xs
xsm
sm
md
lg

ทางรอดที่ยังมองไม่เห็น เมื่อฝากอนาคตไว้ในมือทักษิณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

 ด้วยเสียงข้างมากในสภารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะมีอุบัติเหตุอะไรที่อยู่ไปจนครบสมัย เพียงแต่อาจจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากเศรษฐา ทวีสิน เป็นแพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ก็ขึ้นก็นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณจะส่งสัญญาณให้เศรษฐาถอยหรือไม่ อนาคตของเศรษฐาจึงขึ้นกับนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณที่เป็นเจ้าของพรรคที่แท้จริง เช่นเดียวกับประเทศไทยตอนนี้ที่อยู่ในมือของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ


อนาคตของเศรษฐาขึ้นอยู่กับว่าการบ่มเพาะทดลองงานของแพทองธารจะประสบความสำเร็จและพร้อมจะขึ้นเป็นนายกรัฐฒนตรีเมื่อไหร่ หรือว่ากระแสความนิยมของเศรษฐาจะตกต่ำลงจนถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวไหม แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้า ณ เวลานั้นของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ

นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณจะอยู่ในห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจจนครบเกณฑ์ได้พักโทษในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ จากนั้นก็คงได้กลับไปอยู่บ้าน เมื่อนั้นบทบาทในการกำกับรัฐบาลของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณจะแจ่มชัดขึ้น แต่โจทย์ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณก็คือการเลือกตั้งในครั้งหน้าว่าจะรับมือกับพรรคก้าวไกลหรือพรรคใหม่อย่างไรหากพรรคก้าวไกลโดนยุบ

 ถึงตอนนี้มีพรรคการเมือง 2 พรรคที่มีโอกาสถูกยุบก็คือพรรคก้าวไกล และพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นกรณีเดียวกับที่พรรคอนาคตใหม่เคยประสบมาแล้ว หลังจากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า  นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ใช้นอมินีในการถือหุ้นบริษัทบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่นจำกัด และนายศุภวัฒน์ เกษมสุข นอมินีของนายศักดิ์สยามได้บริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทยจึงเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพรรคอนาคตใหม่เคยถูบยุบพรรคเพราะเหตุนี้มาแล้ว

ส่วนพรรคก้าวไกล จากผลพวงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ในคดีล้มล้างการปกครอง ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า พฤติการณ์ของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ จนต่อมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ได้ยื่นให้ กกต.เอาผิดพรรคก้าวไกล ด้วยการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์การเมืองกรรมการบริหารพรรค ตามมาตรา 92 (1) ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ

และนายสนธิญา สวัสดี กับนายธีรยุทธ ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิด สส.พรรคก้าวไกล 44 คน ที่ร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ต่อสภาสมัยที่แล้ว ในข้อหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

ดังนั้นทั้งสองพรรคคือพรรคภูมิใจไทยกับพรรคก้าวไกลจึงอยู่ในชะตากรรมที่อาจจะถูกยุบทั้งสองพรรค

 พรรคภูมิใจไทยนั้นหากถูกยุบพรรคโอกาสยากมากที่พรรคจะฟื้นกลับมา เมื่อคนที่เป็นนายทุนพรรคอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ไปด้วย เชื่อว่าแม้นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นเจ้าของพรรคตัวจริงและเล่นการเมืองอยู่หลังฉากยังคงอยู่ แต่ถึงจะตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ก็อาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม และเป็นไปได้สูงมากที่สมาชิกพรรคจะแตกกระสานซ่านเซ็นไปอยู่พรรคการเมืองอื่นเช่นพรรคเพื่อไทย และคงต้องรอดูว่านายเนวินจะออกมาเล่นการเมืองหน้าฉากด้วยตัวเองหรือจะดันใครมาเป็นหุ่นเชิดอีก

แต่พรรคก้าวไกลนั้นเชื่อว่า แม้จะเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่ เปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค เปลี่ยนหัวหน้าพรรคแล้วดันแถวสามออกมาสู้ก็จะไม่กระทบต่อฐานเสียงของพรรค เพียงแต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้แล้วว่า การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ความกระเหี้ยนกระหือรือซึ่งเป็นดีเอ็นเอของพรรคนี้ในการลดทอนบทบาทและสถานะของพระมหากษัตริย์ของพรรคนี้ก็จะต้องลดบทบาทและท่าทีลงไป แต่เชื่อว่า ความร้อนแรงของพรรคการเมืองพรรคนี้ในสายตาของผู้สนับสนุนพรรคจะไม่ลดลงไป และยิ่งมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเป็นโหวตเตอร์มากขึ้น มวลชนของพรรคนี้ก็จะยิ่งมากขึ้น

เหมือนที่เราบอกว่า กาลเวลาเป็นของพวกเขา แม้ว่าอาจจะไม่ชนะเลือกตั้งในสมัยหน้า แต่คนส่วนใหญ่ก็คาดการณ์และเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งข้างหน้าพวกเขาก็จะชนะและได้อำนาจรัฐ แต่พวกเขาจะบริหารประเทศได้หรือไม่ก็อยู่ที่ว่าพวกเขาจะลดทอนบทบาทที่ท้าทายต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ เพราะถ้าไม่องคาพยพและฝ่ายที่ดูแลด้านความมั่นคงของรัฐคงจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น แม้จะต้องเปลี่ยนผ่านและแย่งชิงอำนาจด้วยวิธีใดก็ตาม

เพียงแต่หากถึงวันนั้นก็อาจจะเกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงระหว่างมวลชนของพรรคก้าวไกลหรือพรรคใหม่ชื่ออะไรก็ตามของพวกเขากับฝ่ายที่คุมอำนาจรัฐ หากมาถึงขั้นนั้นสถานการณ์การเมืองไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่อยากจะคาดเดา

แม้ว่าในวันข้างหน้าบุคคลสำคัญของพรรคนี้ไม่ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ฯลฯ จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองกันหมด แต่เชื้อพันธุ์ที่พวกเขาหว่านเพาะไว้ก็ยังไม่หมดไปและมีแต่จะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ คนรุ่นใหม่ที่ยิ่งมองว่าพรรคและผู้นำของพวกเขาถูกทำลายมากเท่าใดก็ยิ่งจะเพิ่มแรงบันดาลใจให้พวกเขาลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐให้ได้ และเราจะหวังพึ่งการใช้อำนาจรัฐและมาตรการทางกฎหมายในการสกัดกั้นพวกเขาไปได้นานแค่ไหน

 ต้องยอมรับว่า ”ดีล” และพันธกิจของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณในการได้กลับประเทศและไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียวนั้น มีภารกิจในการรับมือกับพรรคก้าวไกล อนาคตของประเทศไทยถูกฝากไว้ในมือของทักษิณเพื่อตั้งรับการความท้าทายของพรรคก้าวไกลที่มีอุดมการณ์ท้าทายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพวกเขามีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปไม่ให้เหมือนเดิม

แต่จากผลการเลือกตั้งที่สะท้อนว่าความนิยมของพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นมาก จากหัวเมืองใหญ่ขยายไปเกือบทุกพื้นที่ที่พรรคก้าวไกลชนะในระบบบัญชีรายชื่อยิ่งต้องตระหนักว่า วันหนึ่งข้างหน้าหากเราไม่สามารถทำให้เห็นว่าอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลเป็นอันตรายต่อประเทศ ชัยชนะของพรรคก้าวไกลก็ยิ่งจะแผ่กว้างขึ้นจนยากจะทัดทาน แล้วหากพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งด้วยเสียงที่ถล่มทลายแต่ฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐที่แท้จริงไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นลองคิดดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างแล้วจะบานปลายกลายเป็นความรุนแรงไหม

ตอนนี้อำนาจรัฐอยู่ในมือของทักษิณลองคิดดูว่าการบริหารแบบทักษิณที่รวบการตัดสินใจทุกอย่างไว้ที่ตัวเองเหมือนกับที่รัฐบาลของทักษิณเคยทำนั้น จะสามารถครอบครองอำนาจรัฐและสร้างความนิยมให้เพิ่มขึ้นได้ไหม หรือยิ่งจะทำให้การเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงยิ่งจะรุนแรงและรวดเร็วขึ้น การย่ำอยู่กับการเมืองแบบเก่าโดยไม่สนใจความต้องการการเปลี่ยนแปลงจะผูกมัดใจประชาชนได้เพิ่มขึ้นไหม คิดดูว่าสิ่งนั้นจะแปรผลเป็นชัยชนะในการเลือกตั้งได้ไหม

ต้องยอมรับให้ได้ว่าการเติบโตของพรรคอนาคตใหม่มาถึงพรรคก้าวไกลและอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอีกถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบนั้น เพราะคนรุ่นใหม่และคนจำนวนมากเบื่อบทบาทของนักการเมืองที่เปลี่ยนกันเข้ามาบริหารประเทศและพวกเขามองว่าไม่สามารถฝากความหวังและอนาคตเอาไว้ในมือนักการเมืองได้ พวกเขาต้องการให้การเมืองเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ เปลี่ยนคนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารอำนาจรัฐ และขับไล่การเมืองเก่าให้ถอยไป

แต่คู่มือต่อกรที่อำนาจเก่าในสังคมไทยมีอยู่ตอนนี้ก็คือ ทักษิณและพรรคของทักษิณที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเมืองของตัวเองไปจากที่เคยเป็น แล้วอย่างนั้นมันจะดึงดูดให้คนส่วนใหญ่หรือคนรุ่นใหม่มาฝากความหวังเอาไว้ได้อย่างไร เราจะฝากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเอาไว้ในมือของทักษิณได้จริงๆหรือ

หรือเรามั่นใจว่าเราจะใช้อำนาจรัฐและกฎหมายในการเป็นเครื่องมือที่จะสกัดกั้นการท้าทายต่อระบอบของรัฐได้ตลอดไป หากเราไม่สามารถช่วงชิงมวลชนให้กลับมาเห็นว่า ระบอบและรูปแบบของรัฐเราที่เป็นอยู่นั้นต่างหากที่จะสามารถทำให้สังคมไทยมีความหวังได้ เพียงแต่เราต้องกำจัดนักการเมืองที่แสวงหาประโยชน์จากอำนาจให้หมดไป แต่เราจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไรหากเรายังต้องพึ่งพิงทักษิณซึ่งเป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่แสวงหาประโยชน์จากอำนาจ

 ทางออกที่มากกว่าการฝากความหวังไว้กับทักษิณก็คือ ต้องทำให้คนรุ่นใหม่และสังคมเห็นทางออกว่า รูปแบบของรัฐที่เป็นอยู่นี้ยังเป็นโอกาสของทุกคนที่จะเติบโตขึ้นในสังคมอย่างมีความหวัง ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการแข่งขัน มีอนาคตที่เป็นความหวังได้ ไม่ใช่ประโยชน์ตกอยู่กับคนที่กุมอำนาจรัฐและคนไม่กี่ตระกูลอย่างที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น