรุ่นใหม่ขึ้นมามีบทบาทในตำแหน่งแกนนำ อ้างว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างคนรุ่นใหม่ มองไปแล้ว บางพวกเป็นคณะทายาทอสูร
พรรคก้าวไกลน่าจะเป็นพรรคที่มีอนาคตดี ได้รับความนิยม ไม่ต้องซื้อเสียง เพราะคนรุ่นใหม่เต็มใจให้คะแนน แต่นโยบายที่ต้องการลดบทบาทและอำนาจสถาบันกษัตริย์ เป็นจุดที่ทำร้ายตัวเอง
ทุกปัญหาย่อมมีทางออก จะเป็นอย่างไร ดีมากหรือเสียหายน้อยก็แล้วแต่ผู้ที่มีบทบาทในการกำหนดเกม เพราะการเมืองบ้านเรามีทั้งหน้าฉากและหลังฉาก
ต้องรอดูต่อไป ไม่มีทางเลือกอื่น บางคนบอกว่าให้ก้าวไกลเข้ามาบริหารดูว่าจะเป็นอย่างไร อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เพราะที่ผ่านมาไม่มีอะไรดีขึ้น เมื่อกระบวนการยุติธรรม ระบบนิติรัฐนิติธรรมเสื่อมแล้ว
หวังรายได้จากนักท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่โครงสร้างการบริหารขึ้นอยู่กับการยอมรับของนักลงทุนว่าพร้อมจะจ่ายให้พวกนักกินเปอร์เซ็นต์หัวคิวหรือไม่