ในการรวมกลุ่มโดยมีกระบวนการจัดตั้ง ไม่ว่าจะทางสังคมหรือทางการเมืองชื่อของกลุ่ม ชื่อของชุมนุมหรือแม้กระทั่งชื่อของกิจกรรมที่กลุ่มดำเนินการ จะบ่งบอกถึงเจตนาและพันธกิจที่ทางกลุ่มจะดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่กลุ่มตั้งไว้
ดังนั้น โดยนัยแห่งคำกล่าวข้างต้น คำว่า กลุ่มทะลุวัง คงจะหมายถึงกลุ่มที่มุ่งปะทะหรือเผชิญหน้ากับสถาบันพระมหากษัตริย์ในรูปแบบต่างๆ โดยตรง
ด้วยเหตุที่กลุ่มนี้มีพันธกิจดังกล่าวแล้วข้างต้น แกนนำของกลุ่มไม่ว่าจะเป็นบุ้งหรือตะวัน จึงได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวไม่เหมาะสมต่อสถาบันหลายครั้งหลายครา ในรูปแบบที่หลากหลาย แต่ล้วนที่คนไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบันเห็นแล้วรับไม่ได้กับพฤติกรรมเถื่อนถ่อยของคนกลุ่มนี้
ล่าสุดทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มทะลุวังได้ขับรถบีบแตรไล่ตามขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพฯ และถูกตำรวจสกัดกั้นจนมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ โดยการพูดวาจาในทำนองยั่วยุ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ใจเย็นไม่หลงกลเล่นตามเกมจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ต่อมาคนกลุ่มนี้ได้แสดงพฤติกรรมท้าทายกฎหมายและคนที่จงรักภักดีโดยการไปทำโพลที่สถานีรถไฟฟ้าสยามพารากอน และได้ปะทะกับกลุ่มคนปกป้องสถาบันหรือถึงกับทำร้ายกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนปกป้องสถาบันได้ไปแจ้งความแล้ว
อันที่จริงตะวันมิใช่กระทำการในทำนองนี้ครั้งแรก แต่ได้ทำมาแล้วหลายครั้งทั้งได้ตกเป็นจำเลยในข้อหากระทำผิดมาตรา 112 และได้ประกันตัวออกมาก็ได้กระทำผิดโดยการขับรถบีบแตรไล่ตามขบวนเสด็จฯ ของกรมสมเด็จพระเทพฯ ด้วยท่วงทำนองเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมาย และไร้สำนึกในความเป็นคนไทยซึ่งล้วนแล้วแต่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงทำให้เชื่อได้ว่าคนกลุ่มนี้ทุกคนถูกปลูกฝังความเกลียดชังไว้ในสมองจนยากที่จะล้างออกได้
ด้วยเหตุนี้ การจับกุมฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วให้ประกันตัว จึงไม่ต่างอะไรกับจับเสือจากป่าแล้วปล่อยคืนสู่ป่า เสือก็คือเสือจะกลายเป็นแมวเชื่องๆ เพียงจับมาคุมขังชั่วคราวแล้วปล่อยคืนสู่ป่าย่อมเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น ถ้าจะแก้ไขและป้องกันปัญหานี้ จะต้องมีมาตรการแตกต่างไปจากเดิมซึ่งอาจดำเนินการได้ดังต่อไปนี้
1. สืบหาต้นตอหรือที่มาของเงินและความคิดในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อพบแล้วแก้ให้ตรงจุดโดยตัดเส้นทางการเงิน และขจัดต้นตอความคิดชนิดถอนรากถอนโคนให้หมดไป
2. ในการจัดตั้งมวลชนเพื่อดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผู้จัดตั้งจะต้องหาเหตุอ้างในการปลุกระดม และเหตุที่ว่านี้คงหนีไม่พ้นการทุจริต คอร์รัปชันในภาครัฐ การเหลื่อมล้ำในสังคม ความไม่เสมอภาค ความไม่เป็นธรรมในสังคม เจ้าหน้าที่รัฐรังแกประชาชน และศักดินาทำตัวเป็นอภิสิทธิชนเหนือคนทั่วไป เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าจะแก้และป้องกันการปลุกระดมก็จะต้องแก้ที่ต้นเหตุ โดยการลดเหตุอ้างและขจัดให้หมดไป โดยเฉพาะการทุจริต คอร์รัปชันในภาครัฐและการรังแกประชาชนจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทำให้เกิดความไม่ชอบธรรมในสังคมโดยรวม
3. ในการจับกุมและฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำผิด ควรกระทำด้วยความรอบคอบ และรวดเร็วไม่ปล่อยให้คนกลุ่มนี้รวมพลังชุมนุมต่อรองจนทำให้ประชาชนมองว่า เหมือนหมอเลี้ยงไข้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เฉกเช่นยุคที่ผ่านมาที่จับแล้วปล่อยแล้วจับ ทำให้ผู้กระทำผิดย่ามใจไม่เกรงกลัวกฎหมายทำผิดซ้ำซาก จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้อถอย หมดกำลังใจในการจับกุม
ดังนั้น ถ้าไม่มีการแก้ไขให้ตรงจุดและป้องกันอย่างเข้มแข็ง เชื่อได้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มที่รุกรานและก้าวร้าวต่อสถาบันกับกลุ่มปกป้องสถาบันค่อนข้างแน่นอน เพราะจะต้องไม่ลืมว่า พฤติกรรมถ่อยเถื่อนมิอาจป้องกันได้ด้วยกฎหมายของคนที่เจริญแล้ว แต่เหมาะที่จะแก้ไขและป้องกันด้วยกฎหมู่ ในทำนองเกลือจิ้มเกลือเฉกเช่นยุคดึกดำบรรพ์
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนในฐานะเป็นชาวพุทธไม่อยากให้ถึงกับใช้กฎหมายเถื่อน แต่ขอให้จบลงด้วยกฎแห่งมโนธรรมคือ ความสำนึกในบุญคุณของแผ่นดิน โดยที่ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันแล้วทำเพื่อประเทศ และประชาชนโดยรวม เยี่ยงพลเมืองที่ดีมีวัฒนธรรม