หรือยิ่งลักษณ์จะกลับมาอีกคน

การที่ทักษิณกลับเข้ามาประเทศโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้น แม้ทุกอย่างจะผ่านไปแล้วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และวันนี้ทักษิณกลับไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้ากับลูกหลานอย่างมีความสุข แม้โดยทางสาธารณะเขาอาจจะต้องเล่นบทบาทคนป่วยไปอีกสักระยะ แต่กรณีนี้ก็ทำให้คนไทยไม่น้อยที่เกลียดชังระบอบทักษิณรู้สึกเจ็บช้ำอยู่ในทีเพราะไม่มีพลังอำนาจอะไรจะไปทัดทานได้

ต้องยอมรับว่า พลังของฝ่ายอนุรักษนิยมนั้นอ่อนแรงลงมาก และมองไม่เห็นอนาคตว่าจะฟื้นกลับมาได้อย่างไร เหมือนต้องเลือกว่าจะอยู่กับระบอบทักษิณหรือความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงตามแนวคิดของคนรุ่นใหม่ หรือถ้าไม่เลือกทางไหนเลยก็ต้องอยู่อย่างสภาพจำยอมไป

นี่เป็นเหตุผลที่คนเขาพูดกันว่า ทักษิณได้กลับประเทศนี้อย่างมี “ดีล”

ตอนนี้เริ่มกล่าวขานกันว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีน้องสาวของทักษิณที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศจะกลับมาโดยใช้โมเดลเดียวกับพี่ชาย โดยจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ หลังจากรอดพ้นคำพิพากษาใน 2 คดีคือ คดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่เป็นธรรม เมื่อปลายปีก่อน และล่าสุดรอดพ้นคดีจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทยหรือ Thailand 2020 วงเงิน 240 ล้านบาท

การยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเป็นสิ่งที่ยิ่งลักษณ์สามารถทำได้ แต่ต้องกลับเข้ามารับโทษเสียก่อน และจะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือพระราชทานอภัยลดโทษแบบเดียวกับทักษิณหรือไม่ เป็นเรื่องไม่อาจก้าวล่วงได้

แต่จะทำอย่างนั้นได้ต้องได้รับการช่วยเหลือจากอำนาจรัฐ เช่นกรณีของทักษิณที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วอย่างอภิสิทธิชนจนได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือเพียง 1 ปี เชื่อว่าหากยิ่งลักษณ์ทำเช่นเดียวกันก็จะได้รับการช่วยเหลือในขั้นตอนกระบวนการให้เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับทักษิณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้อำนาจรัฐอยู่ในมือด้วยแล้วก็ยิ่งจะง่ายกว่ากันมาก

ตอนที่ทักษิณเข้ามามีอำนาจรัฐยังอยู่ในมือรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสามารถทำได้และได้รับการช่วยเหลือจากพล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างดี ตอนนี้เป็นรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ทุกอย่างก็ยิ่งจะง่ายกว่าเดิม

คำถามว่าหากยิ่งลักษณ์กลับมาจริงจะใช้โมเดลเดียวกับทักษิณทุกอย่างได้ไหม คือ บอกว่ามีอาการป่วยที่แพทย์ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่อาจจะรักษาได้ แล้วไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจจนกว่าจะได้พักโทษ มีคนพูดเหมือนกันว่า ยิ่งลักษณ์ไม่น่าจะทำอย่างทักษิณได้ เพราะอายุยังไม่มาก และยังมีสุขภาพที่แข็งแรง แต่ก็บอกว่าอย่าประมาทไป เพราะเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือก็ย่อมจะทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้แม้แต่ทักษิณเองตอนอยู่ต่างประเทศและลงจากเครื่องบินเมื่อเท้าแตะแผ่นดินไทยก็ยังดูแข็งแรงดี

ตอนนี้อยู่ที่ว่ายิ่งลักษณ์จะกล้ากลับมาและทำแบบเดียวกับพี่ชายไหม และถ้าทำอย่างเดียวกันอีกจะปลุกให้คนไทยลุกฮือไหม เพราะกรณีของทักษิณก็มีคนไม่น้อยที่ตั้งคำถามถึงความไม่เท่าเทียมกัน และทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกทำลายอย่างย่อยยับ แม้กรณีของทักษิณจะไม่สามารถให้คนส่วนใหญ่ออกมาลงถนนได้ และกระแสคัดค้านอ่อนแรงมาก แต่ถ้าเกิดกรณีของยิ่งลักษณ์แบบเดียวกันอีก ก็อาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ปลุกให้สังคมไทยลุกฮือก็ได้

อย่าลืมว่าตอนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์พยายามจะออกนิรโทษกรรมสุดซอยให้ทักษิณ พวกเขาก็มีความคิดว่าสังคมไทยกำลังอ่อนแรง ฝ่ายตรงข้ามไม่มีพลังมากพอที่จะออกมาคัดค้านแล้ว สุดท้ายประชาชนก็ออกมาจนเต็มถนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การออกมาชุมนุมบนท้องถนนของประเทศไทย

ที่สำคัญคิดว่า ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจจะกล้าเสี่ยงตายเดินลุยไฟเพื่อช่วยยิ่งลักษณ์เหมือนกับช่วยทักษิณอีกไหม เพราะตอนนี้กรณีของทักษิณเรื่องก็มีผู้ร้องต่อ ป.ป.ช.ไว้แล้ว แม้อาจจะยากที่จะรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดเพราะอำนาจรัฐอยู่ในมือแต่ถ้าจะทำแบบนั้นซ้ำอีกก็ดูเหมือนจะท้าทายกับอำนาจรัฐและอำนาจของประชาชนจนเกินไป

ที่สำคัญคดีมีอายุความที่ยาวนาน ถ้าหากว่าอำนาจรัฐเปลี่ยนมือก็อาจจะไม่รอดพ้นจากความผิดก็ได้ ถ้าข้าราชการจะกล้าเสี่ยงก็ต้องวัดดวงเอา

แต่อย่าเพิ่งประมาทว่าเป็นไปไม่ได้ ยิ่งลักษณ์อาจไม่สามารถหาข้ออ้างแบบทักษิณเพื่อนอนโรงพยาบาลได้ แต่ที่เขาเตรียมไว้แล้วก็คือ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 หรือคุมขังที่บ้านอย่างไรเล่า

ถ้าจะว่ากันไปแล้วตอนที่ปล่อยให้ยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศไปนั้นก็น่าจะมีส่วนที่รับรู้สมยอมกันอยู่แล้ว ไม่นั้นจะหลบหนีออกไปไม่ได้ง่ายแบบนี้อย่างแน่นอน พูดกันตรงๆ ว่า ไม่ต้องการเอาเป็นเอาตายกันจนถึงที่สุดและเปิดทางหนีทางไล่ไว้ให้กันนั่นเอง นี่เป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดขึ้นในการเมืองไทยทุกยุคทุกสมัยในอดีตผู้ที่สูญเสียอำนาจก็มักจะได้รับการเปิดทางให้หลบหนีไปต่างประเทศทั้งสิ้น

แล้วถามว่า ถ้ารัฐไทยต้องการเอาตัวทักษิณก่อนที่จะกลับมาหรือยิ่งลักษณ์ที่ยังหลบหนีอยู่นี้สามารถทำได้ไหม คำตอบคือไทยเรามีความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาในการดำเนินคดีทุจริต มีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 สนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือกันและกันในเรื่องทางอาญาระหว่างประเทศกับประเทศต่างๆ สนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือกันและกันในเรื่องทางอาญาในภูมิภาคอาเซียน เราเห็นรัฐไทยเคยจะกระตือรือร้นเพื่อเอาตัวมาลงโทษไหม ก็ต้องบอกว่าไม่เลย ทั้งๆ ที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวเดินสายไปทั่วโลก แล้วที่อยู่ของทักษิณและยิ่งลักษณ์ก็ปรากฏแหล่งฐานอย่างชัดเจน

คดีที่ยิ่งลักษณ์ถูกลงโทษนั้นเป็นฐานความผิด “ทุจริต” ที่เข้าเงื่อนไขของสนธิสัญญา และเป็นฐานความผิดของทุกประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว ไม่อาจจะกล่าวหาว่าถูกกระบวนการยุติธรรมให้ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมได้เลย

โอเคแหละว่าเมื่อถึงวันนี้อำนาจรัฐอยู่ในมือของทักษิณก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่รัฐไทยจะไปไล่ล่ายิ่งลักษณ์มาลงโทษ เพราะแม้แต่รัฐบาลประยุทธ์ที่มีอำนาจอยู่ถึง 9 ปีก็ไม่มีความพยายามจะทำเช่นนั้นเลย

และต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้ต้องฝากความหวังในประเทศนี้ไว้กับทักษิณเพื่อรับมือกับพรรคก้าวไกลที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าต้องการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องการแบ่งแยกพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งอาจจะทำให้มีอำนาจไปต่อรองกับทักษิณไม่มากนัก หรือพูดได้ว่าทักษิณถือแต้มต่อที่เหนือกว่านั่นเอง

ก็ต้องดูว่าทักษิณจะใช้สถานะที่เหนือกว่าได้ทีขี่แพะไล่เพื่อเอาน้องสาวกลับบ้านและไม่ต้องติดคุกเหมือนตัวเองอีกคนไหม และถึงวันนั้นสังคมไทยจะอดทนต่อความเป็นอภิสิทธิชนและความไม่เท่าเทียมของสังคมไทยอยู่ได้อีกไหม

ถ้ายิ่งลักษณ์จะกลับมาจริงๆ ด้วยโมเดลเดียวกับทักษิณก็คงต้องยอมแล้วแหละไม่ว่าประเทศนี้จะเป็นไปอย่างไรคงต้องบอกว่าช่างหัวมัน

ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan