xs
xsm
sm
md
lg

อย่าแค่ดันคนหนุ่มสาวมาสู้ ผู้เฒ่าทั้งหลายโปรดแสดงความกล้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ถ้าพิจารณาจากคดีมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาที่ยังคาอยู่ในศาลและชั้นสอบสวนนับพันคดี คนที่โดนคดีหลายคนเป็นคนหนุ่มสาว และคนธรรมดา แต่ไม่มีอาจารย์ นักวิชาการ ปัญญาชนที่คอยให้ท้าย เพราะคนเหล่านี้รู้ทางหนีทีไล่และรู้ว่าพูดอย่างไรจึงไม่ผิดกฎหมาย ต่างกับคนรุ่นใหม่และชาวบ้านธรรมดาที่ถูกคนเหล่านี้ให้ท้ายที่โดนคดีจำนวนมาก และสุดท้ายหลายคนคงถูกจองจำในคุก


อาจจะมีคดีที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการเผยแพร่เฟซบุ๊กไลฟ์หัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้-ใครเสีย” เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2564 ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่โพสต์ข้อความลงสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย

และรศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีที่ถูกแจ้งความโยงโพสต์ทวิตเตอร์กับปมข่าวลือ ร.10 ประชวร เมื่อปี 2564

ก็มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นหัวขบวนที่คอยให้ท้ายคนหนุ่มสาวที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 นอกนั้นคนอื่นไม่มีใครถูกดำเนินคดีเลย ถ้าไม่นับสมศักดิ์ เจียมธีรสกุลที่หลบหนีไปอยู่ฝรั่งเศสและบัดนี้มีอาการอัมพาตครึ่งตัว แถมยังไม่มีลูกหลานของบรรดาพวกอาจารย์ นักวิชาการ และปัญญาชนที่อยู่เบื้องหลังเลย มีแต่ลูกหลานของชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112

อาจจะมีกรณีของหลานธนาธรที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 แต่ต่อมาให้การสารภาพและศาลเมตตาเนื่องจากเป็นเยาวชน ผู้พิพากษาจึงให้ไปทำแผนบำบัดฟื้นฟู ร่วมกับสหวิชาชีพ ผู้พิพากษาศาลสมทบ นักจิตวิทยา เพื่อนำไปปฏิบัติในการปรับปรุงตัว หลังจากนั้นเราก็ไม่เห็นหลานของธนาธรออกมาสู้กับคนอื่นๆ ในวัยคราวเดียวกันอีกเลย

หากจะว่าไปแล้วคนที่โดนคดีในยุคนี้จะโชคดีอยู่บ้างที่ศาลพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม ถ้าหากคดีไม่เข้าข่ายความผิดจริงมีหลายคดีที่ศาลยกฟ้อง หรือแม้กระทำความผิดก็มีหลายคดีที่ศาลรอลงอาญา โดยเฉพาะถ้าอยู่ในวัยเล่าเรียนเป็นเยาวชนแล้วศาลท่านจะให้ความเมตตามาก และถ้าไม่เข้าข่ายกระทำความผิดซ้ำศาลก็จะให้ประกันตัวในระหว่างสู้คดี พิสูจน์ได้ว่าที่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มักบอกว่าคดี 112 มีคนโน้นคนนี้สั่งมาอย่างนั้นอย่างนี้จึงเป็นเรื่องมโนด้วยความเท็จทั้งสิ้น

ดูเหมือนว่าตอนนี้หนทางเดียวเลยที่คนหนุ่มสาวนับพันเหล่านี้ที่ถูกดำเนินคดีอยู่จะรอดจากคุกได้ก็คือ การนิรโทษกรรมที่พรรคก้าวไกลพยายามที่จะผลักดันให้ได้ เพราะนอกจากคนหนุ่มสาวแล้วยังมีสมาชิกพรรคก้าวไกลหลายคนที่โดนคดี 112 เช่นเดียวกัน แต่เชื่อเถอะว่า หากจะพ่วงคดีตามมาตรา 112 ไปด้วย ความพยายามของพรรคก้าวไกลจะไม่มีทางสำเร็จ

หลังจากที่พรรคก้าวไกลพยายามจะยกเลิกมาตรา 112 แล้วเขียนกฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์ขึ้นมาใหม่ ให้การดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีโทษน้อยกว่าความผิดหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาในกฎหมายปัจจุบัน เอากฎหมายออกจากหมวดความมั่นคง และศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แล้วว่า พวกเขามีจุดมุ่งหมายที่ชั่วร้ายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อะไรคือเหตุที่คดี 112 มีสถิติที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกที่สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังและคอยช่วยเหลือทางคดีอย่างศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พยายามโทษว่า รัฐใช้คดี 112 เป็นเครื่องมือในการปิดกั้นเสรีภาพมากขึ้น ทั้งที่ความจริงคดี 112 เพิ่มมากขึ้น เพราะมีผู้กระทำผิดเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

คิดแล้วก็แปลกดีเรียกตัวเองว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แต่หมกหมุ่นอยู่แต่คดีเกี่ยวกับมาตรา 112 ทั้งที่มีคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆจำนวนมาก และคนที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 นั้นแท้จริงแล้วเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่นนั่นคือ ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพระมหากษัตริย์ เพราะการด่าทอให้ร้ายจนเข้าข่ายดูหมิ่น หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายผู้อื่นนั้นไม่ควรจะได้รับการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะทำอย่างนั้นกับคนธรรมดาก็ตามไม่ต้องพูดถึงว่ากระทำต่อประมุขของรัฐ

นอกจากที่คนจำนวนมากถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 แต่นักวิชาการเช่น ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ประจักษ์ ก้องกีรติ พวงทอง ภวัครพันธุ์ เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อนุสรณ์ อุณโณ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล สมชาย ศิลปะปรีชากุล ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ฯลฯ คนเหล่านี้ที่ออกมาสนับสนุนคนหนุ่มสาวให้ออกมาเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ก็ไม่มีใครถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เลย แน่นอนเพราะพวกเขาไม่ได้พูดจาหมิ่นเหม่ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นเดียวกับคนอีกนับพันที่พวกเขาให้การสนับสนุนที่ถูกดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้

เช่นเดียวกับนักเขียนและสื่อมวลชน เช่น อธึกกิต แสวงสุข สฤณี อาชวนันทกุล ภัควดี วีระภาสพงษ์ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ฯลฯ พวกนี้ก็ไม่มีใครถูกดำเนินคดี เพราะมีลีลาและภาษาที่เจนจัดกว่าคนหนุ่มสาวที่เอาแต่ด่าทอให้ร้ายด้วยความหยาบคาย

บรรดา อาจารย์ นักวิชาการและปัญญาชนฝ่ายต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์เหล่านี้ไม่ค่อยมีใครถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เลย ก็เพราะคนเหล่านี้รู้ว่าพูดอย่างไรจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย จริงๆ แล้วปิยบุตร เองก็พูดจากโฉบเฉี่ยวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์มากและบ่อยครั้ง แต่เขารู้ว่าพูดอย่างไรจะไม่ติดคุกแม้การพูดนั้นจะเป็นการไต่เส้นด้ายก็ตาม

ถามว่าเป้าหมายของคนเหล่านี้คือการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์หรือ ถ้าพวกเขาไม่ซ่อนเร้นเพราะเกรงกลัวความผิดตามกฎหมายพวกเขาก็น่าจะกล้าเปิดเผยความจริงว่าพวกเขาต้องการไปสู่เป้าหมายไหนกันแน่ อะไรที่ธนาธรบอกว่า จะต้องทำภารกิจที่คณะราษฎรต้องการจะทำแต่ทำไม่สำเร็จ เขาพูดชัดเจนว่า สิ่งหนึ่งนั่นคือการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ล่าสุดพวกเขาถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดแล้วว่าพวกเขาต้องการมากกว่านั้น นั่นคือ การเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง

แล้วถ้าถามว่าเป้าหมายของพวกเขาคืออะไร ปิยบุตร เคยกล่าวว่า หากเราไปดูในประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงจากระบอบกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมายเกิดขึ้นเพียงสองทางเท่านั้น คือกลายมาเป็นระบอบกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย (Constitutional Monarchy) หรือกลายมาเป็นสาธารณรัฐ สุดท้ายถ้ากษัตริย์ไม่ปรับตัว หน่วยอำนาจใหม่ชนะก็จะกลายเป็นสาธารณรัฐ แต่ถ้าไปดูประเทศที่เปลี่ยนมาเป็น Constitutional Monarchy ได้ ก็เพราะกษัตริย์ยอมลดทอนอำนาจตัวเองลงให้มาอยู่ใต้ระบอบประชาธิปไตยเพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้

แต่ความจริงประเทศไทยของเราเป็นระบอบ Constitutional Monarchy อยู่แล้ว พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอยู่แล้วตั้งแต่คณะราษฏรไอดอลของพวกเขายึดอำนาจไม่ใช่หรือ แล้วอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการอีกเล่า

ที่ตลกก็คือเมื่อคนหนุ่มสาวที่พวกเขาให้ท้ายและยุยงให้ออกมาต่อสู้เรียกร้องบนท้องถนน แล้วถูกดำเนินคดีเพราะกล่าวให้ร้ายต่อสถาบันกษัตริย์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือเพราะไปหลงเชื่อวิทยานิพนธ์ที่แต่งเติบด้วยความเท็จเพื่อใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์ พวกผู้ใหญ่ที่แอบอยู่ข้างหลังก็มักจะอ้างว่า รัฐใช้กฎหมายกลั่นแกล้งเด็กโดยใช้ความเป็นผู้เยาว์มาเรียกร้องความเห็นใจจากสังคมและชาวโลกว่ารัฐใช้กฎหมายปิดกั้นเสรีภาพ ทั้งที่ตัวบทของมาตรา 112 นั้นเขียนไว้ชัดว่าการกระทำอย่างไรที่เข้าข่ายเป็นความผิด ซึ่งถ้าทำแบบนั้นในประเทศไหนก็มีความผิดทั้งนั้นไม่ว่ากระทำต่อใคร

ก็เลยอยากจะเชิญชวนอาจารย์ นักวิชาการ ปัญญาชน ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคนหนุ่มสาวคอยดันหลังให้พวกเขาออกมาต่อสู้เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จงออกมาแถวหน้าหรือนำขบวนออกมาเดินบนถนนเสียงเอง พวกท่านมีความรู้มีประสบการณ์และผ่านชีวิตมามากกว่าคนหนุ่มสาวที่พวกท่านออกมายุยงอย่างเทียบกันไม่ได้ ที่สำคัญพวกท่านน่าจะใช้ชีวิตมาคุ้มค่าและเห็นโลกมาเยอะแล้วก็น่าที่จะพร้อมพลีชีวิตเพื่อให้อุดมการณ์ที่พวกท่านปรารถนาประสบความสำเร็จก่อนจะลาจากโลกนี้ไป และปล่อยให้คนหนุ่มสาวที่เป็นลูกหลานของคนอื่นได้มีชีวิตเห็นโลกไปอีกยาวนาน หรือไม่ก็ดันลูกหลานของตัวเองออกมาข้างหน้า

ชาญวิทย์ สุชาติลองพิจารณาดูว่าถ้าไม่อยากให้คนหนุ่มสาวถูกจองจำควรจะทำอย่างไร จะชวนสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และอานันท์ ปันยารชุนออกมาด้วยก็ได้ ถ้าทำอย่างนั้นได้พวกอาจารย์ นักวิชาการ ปัญญาชนที่ให้ท้ายเด็กคนอื่นๆ ก็อาจจะออกมาร่วมด้วย ผู้เฒ่าทั้งหลายจนแสดงความกล้าให้เห็นก่อนจะลาโลกหน่อย

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น