"โสภณ องค์การณ์"
บ้านเมืองแต่ละวันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่างแต่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสู่ด้านดี ผู้นำรัฐบาลดูเหมือนจะมีกิจกรรมอะไรทำเยอะแต่ก็เป็นลักษณะสะเปะสะปะ ไม่รู้ว่าใครมีอำนาจแท้จริงแต่ละวัน แต่ละเรื่อง
แบบนี้ฝรั่งเรียกว่า Much ado about nothing!
หาอะไรเป็นสาระจำเป็นอย่างที่บ้านเมืองต้องการไม่ได้ สภาพการอย่างนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรก รัฐบาลไหนก็ทำกันถ้าต้องการหักเหความสนใจของประชาชนจากเรื่องที่ไม่ดีงาม
ประเด็นถกเถียงกันมากมายแทนที่จะเป็นเรื่องหนทางแก้ไขปัญหาของประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และโอกาสของประเทศไทย
ปรากฏว่าบ้านเมืองมาจมปรักติดกับดักอยู่กับความเคลื่อนไหวของขบวนการล้มเจ้าที่เร่งมือสร้างกิจกรรม อุบาทว์ บางกลุ่มต้องการให้ได้รับการยอมรับ
เมื่อเป็นเช่นนั้นย่อมมีความกล้าเสี่ยงในการละเมิดกฎหมาย นึกว่าเป็นของสนุกหรือได้รับการยอมรับจากพวกเดียวกันว่าใจถึง กล้าหาญ มีอุดมการแน่วแน่
เมื่อเกิดเหตุดังเช่นกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์พยายามขับรถไล่ขบวนเสด็จ ในลักษณะที่ต้องการทำคอนเทนท์สำหรับโซเชียลมีเดีย แล้วปรากฏว่าได้ผลดังใจ
ผู้กระทำดังกระหึ่มทั่วประเทศมีทั้งเสียงชื่นชม ปกป้อง จากพวกเดียวกัน และก็มีเสียงแช่งด่าจากประชาชนสารพัดทิศ ว่าเยาวชนเหล่านี้ขาดจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นชาติ เนรคุณแผ่นดิน
ประชาชนที่เห็นพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่า “ ทะลุ” อะไรก็ตามย่อมถูกสรุปได้ว่าเป็นกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์โดยพฤติกรรมและแนวคิดฟ้องให้เห็นชัด
เมื่อเป็นข่าวในสื่อก็มีการปั่นกระแสตอบสนองโดยสื่อต่อต้านสถาบันกษัตริย์และนักการเมืองซึ่งมีแนวคิดเดียวกัน เป็นโอกาสเหมาะที่จะขยายเรื่องเข้าไปสู่การอภิปรายในสภาผู้แทน
เรื่องผิดกฎหมายธรรมดาด้านการจราจรและคุกคามผู้อื่นกลายเป็นเรื่องที่ดึงประชาชนเข้ามาถกเถียงว่าพฤติกรรมเช่นนั้นเหมาะสมหรือไม่ภายใต้สิทธิที่ทุกคนต้องมี
กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเบี่ยงเบนประเด็น สร้างเรื่องต่อยอดให้กลายเป็นวาระต้องถกเถียงกัน ยิ่งจะเหมาะกว่านี้ถ้าเรื่องลุกลามไปต่างประเทศ เข้าทางองค์กรที่ให้เงินสนับสนุนกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในไทย
ต้องพูดถึงข้าราชการไม่ใช่เฉพาะตำรวจ แต่ต้องเป็นทุกคนที่มีตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตในหน่วยงานราชการต่างๆซึ่งทุกคนย่อมมีหน้าที่ปกป้องสถาบันกษัตริย์ เราได้เห็นความเงียบเฉย ไร้ความกระตือรือร้น
นั่นเป็นเพราะว่าคนเหล่านั้นแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตยศสูงแต่เค้ามองว่าเรื่องนี้ “ ธุระไม่ใช่” ไม่สมควรเข้าไปอยู่ในวงจรความขัดแย้ง ไม่ควรเปลืองตัว ให้มีปัญหา
เราก็จะได้เห็นขบวนการต่อต้านสถาบันกษัตริย์โดยพรรคการเมืองที่หลอกใช้ เยาวชนให้เป็นแนวหน้าและรับโทษติดคุกแทน ขณะที่พวกตัวเองโกยคะแนนและอาจมีเงินสนับสนุนจากต่างประเทศอีกด้วย
กลุ่มเหล่านี้มีทุกยุคในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นชาติใด ถือว่าเป็นกลุ่มเสนียดจัญไรกาลีบ้านเมือง เป็นภาระแก่แผ่นดิน และจะก่อความวุ่นวายโดยใช้กฎหมายคุ้มครองตัวเอง
ถ้าข้าราชการทุกหน่วยงานพร้อมกันแสดงออกให้เห็นว่ารังเกียจพฤติกรรมเสนียดจัญไร ไม่ให้การสนับสนุนกลุ่มพวกนี้ก็จะไม่ขยายตัวได้
ยิ่งมีโซเชียลมีเดียและเครือข่ายสื่อต่างๆ ก็จะเป็นตัวช่วยสะท้อนให้เห็นการไม่ยอมรับขบวนการต่อต้านสถาบันกษัตริย์ แต่น่าเสียดายที่สื่อทางเลือกหลายแห่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและสนับสนุนกลุ่มล้มเจ้า
บ้านเมืองคงจะต้องอยู่ในสภาพวุ่นวายไปอีกระยะหนึ่งเพราะยังมีประเด็นนักโทษชายเด็ดขาดชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจะออกมาเป็นอิสระและจะเป็นผู้กำหนดทิศทางการเมือง
นั่นหมายความว่าจะมีประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านความชอบธรรม และพฤติกรรมของข้าราชการบางพวกที่อำนวยความสะดวกให้นักโทษชายเด็ดขาดไม่ต้องรับโทษจำคุกแม้แต่วันเดียว
นี่เป็นวาระแห่งความอัปยศแห่งชาติโดยแท้ และคนทั่วไปก็ไม่รู้สึกว่าบ้านเมืองอยู่ในสภาพเสื่อม เกียรติภูมิ สถาบันกษัตริย์ถูกละเมิด ระบบนิติรัฐนิติธรรม ไร้อำนาจ ขาดความน่าเชื่อถือ
เมื่อปัญหาเหล่านี้มาผสมผสานกันก็จะเป็นตัวถ่วงในการขับเคลื่อนรัฐบาลให้ผ่านพ้นปัญหาที่รุมเร้าอยู่ และชาวบ้านกลุ่มผู้มีรายได้น้อย มีปัญหาหนี้สินคงจะแทบไร้โอกาสลืมตาอ้าปากได้
รัฐบาลซึ่งจะอยู่ภายใต้อำนาจของนักโทษชายเด็ดขาดระยะหนึ่งแต่คงมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้าที่เข้าทางสำหรับการอยู่ต่อในอำนาจแบบมั่นคงพร้อมผลประโยชน์ให้กลุ่มที่สนับสนุนโดยเฉพาะภาคธุรกิจ
ประเทศไทยจึงไร้ผู้นำที่มีจิตสำนึกดีงาม รับผิดชอบห่วงใยความอยู่รอดของ ชาติและสถาบันหลักรวมถึงโอกาสที่ประชาชนจะอยู่ในสภาพดีกว่าที่เป็นอยู่
มีแนวความคิดจากบางแหล่งชี้แนะว่าอาจจะถึงวาระที่จำเป็นต้องล้างไพ่ หรือ reset โครงสร้างของประเทศรอบใหม่เพื่อการวางรากฐานที่ถูกต้องและยังยืน
แต่จะอยู่เหมือนกับการต้องผ่าตัดใหญ่ เปลี่ยนอวัยวะสำคัญและต้องให้เวลาเยียวยาเพื่อฟื้นฟู นั่นหมายความว่าจะต้องผ่านการเจ็บปวดอย่างมาก ซึ่งก็มีความเสี่ยงว่าจะเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
ทางเลือกอื่นดูแล้วก็ไม่ต่างจากสภาวะที่ผ่านมา และเริ่มมีเสียงดังของกลุ่มคนท้อถอยทำนองว่า “อะไรจะเกิดก็ช่างมัน บ้านเมืองไม่ใช่ของกูคนเดียว”
ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ประเทศไทยจะต้องหาคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าเราไม่มีทางออกเพื่อให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพดีกว่านี้อีกแล้วหรือ และถ้ามีจะต้องรออีกนานแค่ไหน