xs
xsm
sm
md
lg

นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ณ บ้านพระอาทิตย์
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

วัคซีนโควิด modified mRNA ที่มีการปรับแต่ง ถือเป็นนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์สุดยอด ที่เรียกว่าสุดยอดนั้น คือสามารถที่จะแทรกซึมเข้าได้ทุกเซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะของร่างกายหลังจากที่ผ่านเข้าเลือดจากตำแหน่งที่ฉีดที่แขนด้วยคุณสมบัติอนุภาคนาโนไขมัน

ส่วนคำว่า “ เลื้อย” นั้นเกิดขึ้นจากความสามารถที่วัคซีนบังคับให้เซลล์ผลิตโปรตีนหนาม (spike protein) ให้แสดงตัวออกมาที่ผิวของเซลล์และถูกร่างกายมองเป็นศัตรูและพยายามทำลายนั่นก็คือการทำร้ายตนเองและโปรตีนหนาม ที่อยู่อยู่ที่ผิวจะค่อยๆ แทรกตัวเลื้อยลงไปในเนื้อเยื่อข้างใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นในกรณีของเส้นเลือดใหญ่ เอโอตา (aorta) ที่ออกจากหัวใจและเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ส่งเลือดไปยังสมองทั่วร่างกายและแขนขาโดยผ่านทางแขนง ที่แตกย่อยออกมา

การที่พิสูจน์ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ เกิดจากการชันสูตรศพโดยแสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่ว่ามานี้เป็นส่วนที่หนึ่ง และตัดสาเหตุอื่นออก โดยเฉพาะการติดเชื้อโควิดเองซึ่งพิสูจน์ได้ง่ายอยู่แล้วและพบว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ตั้งแต่ในระยะเวลา สั้น ภายใน 42 วันจนกระทั่งยืดยาวไปถึงหลายเดือน เช่น นานกว่าหกเดือนและเป็นไปได้ว่านานกว่านั้นเนื่องจากหลักฐานการชันสูตรศพอย่างละเอียดไม่ได้ศพที่ตายหลังจากนั้น จนกระทั่งเป็นปี และนำมาพิสูจน์ลักษณะการตายที่ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาระดับโลกของเยอรมนี ร่วมกับนักชีววิทยา นักฟิสิกส์ นักเคมี และแพทย์สาขาต่างๆ นั้น ได้ให้ความสนใจนั้น แท้จริงแล้ว เกิดขึ้นจากการที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ตายกระทันหันและไม่ได้รับคำอธิบายจากทางนิติเวชอย่างชัดเจนโดยสรุปว่าเป็นการตายตามธรรมชาติ โดยที่อายุน้อยหรือไม่มากและแม้แต่อายุกลางคนก็ไม่ได้มีโรคประจ าตัวที่รุนแรงหรือควบคุมได้ทั้งสิ้น

และหลังจากที่ได้ข้อมูลในกลุ่มแรก 15 รายก็มีการ ร้องขอจากครอบครัวและมีการส่งต่อจากสถาบันอื่นๆ มาให้ชันสูตรมากขึ้น จนกระทั่งถึง 100 รายและมีการรายงานตามลำดับในปี 2022 จนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023

ลักษณะของความ “ดุ” อธิบายได้จากการกระตุ้น การอักเสบที่แสดงให้เห็นในเนื้อเยื่อว่ามีเซลล์อักเสบแทรกซึมเข้ามาที่ผิวหลอดเลือดจนกระทั่งมีการท าลายผิว และสามารถปลดปล่อยส่วนประกอบของผิวที่ถูกทำลายและเนื้อเยื่อที่ใต้ลงไป

การชันสูตรอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในเนื้อเยื่อของหลอดเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจพบว่านอกจากที่ผิวหลอดเลือดถูกทำลายแล้ว ชั้นถัดลึกลงมา ที่เรียกว่าชั้นอีลาสติก (elastic) เกิดความแปรปรวน และที่สำคัญคือในชั้นกล้ามเนื้อของหลอดเลือดดังกล่าวมีการถูกทำลาย ยุ่ยเป็นหย่อมๆ เป็นกระจุก และทำให้ชั้นกล้ามเนื้อนี่เอง แยกฉีกออกเป็นสองส่วนตามความยาวของเส้นเลือด และอธิบายการแตกปริของเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจได้ โดยที่คนป่วยก่อนตาย ไม่ได้มีโรคประจ าตัว และผลชันสูตรชิ้นเนื้อนั้นไม่ได้มีลักษณะเฉพาะตัวของหลอดเลือดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามปกติที่เห็นกัน

จากการที่เปิดผิวหน้า ของหลอดเลือดและปล่อยให้สิ่งที่วัคซีนกำหนดให้เซลล์มนุษย์สร้าง เหล่านี้จะค่อยๆ หลั่งไหลจากผิวถลอกของหลอดเลือดซึ่งต้องดูจากกล้องจุลทรรศน์ และเหมือนกับค่อยๆ งอกออกสู่หลอดเลือดและเริ่มก่อตัวเป็นก้อนหรือแท่งหล่อ (cast) ในหลอดเลือดซึ่งเมื่อชันสูตรโดยพยาธิแพทย์จะสามารถลากออกมาเป็นแท่งยาว

ลักษณะของแท่งยาวเหล่านี้ถูกปกคลุมด้วยเลือดตามปกติที่เรียกว่าเจลลี่ clot และเมื่อล้างออกจะปรากฏเป็นลักษณะแท่งดังกล่าวโดยที่มีความเหนียวยืดหยุ่นและทนแรงดึงได้จนไม่สามารถทำให้ขาดได้ง่าย

ในขณะเดียวกันแท่งเหล่านี้จากการชันสูตรไม่จำเป็นจะต้องเป็นแท่งหล่อสมบูรณ์แต่ปนเปปะปนไปกับเลือดที่เห็นตามปกติในคนที่เสียชีวิต ดังนั้นส่วนที่แพทย์ทุกคนรู้จักกันดีไม่ใช่แต่นิติเวชเท่านั้นที่เรียกว่าลิ่ม chicken fat นั้น มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คณะทำงานของเยอรมนีจึงได้ทำการศึกษาคนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนอีก 20 ราย โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้แสดงตัวอย่างเช่นในผู้ป่วยสตรีอายุ 40 ปีที่เป็นนักวิ่งมาราธอน และเกิดมี เลือดวิ่งไปเลี้ยงที่เท้าและขาไม่พอเกิดอาการปวดและผิวที่ฝ่าเท้าผิดปกติ ทั้งนี้จากการตัดชิ้นเนื้อที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อที่ติดส่วนของหลอดเลือดด้วย พบการอักเสบอย่างรุนแรง ที่ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก

และเมื่อเจาะเลือดของคนป่วยรายนี้ไปปั่นให้ เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวตกอยู่ที่ก้นของหลอดโดยโดยที่ส่วนบนนั้นเป็นน้ำเหลือง เมื่อนำไปแช่ในตู้เย็น ปรากฏเป็นก้อนขาวใส ผิวแวววาวคล้ายกับ ก้อนไข่มุก และไม่สามารถสลายได้ด้วยกระบวนการย่อยตามปกติ เมื่อนำไปตัดเป็นแผ่นบางและย้อมดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบเป็นลักษณะก้อนโปรตีนผิดธรรมชาติโดยที่มีเซลล์เม็ดเลือด อยู่ในนั้นน้อยมาก จากนั้นนำไปศึกษาต่อโดยการหาส่วนประกอบของโปรตีนเทียบจากส่วนน้ำเหลืองด้านบนและก้อนไข่มุกนี้ รวมกระทั่งไปวิเคราะห์อย่างละเอียดด้วยเครื่องแมสเสปคโตรเมตรี (mass spectrometry) สามารถแบ่งส่วนประกอบของก้อนไข่มุกนี้เป็น 137 ชนิด(137 clot enriched protein) ที่สำคัญคือพบกลุ่มของโปรตีนหกชนิดที่เป็นส่วนของหลอดเลือดโดยไม่ได้เกิดจากโปรตีนในเลือดได้แก่ extra cellular matrix structural constituent, collagen-containing extra cellular matrix, collagen binding, laminin binding, elastic fiber, cell adhesion molecule biding

ลักษณะของก้อนไข่มุกนี้ทำให้ย้อนกลับไปดูในหลอดเลือดของศพ โดยพบสิ่งที่ทะลักออกมาจากผิวของหลอดเลือดที่มีโปรตีนแทรกอยู่ สิ่งที่ทะลักออกมานี้เมื่อทำการย้อมพิเศษเพื่อดูชนิดของโปรตีนปรากฏว่านี่คือโปรตีนอมิลอยด์ ซึ่งเป็นโปรตีน ลักษณะคล้ายกับที่พบโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ หรือที่พบในหลอดเลือดและท าให้เส้นเลือดแตกในสมอง และยังพบได้ในภาวะที่มีการอักเสบเป็นระยะเวลายาวนาน

นอกจากนั้นในศพของผู้ตายนั้นสามารถที่จะเห็นแท่งพิเศษดังกล่าวนั้นอยู่ในหลอดเลือดลักษณะเป็นแท่งหล่อตามรูปร่างของหลอดเลือด และเมื่อลากออกมาแล้ว มีลักษณะเหนียวยืดหยุ่นได้และไม่ขาดง่ายแม้จะใช้แรงดึงและดังที่กล่าวข้างต้นไปแล้วว่าแท่งหรือก้อนเหล่านี้ถูกคลุมด้วยก้อนเลือดที่เห็นในคนตายตามปกติหรือก้อนหรือแท่งผสมปนเปไปกับก้อนเลือดที่เห็นธรรมดา

เมื่อนำแท่งเหล่านี้พยายามที่จะทำการย่อยด้วยเอนไซม์โปรทีเอส (protease enzymes) ปรากฏว่ามีความทนทานต่อเอนไซม์

และเป็นลักษณะเดียวกับที่แพทย์ที่ประเทศแอฟริกาใต้ได้เจอเช่นกัน

ความดุ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการอักเสบที่กล่าวถึงนี้พบได้แทบจะทั่วทุกอวัยวะ แม้กระทั่งลูกอัณฑะและต่อมลูกหมากของผู้เสียชีวิต รวมกระทั่งถึงในสมองและอวัยวะอื่นๆ และมีความผิดปกติในม้าม และต่อมน้ำเหลือง โดยมีการก่อตัวคล้ายมะเร็ง (peudolymphoma) หลอดเลือดในม้ามอักเสบและมีการหนาตัว ที่เรียกว่า onion skin แบบที่พบจากปฏิกิริยาในโรคภูมิคุ้มกันแปรปรวนและมีเนื้อม้ามอักเสบตายตาย และเนื้อของต่อมน้ าเหลืองตาย พร้อมกับพบแท่งดังกล่าวอยู่ใกล้ผนังเส้นเลือดและในหลอดเลือดด้วย

ลักษณะเฉพาะตัวอีกประการคือการที่เนื้อของอวัยวะมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ(vacuole) อยู่ทั่วไป

โดยสรุปกระบวนการหรือปรากฏการณ์จากวัคซีน modified mRNA นี้ เป็นเหตุผิดธรรมชาติ

โดยมีโปรตีนหนามพิษ ถูกสร้างมาสะสมและก่อให้เกิดการอักเสบ ผนังเส้นเลือดและเนื้อเยื่อของอวัยวะถูกทำลายมีรูพรุน

โปรตีนหนามพิษนี้เหนี่ยวนำการสร้างโปรตีนผิดปกติแบบบิดเกลียว อมิลอยด์ และหลุดเข้าไปในหลอดเลือดหล่อกลายเป็นแท่งและมีความเหนียวยืดหยุ่น

กลไกนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและกลายเป็นนวัตกรรมสูงสุดที่กลายเป็นทำให้เจ็บป่วยตายและเกิดขึ้น แม้แต่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายไปแล้วนานไปอย่างน้อยครึ่งปีก็ตาม

หลักฐานที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งคือ แท่งประหลาดผิดธรรมชาตินี้ยังสามารถพบได้ในคนป่วยที่ยังมีชีวิตและมาด้วยอาการเฉียบพลันของหลอดเลือดดำหรือแดงตัน หลักฐานดังกล่าวนี้ประจักษ์ขึ้นโดยการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ในปี 2024 นี้เองในห้องที่เรียกว่า Cath labในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการในการฉีดสีเข้าหลอดเลือดเมื่อเกิดการอุดตันเกิดขึ้น เพื่อดูตำแหน่งและความรุนแรงและความยาวของการตัน ซึ่งในบางกรณีนั้นหลอดเลือดมีการอุดตันสมบูรณ์

และจากนั้นจึงทำการลาก ดูด หรือตัดเพื่อเป็นการช่วยอวัยวะที่ขาดเลือดหรือเป็นการช่วยชีวิตเมื่อการอุดตันนั้น เกิดในหลอดเลือดที่ไปอวัยวะสำคัญเช่น ปอด ไต และหลอดเลือดที่ไปและออกจากหัวใจ

ลักษณะดังกล่าวนี้ในห้องปฏิบัติการแห่งนี้พบได้สองถึงสามรายต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากขั้นตอนตามปกติเมื่อมีหลอดเลือดอุดตันแพทย์จะทำการฉีดสารละลายลิ่มเลือดไปก่อนและถ้าไม่สำเร็จจึงส่งมาให้ทำการลากออก และเหตุการณ์นี้ยังพบอยู่แม้ในปี 2024 นี้เอง โดยขณะที่ข้อมูลนั้นได้บอกว่าผู้ป่วยรายสุดท้ายที่ทำการรักษานั้นคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มนี้ยังได้ติดต่อไปยังเครือข่ายในสหรัฐฯ และได้รับคำตอบว่าพบเช่นเดียวกันแต่ไม่มีใครกล้าพูดเพราะถูกสั่งห้ามและถึงกับถูกไล่ออก และลักษณะของก้อนแท่งประหลาดเหล่านี้เริ่มพบในตอนช่วงกลางปีหลังของปี 2021 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยที่เมื่อเช็คประวัติแล้วดูจะคล้องจองกับจำนวนของวัคซีนที่ได้รับโดยได้รับหกถึงแปดเข็ม แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มเดียวก็จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน แม้ว่าจะดูน้อยกว่า

คำถามจากแพทย์สองคนที่สัมภาษณ์คือแล้วทำไมเจ้าหน้าที่ที่ให้ข้อมูลนี้ถูกไล่ออก ได้รับคำตอบว่าอาจจะเป็นเพราะเขาทำงานที่แห่งนี้มา 20 ปีและทำการสอนทั้งบุคลากรรวมทั้งแพทย์ทางหลอดเลือด ทางหัวใจและทางสมองในหัตถการการฉีดสีและการลากดูดตัดลิ่มเลือดต่างๆ มาช้านาน

แต่เมื่อคำสัมภาษณ์เป็นวิดีโอนี้ปรากฏถ้าสามารถสืบเสาะได้ว่าเขาเป็นใคร ก็พร้อมที่จะถูกไล่ออก เพราะทนกดดันไม่ได้ที่คนป่วยมากมายที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องมีภาวะวิกฤตโดยที่แม้จะช่วยชีวิตได้แต่ยังมีความพิการหลงเหลือและมีที่ช่วยชีวิตไม่ได้ก็มีอีกมาก

รูปที่แสดงในระหว่างการสัมภาษณ์นี้ มีทั้งที่ดึงลากจากคนป่วยที่มีชีวิตเป็นก้อนแท่งยาวจากหลอดเลือดแดงขาหนีบผิวด้านนอกคลุมด้วยเลือดปกติ ใครเจลลี่

แสดงรูปที่ดึงออกจากหลอดเลือดดำขาซ้าย และมีที่ดึงจากหลอดเลือดปอดที่อุดตันลักษณะที่เรียกว่า saddlepulmonary embolism ซึ่งก่อนหน้าปี 2021 ไม่ได้พบบ่อยแต่เริ่มพบบ่อยมากขึ้นในช่วงกลางปีหลังของปี 2021เป็นต้นมา

และมีรูปที่แสดงถึงแท่งที่ลากออกจากหลอดเลือดดำใหญ่ในท้องและไตซ้าย

และในผู้ป่วยอีกรายลากออกมาจากเส้นเลือดโดยที่ผิวบางส่วนของแท่งนี้ติดกับผนังเส้นเลือดซึ่งทำให้ตั้งข้อสังเกตว่าแท่งนี้หลุดออกมาจากผนังเส้นเลือดหรือไม่ และตรงกับการชันสูตรศพของทีมเยอรมนี

การชันสูตรทั้งชิ้นเนื้อรวมทั้งมีการย้อมพิเศษและมีการตรวจสอบด้วยกระบวนการและเครื่องมือหลายชนิดจนกระทั่งถึงเรื่องแท่งสีขาวดังกล่าว

ถ้าไม่ศึกษาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้จะไม่สามารถรู้กลไกการเกิดปรากฏการณ์ “ผิดธรรมชาติ” เหล่านี้ได้เลย
การบรรยายผลการชันสูตรศพและ “ลักษณะพยาธิสภาพ เฉพาะ” และ clot ต่างๆ ที่เกิดจาก ผู้ได้รับผลกระทบ เป็นวิดีโอ 2 ตอน รวบรวม ผู้ป่วยที่เสียชีวิต และครอบครัวยังคงต้องการให้มีการพิสูจน์ชัดเจนว่าเกิดจากอะไรแน่จนได้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัด ความเชื่อมโยงของวัคซีนผนังเส้นเลือดอักเสบ เส้นเลือดปริ แตก ตัน ได้จนกระทั่งกระบวนการเกิดการฟอร์ม โปรตีนอมิลอยด์ อยู่ในหลอดเลือด

หลักฐานต่างๆ เหล่านี้สามารถเปิดรับฟังและชมเพื่อให้เข้าใจถึงการเกิดปรากฏการณ์ผิดธรรมชาตินี้

Prof Arne Burkhardt: Reevaluation of serious adverse events and deaths following COVID-1 9 vaccination and demonstration of mechanisms and how such clot can develop

February 1 7, 2023 discussing autopsies of people who died suddenly following Covid-1 9 vaccination.

https://www.coronaheadsup.com/health/vaccine/prof-arne-burkhardt-reevaluation-of-seriousadverse-events-and-deaths-following-covid-19-vaccination/

Prof. Arne Burkhardt on Odysee.com - 2nd Conference

https://odysee.com/@LongXXvids:c/Prof-Burkhardt---Pathology-Findings--Sep-1 8-2022---PartTwo:c?&sunset=lbrytv

การให้ข้อมูลของผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตและดูดเลือดแท่งหรือลิ่มต่างๆออกมาสามารถศึกษาได้จาก


https://philipmcmillan.substack.com/p/are-the-embalmers-clots-occurring


กลไกการเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้คนฉีดวัคซีนป่วยและตายนั้น แท้จริงแล้วมีกลไกซับซ้อนและแยบยล โดยที่ในระยะสามสัปดาห์จนกระทั่ง 42วันนั้น มีปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันแปรปรวนกระทบต่อหลอดเลือดทำให้รั่วและน้ำรั่วออกมาซึ่งพบในสมองทำให้สมองบวมจนเสียชีวิต (acute necrotizing encephalitis) ตลอดจนภาวะของเซลล์สมองบวมและแปรปรวนอักเสบจนมีอาการโคม่าจิตวิปลาส คุ้มคลั่ง ชักควบคุมได้ยาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบประจำ รวมทั้งหัวใจอักเสบจนต้องเปลี่ยนหัวใจ และแน่นอนทำให้เกิดเลือดข้นและเป็นลิ่มเลือดตันซึ่งเป็นลิ่มเลือดแบบปกติ

เหล่านี้ เป็นกลไกของ ระบบภูมิภูมิคุ้มกัน innate

ในช่วงกลางหลังจากนั้น เกิดภาวะการอักเสบที่อธิบายจากกลไกของระบบภูมิ adaptive และลักษณะของสมองอักเสบจะต่างออกไปจากในกลุ่มแรกรวมทั้งมีเส้นประสาทอักเสบเป็นเส้นเดียวเช่นหน้าเบี้ยวอัมพาต แขนหรือขาอัมพาตทั้งหมดจนกระทั่งหายใจไม่ได้

และเกิดขึ้นจนกระทั่งถึงระยะยาวเช่นเดียวกับที่พบการติดเชื้อโควิดตามธรรมชาติ และกลายเป็นลองวัคซีน

โดยในระยะยาวนี้จึงมีการกระตุ้นการอักเสบในสมองและท าให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้เร็วกว่าที่พบตามปกติโดยสามารถพบสารพิษอัลไซเมอร์ได้แม้แต่คนที่ไม่มีอาการความจ าผิดปกติก็ตาม

การเกิดแท่งผิดธรรมชาตินี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นในคนที่ป่วยตายจากวัคซีนทุกราย แต่การพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจากวัคซีนนั้นยากแสยยาก เพราะต้องเป็นการพิสูจน์ชิ้นเนื้อว่าการแสดงออกของโปรตีนหนามอยู่ในหลอดเลือดอยู่ในเนื้อเยื่อร่วมกับการอักเสบ

 และแท่งประหลาดนี้เป็นผลผลิตจากการเหนี่ยวนำของวัคซีนชนิดนี้ โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าปล่อยให้มีการยอมรับหมายความว่า วัคซีนเทคโนโลยีนี้ต้องถูกนำมาพิจารณาอย่างเร่งด่วน ให้ระงับการใช้ทันทีรวมกระทั่งถึงการนำเทคโนโลยีนี้ปรับเปลี่ยนไปใช้กับวัคซีนอื่นโดยที่เทคโนโลยีนี้แท้จริงแล้วเป็นนวัตกรรมที่ไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยอย่างใดมาก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น