"โสภณ องค์การณ์"
อะไรที่คนรุ่นนี้คิดว่าจะไม่ได้เห็นก็ได้เห็นช่วงสองสามวันที่ผ่านมา อาจจะเป็นแหล่งเดียวในโลก ที่ความเป็นชาติและคุณค่าด้านกระบวนการยุติธรรมถูกทดสอบอย่างรุนแรง
เท่าที่เห็นเป็นการสอบไม่ผ่าน เริ่มต้นนับตั้งแต่นักโทษชายเด็ดขาดในคดีทุจริตเดินทางกลับประเทศไทย จากนั้นมีขบวนการดรามา ประกอบด้วยทุรชนหลากหลายอาชีพในตำแหน่งสำคัญทั้งภาครัฐบาลและการเมืองได้ร่วมมือกันจัดฉากละครแหกตาประชาชน และเป็นการย่ำยีความน่าเชื่อถือของระบบนิติรัฐ นิติธรรม กระบวนการยุติธรรม คุณค่าของความเชื่อด้านความรู้สึกผิดชอบชั่วดี คุณธรรม ศีลธรรม และความรู้สึกอายต่อการกระทำความผิด ความชั่ว
การกล้าทำความชั่วโดยไม่ใส่ใจต่อกฎหมาย ทำอย่างเปิดเผย โดยข้าราชการในคราบของทุรชน ร่วมมือกันอำนวยความสะดวกให้นักโทษชายเด็ดขาดโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
ช่วงเวลาหกเดือนของกลุ่มทุรชนที่ร่วมมือกันจัดฉากแหกตาประชาชนอย่างไร้ยางอายและจิตสำนึก ได้ทำให้ประชาชนสรุปได้ว่าไม่มีอะไรเหลือเป็นที่พึ่งแล้ว
รัฐบาลที่มีอยู่ไม่ต่างจากกลุ่มที่ประกอบด้วย ทุรชนนอกกฎหมายสร้างเครือข่ายเพื่อให้เห็นว่านักโทษชายเด็ดขาดสามารถอยู่เหนืออำนาจรัฐและกลไกทุกอย่างของประเทศ
ประชาชนได้แต่ทำตาปริบๆ พร้อมกับถามตัวเองว่าประเทศนี้ยังจะมีอนาคตอะไรเหลืออีกหรือด้านความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม คุณค่าทางศีลธรรมจรรยา คนไทยจะประสานสายตา กับคนในประเทศอื่นๆ ที่ยังยังคงมีระบบนิติรัฐ นิติธรรมเป็นที่พึ่งพาได้ อีกหรือ
การย่ำยีระบบคุณธรรมของประเทศไทยยิ่งซ้ำร้ายเมื่อนักโทษชายเด็ดขาดได้รับการพักโทษไปอยู่ที่บ้านพร้อมละครฉากใหม่ และถูกปฏิบัติเยี่ยงวีรบุรุษ
ยังดีที่ละครที่แหกตาประชาชน คนมีสติปัญญาไม่เคยเชื่อว่านักโทษชายเด็ดขาดมีอาการป่วยหนักจริงช่วงที่ถูกอ้างว่าได้รับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ อาจจะมีพวกไร้เดียงสา พวกบ้องตื้น มองโลกสวยซึ่งเชื่อว่านักโทษชายเด็ดขาดได้ป่วยจริง ยิ่งได้ฟังคำรับรองจากนักกฎหมายระดับอัยการด้วยแล้วก็ทำให้ละครแทบได้รับความเชื่อ
เมื่อวันที่นักโทษชายเด็ดขาดออกจากบ้านไปสักการะสมเด็จพระสังฆราช ตามมาด้วยการไปสักการะศาลหลักเมืองและเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ละครที่เคยแหกตาชาวบ้านได้บางกลุ่ม ก็ถูกเปิดโป่ง
ยิ่งฉากของการเดินทางได้รับการต้อนรับจากข้าราชการระดับผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐมนตรี และกลุ่มอื่นๆ มีกิจกรรมให้นักโทษชายเด็ดขาดและแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของร่างกายก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านมองว่าผู้สร้างละครกล้าหาญอย่างยิ่ง
คนบางกลุ่มอาจจะเอามือคลำศีรษะตัวเองว่ามีเขางอกออกมาหรือไม่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่เชื่อว่าประชาชนทั้งแผ่นดินโง่เขลาเบาปัญญา ไร้ความคิด
สิ่งที่ตามมาก็คือหัวหน้ารัฐบาลซึ่งถูกมองว่าเป็นหุ่นเชิดมาโดยตลอดก็จะเริ่มอยู่ในสภาพที่ไร้ความหมายและไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีอำนาจแท้จริง
จากนี้ไปเราจะได้เห็นรัฐบาลเป็ดง่อยไร้อำนาจ คนจะแห่ไปสยบเคารพนบนอบต่อนักโทษชายเด็ดขาดเพราะได้รับการรับรองความสำคัญโดยหน่วยงานของรัฐว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือรัฐอย่างแท้จริง
ประเทศไทยจะมีใครกล้ามาลงทุนเมื่อไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้มีอำนาจทางกฎหมาย นอกกฎหมาย และเหนือกฎหมาย
ใครจะกล้ารับรองว่ากระบวนการยุติธรรมจะได้รับความ น่าเชื่อถือ ใครจะกล้าขนเงินมามากมายเพื่อลงทุนโดยไม่มีแน่นอนว่าอำนาจจะเปลี่ยนมือเมื่อไหร่
ประเทศไทยจึงดูวังเวง มีอำนาจซ้อนอำนาจ และไม่รู้ว่าซ้อนกันกี่ชั้น เพราะแต่ละชั้นมีคนซึ่งมีอำนาจต่างระดับกันแต่เป็นเครือข่ายเดียวกัน
จากนี้ไปจะได้เห็นความกล้าหาญของนักโทษชายเด็ดขาดการแสดงออกว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือรัฐ ไม่ต้องจำกัดบริเวณอาศัยอยู่ในบ้าน แต่จะมีกิจกรรมสาธารณะต่อเนื่อง
คนไทยต้องถามตัวเองว่าสภาพเช่นนี้จะทนได้หรือไม่และอีกนานเท่าไหร่ จะต้องอยู่กับความอัปยศไร้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศฉะนั้นหรือ
แต่ก็นั่นแหละไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน อำนาจไม่เคยอยู่กับใครนาน ยิ่งที่ผิดทำนองคลองธรรมด้วยแล้วก็จะทำให้เกิดความเสื่อมอย่างเร็ว
สิ่งที่เคยเกิดขึ้นเกือบ 20 ปีก่อนย่อมเกิดขึ้นได้เสมอเพราะใครก็ตามที่จำประวัติศาสตร์ ย่อมมีโอกาสที่จะถูกซ้ำรอยเสมอ จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เมื่อยังไม่เกิดขึ้นก็ทำไม่ได้ ประเทศไทยจะถึงบทพิสูจน์อีกรอบหนึ่งว่าบุคคลที่มีอำนาจเหนือรัฐจะสามารถอยู่แบบจีรังยั่งยืนได้แค่ไหน
เวลามีทั้งเปิดโอกาสและกำหนดโอกาสและสามารถจัดการปิดฉากการแสดงที่คนดูไม่ชอบได้เช่นกัน