อพท. จัดงาน “DASTA FORUM 2024 ในวาระพิเศษครบรอบ 20 ปี อพท.” ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ร่วมเดินทางเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน เตรียมปักหมุดพัฒนาพื้นที่พิเศษส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลเรื่อง Soft Power ดันมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับโลก
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.67 ณ BCC Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย น.อ.อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมเปิดงาน “DASTA FORUM 2024 ในวาระพิเศษครบรอบ 20 ปี อพท.”
น.อ.อธิคุณ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา อพท. ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการลงไปประสานงานและประสานการใช้อำนาจและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษเพื่อให้เกิดความยั่งยืน มีเป้าหมายในการเป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อส่งมอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
น.อ.อธิคุณ เปิดเผยด้วยว่า อพท.ได้นำอัตลักษณ์และความโดดเด่นของแต่ละพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ได้ประกาศแล้ว 9 พื้นที่ มานำเสนอ ได้แก่ 1.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง, 2.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง, 3.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมรดกโลกสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร, 4.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย, 5.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน, 6.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทองและพื้นที่เชื่อมโยง, 7.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา, 8.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย และ 9.พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนคุ้งบางกะเจ้า
น.อ.อธิคุณ กล่าวอีกว่า อพท.ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสร้าง และกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น และให้เกิดความยั่งยืนโดยมีผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษให้เกิดความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล โดยใช้แนวทางตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria : GSTC) จนได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกและได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ ต.ในเวียง จ.น่าน, พื้นที่ ต.เมืองเก่า จ.สุโขทัย, พื้นที่ ต.เชียงคาน จ.เลย, พื้นที่เกาะหมาก จ.ตราด และพื้นที่คลองท่อม จ.กระบี่ และล่าสุด อ.เชียงคาน จ.เลย ก็ได้รับเหรียญเงินแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก Green Destinations Award แห่งแรกในอาเซียนอีกด้วย
ผู้อำนวยการ อพท. เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ อพท. ยังร่วมพัฒนาและยกเมืองสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network : UCCN) จำนวน 4 เมือง ได้แก่ สุโขทัย (เมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน), เพชรบุรี (เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร), เชียงราย (เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ) และสุพรรณบุรี (เมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรี) รวมทั้งยังได้ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการท่องเที่ยวสู่การเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก จนได้รับรางวัล PATA Gold Awards 5 รางวัล ได้แก่ 1.การสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาอาชีพเพื่อยกระดับรายได้ของกลุ่มสตรีในพื้นที่พิเศษภายใต้แบรนด์ “น่านเน้อเจ้า”, 2.การสืบสานรากเหง้าแห่งภูมิปัญญาสู่การพัฒนาเยาวชนที่ยั่งยืน “DASTA NAN Youth Club”, 3.การพัฒนาหลักสูตรการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อชุมชนเชิงบูรณาการ (Certificate in CBT Integrated), 4.การสนับสนุนชุมชนบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ฟื้นคืนชีวิตให้มรดก (Heritage) ผ่านการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน และ 5.การฟื้นฟูชุมชนย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเพชรบุรีให้กลับมามีชีวิตด้วยการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงวัฒนธรรม
“นับจากนี้ อพท. ยังคงเตรียมปักหมุดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยยึดหลักการพัฒนาตามแนวทาง การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) เชื่อมโยงพื้นที่พัฒนาที่สำคัญเพื่อสร้างความสมดุลทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องตามจุดเน้นของแผนแม่บทภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยจะทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนทุกภาคี การพัฒนาให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมแบบ Co-Creation & Co-Own คือ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมรับผลประโยชน์ และร่วมเป็นเจ้าของ เพื่อให้ทุกภาคส่วน เกิดความหวงแหนในทรัพยากรการท่องเที่ยวร่วมกัน“ น.อ.อธิคุณกล่าว
น.อ.อธิคุณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ว่า อพท. จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ ตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญ 4 ด้านเพื่อมุ่งสู่ “การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสู่การเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทยให้เป็นเมืองน่าเที่ยวและน่าอยู่” ได้แก่ 1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล , 2.เพิ่มและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนท้องถิ่น, 3.พัฒนา Soft Power สนับสนุน ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ประเพณีท้องถิ่น และพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และ 4.การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผลักดันให้แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษก้าวเข้าสู่การยอมรับในเวทีระดับโลกต่อไป
”ในปี 2567 จะมีการพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวเดิมด้วยการอัปเกรดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้แต่ละพื้นที่ก้าวไปสู่การได้รางวัล Top 100 เน้นการท่องเที่ยวในรูปแบบรักษ์โลกอย่างยั่งยืน ช่วยลดมลภาวะ กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่ปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ในปี 2567 กำลังศึกษาศักยภาพในพื้นที่พิเศษ เกาะคอเขา จ.พังงา และพื้นที่คลองท่อม จ.กระบี่ โดยเฉพาะพื้นที่คลองท่อมมีน้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษและยังไม่สามารถดึงมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เตรียมที่จะผลักดันเป็นพื้นที่พิเศษโดยจะมีการทำงานกับชุมชนและทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันเตรียมศึกษาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ด้วย” น.อ.อธิคุณ กล่าว.