xs
xsm
sm
md
lg

สิ่งที่พ่อของตะวันควรจะทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



คนรุ่นใหม่อย่างตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และสมาชิกกลุ่มทะลุวังอื่นๆ นั้น มีจุดยืนชัดเจนที่ไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบ 3 ประการของการเป็นรัฐไทย นั่นคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แน่นอนว่าเมื่อตะวันและพวกมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็ต้องเผชิญกับ 3 อำนาจหลักนั่นคือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการซึ่งทั้ง 3 อำนาจนี้มีหน้าที่ที่จะพิทักษ์ปกป้องระบอบและอุดมการณ์ของรัฐเอาไว้

และยิ่งตะวันกับพวกมีเจตนาที่ท้าทายฝ่าฝืนครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยิ่งมีความชอบธรรมที่รัฐจะใช้อำนาจเด็ดขาดเพื่อยับยั้งการกระทำ การที่พ่อของตะวันห่วงใยว่าลูกจะเสียชีวิตเพราะอดอาหารประท้วงและไปเรียกร้องให้ศาลรับผิดชอบนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เพราะศาลมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดระเบียบขึ้นในสังคม ศาลต้องพิทักษ์องค์ประกอบของรัฐมากกว่าการไปรับผิดชอบพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ตัวเองเป็นผู้กระทำ ถ้าหากว่าพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมีผู้กระทำต่อตะวัน นั่นต่างหากที่ศาลต้องรับผิดชอบด้วยการบังคับใช้กฎหมายเอาคนกระทำผิดมาลงโทษ แต่เมื่อการกระทำของตะวันเกิดขึ้นด้วยตัวเองจะไปเรียกร้องความรับผิดชอบจากศาลได้อย่างไร

พ่อของตะวันบอกว่า ตะวันยังไม่ถูกตัดสินว่ากระทำความผิด ดังนั้นไม่ควรที่จะถูกกุมขังไว้ แต่ความจริงศาลได้ให้ประกันตัวตะวันมาแล้วหลายครั้งต่อการกระทำผิด และเมื่อได้ประกันตัวมาแล้วก็ยังกระทำผิดซ้ำๆ ก็ย่อมที่จะมีความชอบธรรมที่ควบคุมตัวเอาไว้เพื่อไม่ให้กระทำผิดอีกมิใช่หรือ

ตะวันเรียกร้อง 3 ข้อออกมาจากคุกคือ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม-ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างอีก-ประเทศไทยไม่ควรได้เป็นคณะรัฐมนตรีสิทธิมนุษยชน

การเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนั้นมองเผินๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะต้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม แต่มีคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่ตะวันต้องการ ตะวันไม่ต้องการให้ศาลนำมาตรา 112 มาบังคับใช่หรือไม่ เพราะสิ่งที่ตะวันเรียกร้องเสมอมาก็คือ การยกเลิกมาตรา 112 แต่ตะวันเข้าใจและรับรู้ไหมว่า ในโลกนี้ทุกประเทศล้วนแล้วแต่มีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐทั้งสิ้น

การที่ตะวันบอกว่า ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะความเห็นต่างนั้น ก็ไม่ทราบว่ามีใครบ้างที่ติดคุกเพราะความเห็นต่าง เพราะการติดคุกตามมาตรา 112 นั้น หากความเห็นนั้นไม่เข้าข่ายดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ก็ไม่มีวันที่จะมีความผิดได้เลย และการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายไม่ใช่ความเห็นต่าง หากกระทำเช่นนั้นกับบุคคลธรรมดาก็มีความผิด

ประเทศไทยไม่ควรเป็นรัฐมนตรีสิทธิมนุษยชน ตะวันน่าจะหมายถึงคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 47 ประเทศ ที่จับฉลากโดยการจับสลาก “ลับ”จากสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดและต้องได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกสวนใหญ่ (majority) ของสหประชาชาติ นั่นแสดงว่า ถ้าไทยได้รับเลือกก็แสดงว่าสมาชิกส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนก็เป็นเรื่องของประชาคมโลก และหากไทยเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนก็ย่อมจะต้องปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามหลักการสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ

แทนที่พ่อจะไปโทษศาลหรือโทษกระบวนการพิจารณาของศาล ทำไมพ่อจึงไม่พูดกับลูกสาวของตัวเอง โดยส่วนตัวผมก็คิดว่าตะวันมีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตะวันมีสิทธิ์ที่อยากให้ประเทศไทยมีการปกครองด้วยระบอบอื่น แต่ถ้าตะวันแสดงออกมาอย่างนั้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รัฐไทยก็มีความชอบธรรมที่จะปกป้องระบอบของรัฐเอาไว้ด้วยการใช้มาตรการในทางกฎหมายเข้าจัดการซึ่งไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องทำเช่นนี้

เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แน่นอนว่า เมื่อมีคนล้มตายก็ต้องถือเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องเศร้าที่เลือดไทยต้องมาไหลรินเพราะคนไทยด้วยกันเอง แต่ถ้ารัฐไทยไม่ออกมาปราบปรามสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือการล้มล้างระบอบการปกครองและโค่นล้มระบอบกษัตริย์ที่เกิดขึ้นเป็นโดมิโนมารอบๆ บ้านเราไม่ใช่หรือ

พ่อต้องกลับไปทบทวนและย้อนนึกดูว่า อะไรที่ทำให้ตะวันมีความคิดเช่นนี้ และเมื่อความคิดของตะวันท้าทายต่อระบอบของรัฐแล้ว รัฐควรจะต้องทำอย่างไรกับลูกของพ่อ ยินยอมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นและแพร่กระจายออกไปโดยอ้างว่านั่นเป็นเสรีภาพและเป็นเพียงความคิดต่างเช่นนั้นหรือ

ตอน 6 ตุลาคม 2519 คนหนุ่มสาวก็เป็นเหยื่อการปลุกปั่นของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง อย่าให้คนหนุ่มสาวยุคนี้ต้องเป็นเหยื่อของพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบของรัฐอีกเลย แน่นอนล่ะถ้าวันหนึ่งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเรียกร้องเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นก็อาจจะยากที่จะต้านทานการเปลี่ยนแปลงได้ แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นได้ก็ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อชีวิตและการสูญเสียไม่มีรัฐไหนในโลกนี้ที่จะยอมกันได้ง่ายๆ หรอก

พ่อต้องถามว่า วันนี้ตะวันและพวกเป็นเครื่องมือของใครที่ต้องการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ศาลรัฐธรรมได้มีคำวินิจฉัยออกมาชัดเจนแล้ว ถ้าตะวันและพวกมีความมุ่งหมายที่จะต่อสู้เรียกร้องตามอุดมการณ์ของตัวเองมันก็ต้องเกิดการปะทะกับอำนาจรัฐอย่างแน่นอน และสิ่งที่ตามมาก็คือคุกตะรางอย่างที่ได้รับในวันนี้

ไปดูสิว่า วันนี้คนกลุ่มไหนที่ดันอยู่ข้างหลังใครกันที่ยุยงปลุกปั่นให้คนรุ่นใหม่ออกมาต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคการเมืองไหนที่ใช้คนหนุ่มสาวเป็นเครื่องมือ และมีพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ไหมจากความพยายามที่จะยกเลิกมาตรา 112

ศาลรัฐธรรมนูญชี้แล้วว่า การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองในคดีนี้เสนอร่างกฎหมายโดยมีเนื้อหาย้ายมาตรา 112 ออกจากลักษณะความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเป็นการกระทำเพื่อมุ่งหวังให้ความผิดมาตรา 112 เป็นความผิดที่ไม่มีความสำคัญและความร้ายแรงในระดับเดียวกับความผิดอื่นในหมวดความมั่นคงฯ มีเจตนามุ่งหมายจะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกันซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

ผู้ถูกร้องมุ่งหมายให้พระมหากษัตริย์เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่ายต่อสู้แข็งขันรณรงค์ทางการเมืองอันอาจนำมาสู่การติเตียนโดยไม่เคารพหลักการที่พระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือการเมือง การกระทำของผู้ถูกร้องในการหาเสียงดังกล่าวมีเจตนาเซาะกร่อนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมโทรม

นี่คือสิ่งที่ตะวันและคนรุ่นใหม่กลายเป็นเครื่องมือเพื่อไปสู่เป้าหมายนี้ที่ไม่มีวันที่รัฐจะยอมให้เกิดขึ้น

คุณสมหมาย ตัวตุลานนท์ครับคุณต้องรู้ว่าลูกสาวของคุณกำลังต่อสู้กับอะไร และใครบ้างที่เป็นตัวชักนำลูกสาวคุณมาสู่สิ่งนี้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องป้องกันและสอนให้ลูกสาวของคุณรู้ว่า ไม่มีใครยอมให้เกิดขึ้นหรอก บ้านเมืองมีกฎหมายและขื่อแป อย่าว่าแต่อำนาจรัฐเลยคนไทยจำนวนมากก็คงยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้

เข้าใจครับว่าลูกใครใครก็รัก ชีวิตทุกชีวิตมีคุณค่า แต่สิ่งที่คุณกำลังเรียกร้องต่อศาลและบุคคลอื่นนั้น คุณลองไปทบทวนตัวเอง และหาทางที่จะกล่อมเกลาลูกของตัวเองไม่ดีกว่าหรือ
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น