วันนี้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าทักษิณมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีสภาพของคนใกล้ตายที่กรมราชทัณฑ์แถลงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่จะออกจากคุก ซึ่งแท้จริงก็ไม่มีคนเชื่อว่าทักษิณป่วยจริงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถเอาหลักฐานอะไรไปตอบโต้กับข้ออ้างของกรมราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจได้ จนมาเห็นสภาพของทักษิณวันนี้
จริงๆ แล้วก็เห็นอยู่ตั้งแต่ทักษิณลงจากเครื่องบินเมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วแหละว่า มีสุขภาพที่แข็งแรงไม่ได้มีอาการป่วยอะไรให้เห็นตอนอยู่ต่างประเทศก็ออกอากาศผ่านโซเชียลมีเดียมาให้เห็นว่าอยู่สุขสบายดี แถมเดินทางไปไหนมาไหนทั่วโลก แต่เมื่อถูกนำตัวเข้าเรือนจำไม่กี่ชั่วโมงทักษิณกับเต็มไปด้วยสารพัดโรคที่แพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถรักษาได้ ทั้งๆ โรคที่อ้างนั้นเป็นโรคที่ไม่ได้หนักหนาอะไร
แพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์อ้างว่า ทักษิณมีอาการนอนไม่หลับแน่นหน้าอกความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ แล้วก็ถูกส่งตัวไปนอนในห้องรอยัลสูท ห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจเกินสถานะของนักโทษไปมากก็ชักสงสัยเหมือนกันว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์นั้นมีศักยภาพอย่างไรบ้าง และแพทย์ประจำโรงพยาบาลนั้นมีความสามารถสักแค่ไหน
เราเห็นอุ๊งอิ๊ง แพทองธารไปเยี่ยมพ่อในวันแรกเท่านั้น แต่ตอนหลังไม่เคยไปเยี่ยมอีกเลยจนกระทั่งได้พักโทษ ทั้งๆ ที่แพทย์อ้างว่าทักษิณใกล้จะวายวอดแล้ว แม้จะมีสิทธิไปเยี่ยมได้ก็ตาม แค่นี้ก็เป็นข้อสงสัยแล้วว่า ลูกๆ ทำไมไม่ห่วงหรือไปดูใจพ่อที่ใกล้ตายเลยตอนแรกแพทย์ก็อ้างว่าทักษิณจะต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่การผ่าตัดครั้งแรกนั้นเราไม่รู้หรอกว่าผ่าตัดอะไรจึงต้องนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลนานเป็นเดือนเพราะคนทั่วไปผ่าตัดไม่กี่วันเขาก็ให้กลับบ้านแล้ว
จนกระทั่งครบ 2 เดือนก็อ้างผ่าตัดใหม่อีกครั้งโดยแพทองธารลูกสาวบอกว่าผ่าตัดรูที่หัวไหล่ 4 จุดเพราะตอนนั้นถ้าอยู่เลย 2 เดือนจะต้องขอความเห็นจากอธิบดีและจากแพทย์ผู้รักษาการอ้างว่าผ่าตัดดังกล่าว จึงทำให้ทักษิณสามารถนอนอยู่ในโรงพยาบาลได้ต่อ
ทักษิณนอนในโรงพยาบาลจนผ่านมา 120 วัน ต้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการดังนี้คือ ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องและรายงานให้รัฐมนตรีทราบ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้รายงานถึงรัฐมนตรีโดยอ้างว่าได้พิจารณาจากความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาที่พิจารณาแล้วมีความเห็นว่ายังต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ประกอบกับเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความครบถ้วนตามกฎหมายจึงพิจารณาเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2567 ให้นายทักษิณอยู่รักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลตำรวจเนื่องจากยังคงมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้ทำการรักษาเฉพาะทางและหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตจะได้ดำเนินการรักษาอย่างทันท่วงที
พูดง่ายเหตุที่ให้ทักษิณนอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลแม้จะเลย 120 วันมาแล้วก็คือ ทักษิณมีอาการที่ใกล้จะตายแล้วนั่นเอง แล้วสุดท้ายจนครบ 180 วันทักษิณก็เข้าเกณฑ์ได้พักโทษ แล้วก็เป็นไปตามที่คาดกันไว้แล้วว่า ทักษิณจะได้รับการปล่อยตัวเพราะเข้าเงื่อนไขทันที
เป็นไปตามที่ทักษิณประกาศเอาไว้ว่าเขาจะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
ทันทีที่ได้รับการพักโทษ คนที่มีอาการที่แพทย์และกรมราชทัณฑ์ช่วยกันอ้างว่า อาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ไม่ได้ช่วยเซฟแพทย์กับกรมราชทัณฑ์เลย เพราะถ้าจะให้เนียนแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจอาจจะต้องส่งตัวทักษิณไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลพระราม 9 สักระยะหนึ่งเสียก่อน ค่อยกลับบ้าน คนเขาจะได้ไม่จับได้ว่า ป่วยไม่จริง เพราะตอนนี้ทั้งแพทย์และกรมราชทัณฑ์ก็ถูกยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ไว้แล้วว่าเอื้อประโยชน์ให้กับทักษิณ
แต่ผมคิดว่าแพทย์โรงพยาบาลตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่ได้เกรงกลัวต่อ ป.ป.ช.ก็คงคิดว่า ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือของทักษิณ เฉพาะหน้าก็เกรงกลัวต่ออำนาจทักษิณก่อนเพราะมีส่วนให้คุณให้โทษได้ ส่วน ป.ป.ช.ก็คงมั่นใจว่า มีหลักฐานที่จะป้องกันตัวได้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อมีผลตรวจของแพทย์ยืนยันว่าทักษิณป่วยแล้ว ป.ป.ช.จะทำอะไรได้
ทักษิณทำเพียงเข้าเฝือกอ่อนที่แขนและใส่ปลอกคอออกมาจากโรงพยาบาลตำรวจ หลังกลับไปบ้านวันแรกก็ให้อุ๊งอิ๊งโพสต์รูปเย้ยฟ้าท้าทายกฎหมายและสังคมว่า ไม่ได้ป่วยหนักสักปานไหนมีเพียงแต่อาลัยอาวรณ์ที่จากบ้านไปนานเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าทักษิณไม่เกรงใจเลยว่าสังคมจะครหาอย่างไรว่าป่วยลวงโลก และอาจทำให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจอาจจะต้องติดคุกเสียเอง
การได้รับการพักโทษทักษิณมีหน้าที่หนึ่งที่จะต้องทำตามระเบียบก็คือการรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติทุกเดือน ปรากฏว่าครั้งแรก เจ้าหน้าที่อ้างว่า ทักษิณยังมีการเจ็บป่วยจึงไปรับการรายงานตัวของทักษิณที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้าก็ต้องรอดูว่า เดือนต่อๆ ไป เจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติจะไปให้ทักษิณรายงานตัวที่บ้านพักอีกไหมหรือทักษิณจะต้องเดินทางไปรายงานตัวที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร ตอนนี้จะอ้างว่าป่วยก็คงไม่ได้แล้ว เพราะวันนี้เห็นแล้วว่า ทักษิณยังไปเชียงใหม่และเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย
หลังไปเชียงใหม่ โดยที่ต้องขออนุญาตต่อกรมคุมประพฤติ ทักษิณก็สลัดปลอกคอทิ้งหลังจากถอดเฝือกอ่อนที่พยุงแขนไปก่อนแล้ว ภาพที่เห็นภาพที่ปรากฏไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นคนป่วยที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจเคยอ้างเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ป.ป.ช.จะใช้หลักฐานที่ปรากฏนี้เป็นข้อพิจารณาได้ไหมว่า ที่ทั้งแพทย์และกรมราชทัณฑ์อ้างเพื่อให้ทักษิณไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียวนั้นไม่น่าจะเป็นความจริง
แต่กระนั้นผมไม่เชื่อหรอกว่า ป.ป.ช.จะเอาเป็นเอาตายกับเรื่องนี้ ฟันธงไว้ก่อนเลยว่าสุดท้ายก็ไม่มีใครมีความผิด แล้วทุกอย่างก็จะผ่านเลยไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้นั่นจะเห็นได้ชัดว่า เป็นการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลและเอื้อประโยชน์ให้กับทักษิณก็ตาม
จะบอกว่าก่อนนี้ป่วยแต่ตอนนี้หายแล้วอย่างที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุขบอกว่า “ทุกคนก็มีสิทธิที่จะหายในการที่จะรักษาและการจะตัดสินว่าหนักหรือไม่หนักก็ต้องตัดสินขณะใดขณะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะป่วยตลอดปีตลอดชาติและไม่มีสิทธิไปไหน” คำพูดนี้อาจจะไม่ผิดหรอกว่า คนป่วยไข้มันหายกันได้ แต่ทักษิณนี่อ้างว่าป่วยเพื่อไม่ต้องนอนคุก แต่หายทันทีที่ได้พักโทษนี่มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ หรือคิดว่าคนอื่นเขากินหญ้าไม่ได้กินข้าวแบบหมอชลน่าน
ถึงตอนนี้ทุกคนในสังคมไทยและโลกต่างเชื่อกันแล้วแหละว่าทักษิณป่วยไม่จริงและข้ออ้างที่ว่าป่วยปางตายนั้นใช้เป็นข้ออ้างที่ไม่ต้องติดคุกเท่านั้นเอง แต่ถามว่าแล้วใครจะทำอะไรทักษิณได้สะท้อนว่านี่คือความเป็นอภิสิทธิชนของทักษิณ ให้มันรู้เสียบ้างว่าวันนี้อำนาจอยู่ในมือของใคร
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan