xs
xsm
sm
md
lg

พรรคก้าวไกลในชื่อใหม่ จะโตกว่าเดิมจริงหรือ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สามารถ มังสัง


ชัยธวัช ตุลาธน
ในวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดว่า พรรคก้าวไกลมีเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเนื่องมาจากพรรคนี้ได้ประกาศนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และต่อมาได้มีผู้ร้อง กกต.ให้ดำเนินการยุบพรรคก้าวไกล ทั้งให้มีการยื่นฟ้องในข้อหาประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย

เกี่ยวกับประเด็นยุบหรือไม่ยุบพรรคก้าวไกล ได้มีนักวิเคราะห์การเมือง และนักวิชาการหลายท่านได้ออกมาแสดงความคิดเห็น และส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคก้าวไกลถูกยุบ และมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคนี้จะโตขึ้นกว่าเดิมในนามของพรรคใหม่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

แต่ผู้เขียนมองเรื่องนี้ในแง่ของการปฏิเสธแบบมีเงื่อนไขหรือถึงปฏิเสธโดยอาศัยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1.หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบ สส.ในสังกัดพรรคนี้ทั้งหมดที่ไม่ถูกลงโทษให้เว้นวรรคทางการเมืองไปอยู่รวมกันในพรรคเดียวหรือไม่?

2. นายทุนของพรรคจะยังคงหนุนพรรคใหม่เช่นที่เคยหนุนพรรคก้าวไกลหรือไม่?

3. การเมืองนอกสภาฯ ที่พรรคก้าวไกลหนุนหลังให้ชุมนุมจนทำให้หลายคนต้องโทษจำคุก แต่พรรคก้าวไกลไม่สามารถปกป้องคุ้มครองได้ รวมไปถึงการเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมมีแนวโน้มไม่ผ่าน

ดังนั้น กองเชียร์นอกสภาฯ ถอดใจเลิกหนุนพรรคใหม่หรือไม่?

ถ้าเงื่อนไข 3 ประการข้างต้นเป็นไปในทางลบคือ ไม่เอื้อต่อพรรคใหม่ ผู้เขียนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลในชื่อใหม่ไปไม่ถึงฝั่งแน่นอน

ในทางกลับกัน ถ้าเงื่อนไข 3 ประการข้างต้นเป็นไปในทางบวกคือ เป็นคุณแก่พรรคใหม่ พรรคก้าวไกลในชื่อใหม่ไปถึงฝันแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ผู้เขียนค่อนข้างจะเชื่อว่าพรรคก้าวไกลในชื่อใหม่ไม่น่าจะไปถึงฝัน ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. การยุบพรรคอนาคตใหม่อันเนื่องมาจากคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นสื่อเป็นความผิดของปัจเจกบุคคล และไม่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม เพียงแต่กระทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามจึงได้รับความเห็นใจจากประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่เบื่อการเมืองแบบเก่าและต้องการเห็นการเมืองแบบใหม่

แต่การยุบพรรคก้าวไกลอันเนื่องมาจากมีเจตนายกเลิกมาตรา 112 ซึ่งมีผลกระทบต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย จึงเชื่อได้ว่าส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคใหม่ในวงกว้างแน่นอน

2. สส.ในพรรคก้าวไกลก็ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 เพียงแต่เข้าพรรคนี้เพื่อต้องการเกาะกระแส และได้รับเลือกเป็น สส.โดยไม่ต้องลงทุนมากมายเหมือนพรรคอื่น

ดังนั้น เมื่อพรรคถูกยุบและกระแสเปลี่ยนไป สส.เหล่านี้อาจไปอยู่พรรคอื่น และในขณะเดียวกันผู้ที่จะเข้ามาใหม่ก็ลังเลเนื่องจากกระแสลดลง และคงจะไม่เข้ามาหรือเข้ามาน้อย

ด้วยเหตุปัจจัย 2 ประการข้างต้น ผู้เขียนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลในชื่อใหม่คงจะไม่โตแบบก้าวกระโดดอย่างที่บางคนคิดและคาดการณ์ไว้

อีกประการหนึ่ง ในการเป็นฝ่ายค้านเท่าที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลไม่มีบทบาทโดดเด่นในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่เห็นได้ชัดเจนว่าทำผิดกฎหมายหลายๆ ประเด็น แต่พรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำฝ่ายค้านนิ่งเฉยไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงเท่ากับเลือกค้านเป็นบางเรื่อง และไม่ค้านบางเรื่อง นี่ก็อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้พรรคด้อยค่าในการเป็นฝ่ายค้าน และสวนทางกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ในความหมายที่ว่า “โดยประชาชน เพื่อประชาชน ในทัศนะของโลกตะวันตกที่คนของพรรคนี้ยึดถือเป็นสรณะทางการเมือง

ดังนั้น การเมืองในภาพรวมหลังการยุบพรรคก้าวไกล จะมีผลกระทบตามมาหลายประการอนุมานได้ดังต่อไปนี้ จะมี สส.ส่วนหนึ่งไม่ย้ายไปอยู่พรรคใหม่ที่มีนายทุนและแกนนำพรรคก้าวไกลเตรียมไว้ แต่จะไปอยู่พรรคที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาลเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคเล็กซึ่งมีโอกาสต่อรองผลประโยชน์ได้มากกว่าพรรคใหญ่เช่น พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ประกอบกับมีข่าวหลุดรอดออกมาว่า ถ้านายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มีอันเป็นไปทางการเมือง ผู้นำของพรรคพลังประชารัฐหรือพรรครวมไทยสร้างชาติมีโอกาสได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าเผอิญข่าวนี้เป็นจริงเชื่อได้ว่า สส.หลายคนจะแห่กันเข้าสองพรรคนี้ เพราะจะต้องไม่ลืมว่านักการเมืองก็คือปุถุชนคนมีกิเลส จะต้องวิ่งหนีศัตรูและวิ่งเข้าหาผลประโยชน์ ในทำนองเดียวกับสิ่งมีชีวิตสองประเภทคือ คน และสัตว์จะเข้าหาอาหารและวิ่งหนีปัญหาจึงจะมีชีวิตอยู่ได้นาน


กำลังโหลดความคิดเห็น