ไหนๆ ก็จะเพิ่งผ่าน “เทศกาลตรุษจีน” ไปหมาดๆ ช่วงระหว่างนี้...เลยคงแทบไม่ต้องไปสนใจพวก “โลกตะวันตก” อย่างคุณพ่ออเมริกาหรือพันธมิตรพรมเช็ดเท้ายุโรปให้ต้องมากเรื่อง-มากความโดยใช่เหตุ เพราะออกจะหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ลูกเดียวเท่านั้นเอง สู้หันมาสำรวจตรวจสอบ พวก “โลกตะวันออก” โดยเฉพาะแถบบ้านใกล้-เรือนเคียงประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา อย่างคุณพี่จีน เป็นต้น น่าจะเหมาะกว่า...
เพราะเท่าที่เห็นข่าวแวบๆ จากสำนักข่าวตะวันตกอย่าง “รอยเตอร์” ที่อ้างแหล่งข่าว รายงานข่าว ว่าช่วงระหว่างการซ้อมรบ “Talisman Sabre” ระหว่างคุณพ่ออเมริกากับออสเตรเลีย เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมปีที่แล้ว ระดมกำลังทหารถึง 34,000 นายจาก 13 ประเทศ คุณพ่อท่านได้ขนเอาอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิดขึ้นรถเทรลเลอร์ถึง 330 คัน บรรทุกใส่ตู้คอนเทนเนอร์ถึง 130 ตู้ เอามาซุกๆ ซ่อนๆ ไว้แถบภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย โดยว่ากันว่า...เพื่อเอาไว้ “สู้กับจีน” ถ้าหากคิดจะ “บุกไต้หวัน” ขึ้นมาเมื่อไหร่ ส่วนจะจริง-ไม่จริง น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ คงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก” กันเอาเอง...
แต่ก็นั่นแหละ...การ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนในทะเลจีนใต้ ยังไงๆ ก็คงไม่ได้ลดราวาศอกเอาง่ายๆ แม้ว่าช่วงหลังนี้ “ดาวยั่วดวงใหม่” อย่างฟิลิปปินส์ภายใต้รัฐบาล “มาร์คอส จูเนียร์” อาจเล่นบทไม่ออกอยู่มั่ง เพราะดันถูกอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ อย่าง “ดูเตอร์เต” เข้ามารบกวนสมาธิ ถึงขั้นคิดแยกเกาะ แยกดินแดน อะไรไปโน่น แต่โดย “ดาวยั่วดวงเดิม” อย่าง “ไต้หวัน” ก็ยังถือเป็นดารา เป็นตัวละครตัวหลัก ที่จะทำให้ “แนวรบทะเลจีนใต้” ร้อนฉ่า-ไม่ร้อนฉ่า ขึ้นมาเมื่อไหร่? หรือไม่? อย่างไร? อันจะส่งผลให้บรรดาประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงทั้งหลายอยู่สุข-อยู่ไม่สุขก็ด้วยบทบาทของตัวละครตัวนี้นั่นแล...
อย่างไรก็ตาม...ถ้าใครได้มีโอกาสอ่านข้อเขียน บทความ ชิ้นล่าสุด ของนักวิเคราะห์ชาวรัสเซีย อย่าง “นายKirill Babaev” ว่าด้วยเรื่อง “Here’s why the result of Taiwan’s election is bad news for the US” หรือทำไมผลการเลือกตั้งผู้นำไต้หวันรายใหม่ถึงได้ถือเป็น “ข่าวร้าย” สำหรับประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์อย่างคุณพ่ออเมริกา ก็อาจพอได้ถอนหายใจโล่งๆ ขึ้นมาได้บ้าง แม้สักเฮือก-สองเฮือกก็ยังดี คือ “นายKirill Babaev” รายที่ว่านี้ ต้องเรียกน่าจะ “ไม่ธรรมดา” อีกเช่นกัน นอกจากจะเป็นศาสตราจารย์ เป็นด็อกเตอร์แห่งสถาบัน “The Institute of China and Modern Asia of Russian Academy of Sciences” หรือถือเป็น “กูรู-กูรู้” เป็นผู้รู้-ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนเป็นการเฉพาะแล้ว ยังมีสถานะเป็นรองประธานสูงสุดแห่งคณะกรรมการวิจัยของกลุ่มประเทศ “BRICS” อีกด้วยต่างหาก...
และโดยทัศนะ มุมมอง ของ “นายKirill Babaev” รายที่ว่านี้...ค่อนข้างมองความเป็นไปของ “โลกตะวันออก” อย่างคุณพี่จีนออกจะสดใส ซาบซ่า อยู่พอสมควรทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับปมประเด็นความขัดแย้งที่เป็นเสมือน “ระเบิดเวลา” สำหรับภูมิภาคแห่งนี้ นั่นคือ...กรณีการรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียว หรือกรณี “ปัญหาไต้หวัน” นั่นเอง ถึงขั้นคาดเดาเอาไว้ว่า โอกาสที่คุณพี่จีนจะรวมดินแดนไต้หวันให้เข้ามาเป็นอันหนึ่ง-อันเดียวกับแผ่นดินใหญ่ โดยไม่ต้องเสียแม้แต่กระสุนนัดเดียวก็ใช่ว่าจะเป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย!!! และ “ความเป็นไปได้” ที่ว่านี้ อาจอุบัติขึ้นมาไม่เกินไปกว่าปีค.ศ. 2049 หรืออาจประมาณอีก 5 ปีข้างหน้า อันเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเลือกตั้งไต้หวันครั้งใหม่กันอีกหน...
โดยสิ่งสำคัญที่นักวิเคราะห์รายนี้ท่านหยิบมาใช้เป็น “น้ำหนัก” ในการชั่ง-ตวง-วัด ถึงการ “ผ่อนคลายความขัดแย้ง” ระหว่างจีน-ไต้หวัน อันจะทำให้แนวคิดที่อยาก “แยกตัวเป็นเอกราช” ของผู้มีอำนาจรายใด พรรคใดในไต้หวันก็ตาม มีแต่จะต้องเสื่อมคลายลงไปตามลำดับ ไม่อาจเล่นบทเป็น “ดาวยั่ว” หรือเป็นมือ-เป็นตีนให้กับคุณพ่ออเมริกา แบบที่ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนเคยทำให้บ้านเมืองตัวเอง ต้องพังพินาศ ย่อยยับ หาเศษ-หาซากแทบไม่เจอ ด้วยการรับบทดังกล่าวมาตั้งแต่กว่า 2 ปีที่แล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ นั่นก็คือ...“ความสัมพันธ์ทางการค้า” ระหว่างจีนกับไต้หวันนั่นเอง!!! ที่โดยตัวเลขกลมๆ เมื่อปี ค.ศ. 2023 หรือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง พุ่งปรู๊ดๆ ปร๊าดๆปาเข้าไปถึง 268,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ามูลค่าการค้าระหว่างอเมริกากับไต้หวันไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แถมยังสูงมากกว่าหรือพอๆ กันกับมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับ “พันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัด” อย่างรัสเซียซะอีกด้วยต่างหาก...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ด้วย “ผลประโยชน์” ที่ผูกพัน เกี่ยวพัน ระหว่างชาวจีนในแผ่นดินใหญ่กับบรรดาชาวจีนในดินแดนไต้หวันนั้น เป็นอะไรที่ “ยากส์ส์ส์” จะตัดขาด ยากที่จะสะบั้นหั่นให้แหลกลาญ ให้ย่อยแยกแตกกระจายไปเป็นชิ้นๆ แม้ว่าจะถูก “ปั่น” ถูก “ยั่วยุ” เพียงใดก็แล้วแต่ และแม้ว่าผู้ที่มีความคิด-ความอ่านเอียงกระเท่เร่มาทางอเมริกา อย่าง “Lai Qing-de” จะได้รับเลือกตั้ง ผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีสืบต่อจากผู้ที่คิดแยกตัวแยกประเทศไปเข้ากับอเมริกาอย่าง “นางTsai Ing-wen” ก็ตาม แต่การที่พรรค “DPP” หรือ “Democratic Progressive Party” ของ “นายLai” และ “นางTsai” ต้องสูญเสียที่นั่ง เสียจำนวน สส.ในรัฐสภาไต้หวัน ให้กับพรรค “Kuomintang” นับสิบๆ เก้าอี้ จนต้องกลายเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ในสภาฯ อันทำให้อาจถือเป็น “ชัยชนะของจีน” ในการคิดรวมดินแดนไต้หวันเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว จีนเดียว ได้แบบนิ่มๆ ชนิดอาจไม่ต้องเสียกระสุนเอาเลยแม้แต่นัดเดียว ด้วยประการละฉะนี้....
หรือด้วย “ผลประโยชน์” ระหว่างดินแดนทั้งสอง ที่ย่อมเป็นอะไรที่เหนือกว่า มี “น้ำหนัก” มากกว่า “ความคิด-ความอ่าน” หรือ “อารมณ์-ความรู้สึก” ที่สามารถผันแปรไปเป็นอื่น ตามกาลเทศะ ตามความหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงแห่งวัน-เวลา อีกทั้งการที่ไต้หวันต้องสูญเสียสถานะความยอมรับต่อบรรดาประเทศต่างๆ ที่เคยให้การสนับสนุนตัวเองไปทีละชาติ-สองชาติ ประเทศ-สองประเทศ อันเนื่องมาจาก “ข้อเสนอที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ” หรือของ “ผลประโยชน์” ทางการเมือง-เศรษฐกิจ ที่ประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกซึ่งกำลังใกล้จะผงาดขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ อย่างคุณพี่จีนนั่นเอง หยิบยื่นให้กับบรรดาชาติต่างๆ ประเทศต่างๆ ในแทบทุกซีกโลก จนมิอาจปฏิเสธใดๆ ได้อีกต่อไป...
การรวมชาติ-รวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างจีน-ไต้หวัน แบบเดียวกับการเกาะกลุ่ม รวมตัวของบรรดาชาติต่างๆ ใน “สหภาพยุโรป” หรือการผนึกแน่นแบบแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่าง “รัสเซีย-เบลารุส” จึงเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียรายนี้เชื่อว่า ไม่น่าจะไกลเกินไปกว่าปี ค.ศ. 2049 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยประการละฉะนี้...แล ส่วนจะจริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ คงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก” กันเอาเองก็แล้วกัน แต่ยิ่งถ้าหาก “โลกตะวันตก” หรือบรรดาพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” ทั้งหลาย ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาที่ชักใกล้ๆ จะเกิด “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ยิ่งเข้าไปทุกที หรือบรรดาชาติยุโรปประเภทอียู-อีย้วยทั้งหลาย ที่กำลังกู่ไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไม่ว่าในทางการเมือง-เศรษฐกิจ หรือกระทั่งการทหารก็แล้วแต่ ดันเกิด “เจ๊ง-กับ-เจ๊ง” ไม่เหลือเรี่ยว เหลือแรง พอที่จะสู้กับรัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ ได้อย่างที่เพียรพยายามเตรียมตัว-เตรียมใจเอาไว้ก่อนล่วงหน้า อันนี้...ก็ยิ่งถือเป็นทัศนะ มุมมอง ที่มีน้ำหนักยิ่งขึ้นไปใหญ่!!!
แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...ข้อวิเคราะห์ดังกล่าว เมื่อฟังแล้ว...อย่างน้อยก็พอได้ “ถอนหายใจ” ได้สักเฮือก-สองเฮือก ไม่ถึงกับต้องไปเคร่งเครียด ซีเรียส จนเส้นโลหิตในสมองอาจแตก หรืออาจประสาทแ-กเอาง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าหากมันยังไม่ถึงกับนำมาซึ่งฉากสถานการณ์แบบเปรี้ยงๆ-ปร้างๆ ขึ้นมาแถวๆ บ้านเรา หรือใกล้ๆ กับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย ที่จำหาทางต้องประคับประคองตัวเอง “เดินไต่เส้นลวด” ข้ามหน้าผาอันสูงชันมาไม่รู้จะกี่ปีต่อกี่ปีมาแล้ว ต้องหาทาง “ปลอดภัยเอาไว้ก่อน” หรือต้อง “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ให้ไม่น้อยไปกว่าบรรดา “ศรีธนญชัย” ทั้งหลาย จนชักจะเมื่อยแข้ง เมื่อยขา เมื่อยหน้า อันเนื่องมาจากการที่ต้อง “ตีสองหน้า” มาโดยตลอด นั่นแล...