ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในสถานการณ์ความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งมีอัตราความเจ็บป่วยรุนแรง หรือแม้แต่อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า และมาถึงเวลานี้คนไทยจำนวนมากก็เลิกสมหน้ากากอนามัย ใช้ชีวิตเกือบเป็นปกติแล้ว คำถามคือ ถึงเวลาที่เราจะต้องพิจารณาการหยุดฉีดวัคซีนและหยุดการรณรงค์ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง ด้วยเหตุผล 6 ประการดังนี้
ประการแรก มีความไม่โปร่งใสในการสื่อสารของประชาชนโดยทั่วไป
มีการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารในผลกระทบจากวัคซีนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย และแอพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารเผยแพร่ข้อมูล และยอมรับโดยนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเมตต้าซึ่งครอบคลุมแพตฟอร์มเฟสบุ๊ค, อินสตาแกรม วอทซ์แอพซึ่งมีการยอมรับว่าถูกสั่งให้เซ็นเซอร์แม้กระทั่งข้อมูลที่เป็น “ความจริง” ก็ตาม[1] รวมถึงยูทูปก็มีนโยบายการลบและการปิดกั้นการเผยแพร่วีดีโอจำนวนมาก[2] อันแสดงให้เห็นความไม่โปร่งใสในการให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบด้าน
ประการที่สอง มีความขัดแย้งกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย
โดยการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากวัคซีนที่แถลงการณ์ของกรมควบคุมโรคระบุว่ามีเพียง 5 คนเท่านั้น[3] ในขณะที่เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนแล้วยื่นคำขอและได้รับอนุมัติแล้ว เฉพาะที่เสียชีวิต/ทุพพลภาพกลับมีมากถึง 5,483 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าคำแถลงของกรมควบคุมโรค 5,383%[4]
ความแตกต่างของตัวเลขที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ยังไม่ได้นับประชาชนอีกจำนวนมากและอาจจะมากกว่าหลายสิบเท่าตัว ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพแต่ไม่ได้มายื่นคำขอเพราะไม่เคยได้นึกถึงว่าเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีน
และในสภาพความจริงรอบข้างทุกคนสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ว่ามีผู้ที่มีสุขภาพร่างกายไม่เหมือนเดิม หรืออ่อนแอลงหลังฉีดวัคซีนเกิดขึ้นโดยทั่วไป
ประการที่สาม งานวิจัยเริ่มเผยแพร่ออกมามากขึ้นว่าวัคซีนมีผลข้างเคียงและอันตรายกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย
โดยผลการสำรวจข้อมูลวารสารวัคซีน (Vaccine) เผยแพร่ออนไลน์โดย ScinceDirect เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 โดยได้มำการการสำรวจอาการบางอย่างที่นักวิจัยสนใจ ในประชากร 99 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน ในเครือข่ายต่างๆ ใน ประเทศ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดาเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์และสกอตแลนด์ใช้วัคซีน พบผลข้างเคียงจากวัคซีน ที่มากกว่าคาดการณ์ในระดับสัญญาณเตือนเรื่องความปลอดภัยหลังฉีดวัคซีนภายใน 42 วันได้แก่
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (มากกว่าที่คาดการณ์ในวัคซีนแต่ละชนิดและในแต่ละเข็มตั้งแต่ 101%-510%) เนื้อเยื่อหัวใจอักเสบ (มากกว่าที่คาดการณ์ในวัคซีนแต่ละยี่ห้อและในแต่ละเข็มช่วงระหว่างตั้งแต่ 74%-591%) อาการกิแลง บาร์แร ซินโดรม (Guillain-Barré Syndrome) หรือการอักเสบเฉียบพลันที่เส้นประสาทส่วนปลายทำให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออย่างเฉียบพลัน (มากกว่าคาดการณ์ในวัคซีนยี่ห้อหนึ่งในเข็มแรก 149%) อาการปลอกประสาทของประสาทส่วนกลางอักเสบฉับพลัน (มากกว่าคาดการณ์ในวัคซีนยี่ห้อหนึ่งในเข็มแรก 278%) ภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน (มากกว่าคาดการณ์ในวัคซีนยี่ห้อหนึ่งในเข็มแรก 223%) ส่วนสัญญาณเตือความปลอดภัยที่มีศักยภาพอื่นๆต้องทำการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อชี้ชัดต่อไป[5]-[6]
แต่ผลการสำรวจที่กล่าวมาข้างต้นเป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ที่เป็นเชื้อชาติ “ฝรั่ง” ดังนั้นอาจจะเกิดขึ้นกับคนไทยไม่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานวิจัยจากผลการสำรวจการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาของประเทศไทยในช่วง 14 วันพบว่า
“มีเด็กและเยาวชนไทยได้รับผลกระทบจากวัคซีนทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือเนื้อเยื่อหัวใจอักเสบ มีสัดส่วนที่ “มากกว่า”ที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยาในวัคซีน mRNA ยี่ห้อหนึ่งถึง 23,156%” [7]-[8]
ยังไม่นับว่าผลข้างเคียงที่ “อยู่นานกว่า”งานวิจัยเหล่านี้ หรือเกิดขึ้นในภายหลังระยะเวลาที่วิจัยเหล่านี้ หรือบางคนอาจจะได้รับผลกระทบนานจนถึงปัจจุบันที่เรียกว่าลองวัคซีน ที่ทำให้สุขภาพร่างกายซึ่งกำลังเกิดขึ้นทั่วไปอยู่ในสังคมไทย ก็ยังไม่ได้มีการรบวรวมข้อมูลหรือทำวิจัยอย่างจริงจังในประเทศไทย
ประการที่สี่ มีผลข้างเคียงที่ไม่เคยรู้และไม่เคยประเมินมาก่อน
โดยผลข้างเคียงอีกมากจากทั่วโลกที่กำลังถูกทยอเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันหลายประเทศเพิ่งเริ่มให้ศาลบังคับให้เปิดเผยข้อมูลผลกระทบของวัคซีนอีกจำนวนมาก
ดังตัวอย่างเช่น กลุ่มนักการสาธารณสุข แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาที่ต้องการความโปร่งใสและเป็นธรรม ได้ฟ้องศาลให้เปิดเผยข้อมูลการวิจัยของไฟเซอร์และโมเดอร์นาเกี่ยวกับวัคซีน mRNA จนศาลมีคำสั่งให้ FDA ต้องเปิดเผยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป[9]
นั่นหมายความว่าข้อมูลหลายอย่างเพิ่งจะถูกเปิดเผย หรือกำลังจะเปิดเผยออกมา และอาจไม่เคยมีใครได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลเพื่อนำไปประมวลผลในงานวิจัยต่างๆมาก่อน อันเป็นผลทำให้วัคซีนปลอดภัยเกินความเป็นจริง
ตัวอย่างเช่นสื่อมวลชนอิสระที่ทำหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนได้นำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ DailyClout ด้วยจำนวนรายงานมากถึง 94 ชิ้น โดยได้เปิดเผยการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยอันเป็นผลกระทบจากวัคซีนจำนวนมาก[10]
ในขณะที่เว็บไซต์ในอังกฤษชื่อองค์กร saveusnow ได้รวบรวมงานวิจัยและผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากผลกระทบวัคซีนโควิด-19 ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 จากวารสารทางการแพทย์มากถึง1,011 ชิ้น ซึ่งครอบคลุมถึงภาวะการอุดตันของหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเนื้อเยื่อหัวใจอักเสบ โรคเส้นเลือดตีบ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ภูมิแพ้รุนแรง การเกิดอัมพาตของใบหน้า การอักเสบเฉียบพลันที่เส้นประสาทส่วนปลาย การเกิดมะเร็งและการเสียชีวิต[11]
นอกจากนั้นวารสาร Nature Reviews Drug Discovery ฉบับเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ที่ได้กล่าวถึงการหาหนทางที่จะลดภาวะความเป็นพิษของวัคซีน mRNA และรวมถึงความเป็นพิษของวัคซีนอื่นๆให้น้อยลง ซึ่งสะท้อนว่าวัคซีนยังไม่ความปลอดภัยไม่เพียงพอ[12]
ประการที่ห้า การเสียชีวิตของประชาชนคนไทยสูงขึ้นผิดปกติหลังปีที่ฉีดวัคซีน ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีคำตอบ
“กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์” โดยได้เคลื่อนไหวและให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 โดยได้นำเสนอสถิติอัตราการเสียชีวิตของคนไทยอย่างผิดปกติในแต่ละปีงบประมาณเอาไว้โดยมีสาระสำคัญว่า ประชาชนชาวไทยหลังการระบาดโรคโควิด-19 มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าก่อนช่วงการเกิดโรคระบาดโควิด-19
ปีงบประมาณ 2560 ประชาชนชาวไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น 465,389 ราย
ปีงบประมาณ 2561 ประชาชนชาวไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น 476,455 ราย
ปีงบประมาณ 2562 ประชาชนชาวไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น 497,339 ราย
ปีงบประมาณ 2563 (โควิด-19 ระบาด) ประชาชนชาวไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น 498,963 ราย
ปีงบประมาณ 2564 (โควิด-19 ระบาดเป็นปีที่ 2) ประชาชนชาวไทยเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 จนถึงปลายปีได้ถึง 100 ล้านโดส ประชาชนชาวไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น548,174 ราย
ปี 2564 เป็นโควิด-19 เป็นสายพันธุ์เดลต้า มีอันตรายทำให้ประชาชนคนไทยเจ็บป่วยและเสียชีวิตมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งควรจะเป็นปีสุดท้ายที่ประชาชนคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด
แต่ปีงบประมาณ 2565 (โควิด-19 หยุดการระบาดหนัก) ประชาชนชาวไทยกลับเสียชีวิตทั้งสิ้น 590,174 ราย ซึ่งมากกว่าปี 2564 ประมาณ 42,000 ราย
และปีงบประมาณ 2566 ประชาชนชาวไทยเสียชีวิต 576,516 ราย ก็ยังมากกว่าปี 2564 28,342 ราย
ซึ่งค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตของคนไทย 5 ปีก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 คือ473,375 รายต่อปี ปีงบประมาณ 2566 จึงมีผู้เสียชีวิตจากค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนโควิด-19 ถึง 103,141 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22
จนป่านนี้ก็ยังไม่มีคำตอบใดๆว่า คนที่เสียชีวิตอย่างผิดปกติตลอดปี 2565 และ 2566 เป็นคนที่เสียชีวิตทั้งที่ไม่ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนยี่ห้อไหน เข็มที่เท่าไหร่ และเสียชีวิตด้วยโรคอะไรในแต่ละกลุ่มเหล่านี้ และยังคงเป็นปริศนาในสังคมไทยต่อไป
ประการที่หก สัญญาระหว่างบริษัทวัคซีนกับรัฐบาลไทยเป็นความลับและไม่โปร่งใส
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัญญาที่ประเทศไทยทำเอาไว้กับบริษัทวัคซีน ก็กลับเป็น “สัญญาทาส” ทำให้เป็นความลับ ไม่สามารถได้รับการเปิดเผยได้
ดังปรากฏตัวอย่างของหนังสือที่นายพงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการพัฒนาการสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำหนังสือตอบกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ว่าจะไม่เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด ความตอนหนึ่งว่า
“ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อกำหนดในสัญญากำหนดให้คู่สัญญาต้องรักษาข้อมูลไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัดและไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับแก่บุคคลที่สาม
หากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับเนื่องจากคำสั่งของศาล กฎเกณฑ์ คำสั่งของรัฐบาล หรือข้อกำหนดภายใต้กฎหมายใดๆ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ต้องแจ้งไปยังบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้บริษัท ไฟเซอร์ จำกัด สามารถขอให้มีคำสั่งคุ้มครองตามสมควรหรือการเยียวยาอื่นๆ
และไม่ว่ากรณีใดๆ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ต้องไม่เปิดเผยข้อตกลงเกี่ยวกับการเงินหรือการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ ที่ปรากฏอยู่ในสัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด เว้นแต่มีการกำหนดโดยคำสั่งศาลหรือคำสั่งทางปกครอง
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขจึงไม่อาจเปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระหว่างประเทศไทยกับบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด ต่อสาธารณชน ตามที่ท่านร้องขอได้“[14]
ประเด็นที่เจ็ด สถานการณ์โควิด-19 ที่กลายพันธุ์นั้นไม่ได้มีความรุนแรงและอันตรายเหมือนเดิม วัคซีนที่ผลิตมาก็ไล่ตามหลังการกลายพันธุ์ ไม่ได้มีหลักประกันว่ามีประสิทธิภาพดีพอเมื่อเทียบกับความเสี่ยงผลข้างเคียงของวัคซีน และเมื่อสถานการณ์ไม่ฉุกเฉินแล้ว จึงไม่ควรให้คนไทยมีสถานภาพเป็นสัตว์ทดลองเพื่อผลประโยชน์ของธุรกิจวัคซีนอีกต่อไป
สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัคซีน มีความไม่โปร่งใสปิดกั้นการสื่อสารของประชาชนทั่วโลก มีความขัดแย้งกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทยที่แตกต่างกันอย่างมาก และมากกว่าที่กรมควบคุมโรคแถลงข่าว ในขณะที่งานวิจัยเริ่มเผยแพร่ออกมามากขึ้นว่าวัคซีนมีผลข้างเคียงและอันตรายกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย และยังมีผลข้างเคียงที่ไม่เคยรู้และไม่เคยประเมินมาก่อน โดยที่การเสียชีวิตของประชาชนคนไทยสูงขึ้นผิดปกติหลังปีที่ฉีดวัคซีนยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีคำตอบ ในขณะที่สัญญาระหว่างบริษัทวัคซีนกับรัฐบาลไทยเป็นความลับและไม่โปร่งใส อีกสถานการณ์โควิด-19 ที่กลายพันธุ์นั้นไม่ได้มีความรุนแรงและอันตรายเหมือนเดิม และสถานการณ์ไม่ฉุกเฉินแล้ว จึงไม่ควรให้คนไทยมีสถานภาพเป็นสัตว์ทดลองเพื่อผลประโยชน์ของธุรกิจวัคซีนอีกต่อไป
เฉพาะที่รัฐบาลไทยต้องมารับปัญหาภาวะลองวัคซีนก็เป็นปัญหาที่ประชาชนถูกโดดเดี่ยจากภาครัฐที่ไม่ยอมรับความจริงนี้ จึงไม่มีใครมาสนใจในการรักษาและเยียวยาคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว จริงหรือไม่?
ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่รัฐบาลไทยต้องมีความกล้าหาญประกาศหยุดรณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้แล้ว
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
อ้างอิง
[1] ผู้จัดการออนไลน์, ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ แฉยับ ‘ผู้มีอำนาจ’ สั่งเฟซบุ๊กเซ็นเซอร์ข้อมูลโควิด-19 แต่สุดท้ายหลายอย่างกลายเป็น ‘เรื่องจริง’, 12 มิถุนายน 2566
https://mgronline.com/around/detail/9660000053510
[2] Youtube Help, Medical misinformation policy
https://support.google.com/youtube/answer/13813322?hl=en
[3] กรมควบคุมโรค, ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องผลกระทบของวัคซีนโควิด 19 และข้อมูลการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดภายหลังการได้รับวัคซีน, เว็บไซต์สถาบันวัคซีนแห่งชาติ, 17 มกราคม 2567
http://nvi.go.th/2024/01/17/prnews_2567_01_ddc_covid-19vaccine/
[4] เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, รายงานผู้ได้รับสิทธิเยียวยาจากการได้รับผลกระทบจากวัคซีนระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567
https://subsidy.nhso.go.th/subsidy/?_trms=9e0133efad1b0b70.1641959148848&fbclid=IwAR1dZXMGOmb4imZdlpjd700r4gHLNmPSLVu_by_me1emYmqpLFqoVMn8Gow#/dashboard
[5] ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สรุปผลข้างเคียงวัคซีนเทพล่าสุด จากข้อมูล 99 ล้านคน!!!, เฟสบุ๊ค แฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567
https://www.facebook.com/100044511276276/posts/932191691607865/?
[6] K. Faksova, et al., COVID-19 vaccines and adverse events of special interest: A multinational Global Vaccine Data Network (GVDN) cohort study of 99 million vaccinated individuals. Vaccine, Available online 12 February 2024
https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0264410X24001270
[7] ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, เสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อ “เด็กและเยาวชนไทย”,เฟซบุ๊ค แฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, 22 กุมภาพันธ์ 2567
https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid02GRdng7WXUn8tBkcBxuXURkTeic233pboLPp8BbYf3vPkkt8J7inzMv7UKkP3yaz1l/?
[8] Suyanee Mansanguan, et al., Cardiovascular Manifestation of the BNT162b2 mRNA COVID-19 Vaccine in Adolescents., Tropical Medicine and Infectious Disease, Published: 19 August 2022, 7(8), 196; https://doi.org/10.3390/tropicalmed7080196
[9] ICAN, BREAKING: FEDERAL JUDGE ORDERS CDC TO RELEASE ALL V-SAFE FREE-TEXT ENTRIES IN A HUGE WIN FOR VACCINE SAFETY TRANSPARENCY, January 11,2024.
https://icandecide.org/press-release/breaking-federal-judge-orders-cdc-to-release-all-v-safe-free-text-entries-in-a-huge-win-for-vaccine-safety-transparency/
[10] Dailyclout, Investigation. 2022-2024
https://dailyclout.io/pfizer-and-moderna-reports/
[11] saveusnow, Covid Vaccine Scientific Proof Lethal, 5 January 2022
https://www.saveusnow.org.uk/covid-vaccine-scientific-proof-lethal/
[12] Dimitrios Bitounis, et al.,Strategies to reduce the risks of mRNA drug and vaccine toxicity., Nature Reviews Drug Discovery, 23 January 2024
https://www.nature.com/articles/s41573-023-00859-3
[13] ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, เปิดความจริง ทำไม “สุขภาพเราไม่ถึงเหมือนเดิม” กับผลสำรวจคนไทยมีผลกระทบจากวัคซีนและลองโควิด “หมอธีระวัฒน์” เตรียมลงนามกับ “อ.ปานเทพ” ร่วมวิจัยหาทางออก, ผู้จัดการออนไลน์, 12 มกราคม 2567
https://mgronline.com/daily/detail/9670000003494
[14] ผู้จัดการออนไลน์, อ้างติดเงื่อนไข สธ.ปฏิเสธเปิดสัญญา“ไฟเซอร์” คนไทยพิทักษ์สิทธิ์จวกยับ น่าเศร้า ขรก.ไทยกลัวบริษัทยา, 15 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000014134