"โสภณ องค์การณ์"
อยู่มานานกว่าหกเดือนรัฐบาลเศรษฐายังคงไม่มีอะไรเป็นโล้เป็นพาย เป็นชิ้นเป็นอัน ปัญหาหลักคือไม่มีเงินจะใช้เพราะงบประมาณ 2567 ยังไม่ผ่านสภา
ความหวังที่จะได้เงิน 5 แมนล้านบาท จากโครงการเงินแจกแจกดิจิทัลยิ่งนานความหวังยิ่งห่างไกลอุปสรรคขวางกั้นเสี่ยงคุกตะราง
เมื่อไม่มีจะทำงาน ไม่มีเงินบริหาร ต้องจัดรายการทัวร์ทั้งในและนอกประเทศ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ อย่างน้อยก็ได้สร้างภาพให้ชาวบ้านบ้องตื้นและเห็นว่าเอาใจใส่ประชาชน
ไปที่ไหนก็ยังแจกคำหวาน หวังว่าเงินที่จะเข้า จะมาแต่ช้าใช้เวลาหน่อยซึ่งคนให้คำมั่นก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ชาวบ้านก็รอจนเหนื่อย เริ่มจะเลิกหวังแล้ว
ความขยันเดินสายทัวร์ทั้งในและนอกประเทศอาจจะมีผลดีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านได้เห็นหน้ากันทั่วประเทศเพราะคนก่อนหน้าไม่มีใครขยันเท่า
นี่เป็นเวทีโชว์ของตัวเองซึ่งไม่มีใครว่าได้ เป็นการเลี่ยงที่จะต้องตอบคำถามน่าอึดอัดใจถ้าต้องเข้าทำเนียบรัฐบาลทุกวัน
แต่ละคำถาม ผู้สื่อข่าวโยนใส่นั้นล้วนแต่เป็นเรื่องทำให้ไม่สบอารมณ์เช่น เป็นนายกฯ ตัวจริงหรือเปล่า และจะปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อไหร่
คำถามอย่างนี้ทำให้คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตัวเองก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวจริง ต้องอารมณ์ขุ่นมัว และการที่ผลงานไม่มีอะไรโดนใจชาวบ้านก็ต้องตากหน้าสู้
“ผมเป็นนายกคนเดียวครับ” นั่นคือคำตอบซึ่งแม้แต่ตัวเองก็อาจจะไม่เชื่อ เพราะหลังจากที่นักโทษชายเด็ดขาดได้ไปสิงสถิตในบ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว ศูนย์รวมอำนาจก็เคลื่อนย้ายไปที่นั่น
ความหงุดหงิดที่ไม่มีเงินบริหารสร้างผลงานไม่ได้ อยู่ไปแต่ละวันยังดีที่มีโครงการต่างประเทศที่สามารถปลีกตัวไปได้และเป็นผลดีอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจอีกไม่นานก็คงจะพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้นช่วงนี้การได้มีโอกาสสร้างโปรไฟล์ระดับนานาชาติให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้นำประเทศต่างๆ จึงเป็นคุณอย่างมาก
ธุรกิจต่างๆย่อมผูกพันกับคอนเนกชัน จะมีความหมายมากน้อยขึ้นอยู่กับกิจกรรมหรือธุรกิจที่ตัวเองบริหารหรือเป็นเจ้าของ ถ้าไม่ใช่เป็นโครงการลงทุนข้ามชาติผลที่ได้คงไม่เต็มที่
การเดินสายทัวร์ทั่วทุกภาคต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพบปะชาวบ้าน ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่ข้าราชการที่จัดการให้ชาวบ้านให้มาพบปะ
เป็นการปลอบใจตัวเองว่าเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงในช่วงนั้นโดยเฉพาะถ้าไม่มีลูกสาวนักโทษชายเด็ดขาดเดินประกบแย่งเสียงแสงดึงความสนใจของชาวบ้านแทน
เมื่อพูดถึงประเด็นว่า “มีนายกฯ กี่คนกันแน่” ก็ยิ่งมีคำตอบที่สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีคนเดียวแน่นอน เว้นแต่จะโกหกตัวเองเพราะแม้แต่ตัวนายกฯ ที่เป็นตัวจริงก็ยังต้องเข้าไปกราบคารวะตัวจริงกว่า
การที่ไม่อยู่ในทำเนียบผลดีก็คือไม่ต้องรับโทรศัพท์จากบรรดานายกนอกทำเนียบทั้งหลายที่อาจจะเข้ามาสั่งโน่นขอนี่สร้างความลำบากใจในการตอบสนอง
ซึ่งล้วนแต่เป็นคำขอที่จะปฏิเสธไม่ได้ทั้งนั้นและเป็นคำขอที่มาจากกลุ่มตระกูลเดียว ความต้องการหลากหลายแล้วแต่ผลประโยชน์ส่วนบุคคลว่าเป็นอย่างไร
ดูแล้วก็น่าเวทนาว่าการไม่ได้เป็นนายกฯ ตัวจริงทั้งในความเป็นจริงและในสายตาของประชาชนทำให้เกิดความรู้สึกว่าประเทศไทยช่างง่ายดายเหลือเกินที่ใครจะทำอะไรทั้งในและนอกกฎหมาย
“ได้ครับท่าน” น่าจะเป็นคำพูดที่ได้ยินบ่อยจากผู้รับคำสั่งหรือคำขอ ถ้าปฏิเสธต้องมีคำอธิบายชัดเจนและต้องมีความเสี่ยงผสมว่าจะเสี่ยงกับการต้องมีคดีอาญาหรือขัดใจคนขอร้อง
ทั้งสองประการย่อมทำให้เกิดปัญหาชีวิตปัจจุบันและในอนาคต
ดังนั้น สภาพที่เป็นอยู่ ผู้นำรัฐบาลมีความกังวลว่าจะอยู่ได้นานหรือไม่ ประชาชนก็ห่วงว่าบ้านเมืองจะไปอย่างไร สัญญาณต่างๆดูไม่เข้าเค้าลางที่เป็นมงคลเลย
ถึงเวลามี อะไร “ แอ่นแอ๊น” เพราะเล่นเกมโกงกินจนเลยเถิดเปิดช่องทางให้คนอยากรวยได้โอกาส ชาวบ้านอย่างเรา ก็คงต้องบอกว่า “ ตัวใครตัวมันอีกแล้วเว้ย” พบกันใหม่เมื่อบ้านเมืองสงบ