ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนไม่มีข่าวการเมืองใดน่าสนใจ และควรค่าแก่การติดตามมากไปกว่าข่าวการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่บรรดานักวิเคราะห์และหมอดูได้ออกมาคาดการณ์ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยที่บางคนเช่นนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น ได้ยืนยันค่อนข้างหนักแน่นว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 เมษายน และหมอดูบางคนบอกว่า การเปลี่ยนแปลงจะกระทบถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ด้วย จึงทำให้บรรดาผู้สนใจการเมืองทั้งหลาย รวมถึงผู้เขียนด้วยอยากรู้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นคาดการณ์โดยอาศัยเหตุปัจจัยอันใดจึงทำให้มั่นใจว่าการเมืองไทยจะเป็นไปอย่างนั้น
ดังนั้น ผู้เขียนในฐานะคนในวงการสื่อ และในฐานะโหรสมัครเล่นจึงได้นำสิ่งที่ได้ฟังและได้อ่านมาทบทวนเพื่อหามูลเหตุจูงใจที่ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ และหมอดูคาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และได้พบว่า น่าจะอาศัยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การกลับมาของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้กระทำผิดกฎหมายอาญาในข้อหาทุจริต คอร์รัปชัน และถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถูกศาลพิพากษาจำคุกหลายคดีรวมกัน 8 ปีแต่ได้กราบบังคมทูลขออภัยโทษ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมนอนในคุกแม้แต่วันเดียว แต่ได้นอนในโรงพยาบาลในฐานะคนป่วยแทน ทั้งในที่สุดได้พักโทษกลับไปอยู่บ้าน ด้วยเหตุที่เป็นเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ เชื่อว่าเป็นผลของการดีลลับที่มีเงื่อนไขโยงใยกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงนี้
2. เศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในสังกัดพรรคเพื่อไทย ด้วยการอาศัยเสียงสนับสนุนจาก สว.ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และครั้นได้เป็นแล้วก็มิได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะผลงานตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ และสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งมาจากไม่มีงบลงทุนให้ดำเนินการ
ดังนั้น เศรษฐา ทวีสิน จึงเปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีคั่นเวลา อันเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า เป็นผลของการดีลลับซึ่งมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงนี้
ส่วนเหตุปัจจัยที่บรรดาหมอดูคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เท่าที่ได้ตรวจดูปฏิทินโหรน่าจะเกิดจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. จากวันที่ 15 มีนาคม-23 เมษายน 2567 ดาวอังคารร่วมเสาร์ทำมุมโยค ดาวอาทิตย์และลัคนาดวงเมืองทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วมบางพรรค และนำไปสู่การปรับ ครม.หรือเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล
2. จาก 3 มีนาคม-3 พฤษภาคม 2567 ดาวพุธร่วมราหูโคจรทับพุธ และราหูเดิมในเรือนวินาศทำให้เกิดการบิดพลิ้วข้อตกลง และส่งผลกระทบดวงชะตาอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ต้องรับวิบากกรรม
ส่วนประเด็นที่ว่า ถ้านายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาล และใครจะมาเป็นนายกฯ คนต่อไปนั้น ถ้าดูจากปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองประกอบกับการคาดการณ์ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ว่าไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทย และเป็นคนในรัฐบาลชุดนี้ ทั้งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 เมษายน ถ้าอนุมานตามนี้ก็มีอยู่ 3 คนคือ
1. อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 3
2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 4
3. พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 5
ใน 3 คนนี้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก่อนวันที่ 11 พฤษภาคม จะมีอยู่เพียง 2 คนคือ อันดับ 2 และ 3 เนื่องจากมีเสียง สว.หนุนและถ้าให้เลือก 1 ใน 2 ก็ต้องให้อันดับ 3 เนื่องจากมีเสียง สว.สายบิ๊กตู่หนุนอยู่
แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็น ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมก็จะเป็นปัญหาให้รัฐบาลต้องรับภาระหนักในการแก้ไข และคนไทยก็เป็นทุกข์อยู่นั่นเอง