ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงแทบไม่ต้องไปเสียเวลาสนใจบรรดาพวกกองกำลังเล็กๆ อย่างพวกนักรบฮูตี เฮซบอลเลาะห์ พวกเครือข่ายนักรบชีอะห์ในอิรัก ซีเรีย ฯลฯ หรือพวก “Axis of Resistance-Islamic Resistance” ให้มากเรื่อง มากความ หรือแม้แต่ “หัวปลาหมึก” อย่างอิหร่าน ศัตรู-คู่กัดของคุณพ่ออเมริกาและอิสราเอลก็เถอะ แม้ว่าจะ “เสือล้างสิงห์หรือลิงล้างก้น” ในระดับไหนก็ตาม จะเปิดศึกโดยตรงกับอิหร่านหรือไม่? อย่างไร? แต่นั่นคงไม่น่าสนใจเท่ากับการหันมามอง “ศัตรูตัวจริง” ของคุณพ่ออเมริกา หรือที่นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันเองไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย เคยฟันธง-ฟันเฟิร์มมาโดยตลอดว่า “ศัตรูที่แท้จริงของอเมริกา ก็คือ...ระบบการเมือง-เศรษฐกิจแบบจักรวรรดินิยม หรือคือตัวตนของสหรัฐอเมริกานั่นเอง!!!”
เพราะโอกาสที่ประเทศมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาจะ “แตกดังโพละ” เกิดการแยกรัฐ แยกประเทศหรือจะเกิด “สงครามกลางเมือง” นับวันยิ่งมีสิทธิ์เป็นไปได้มากขึ้นๆ ดังที่นักคิด-นักประวัติศาสตร์เยอรมนี “นายTarik Cyril” ที่สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย “Koc University” ในตุรเคีย และเคยเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ว่าด้วยเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปจนถึงสงครามเย็น เขาอดไม่ได้ที่จะคันไม้-คันมือ ต้องออกมาเตือนบรรดาอเมริกันชนทั้งหลายไว้ในข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดเมื่อวัน-สองวันนี้เอง ว่า “Make no mistake, a new Civil War is very real prospect for the US” หรืออย่าได้ไปเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ในอเมริกาจะเป็นแค่เรื่องเพ้อๆ ฝันๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ มันชักเป็นเรื่องที่ “ใกล้จะจริง...ยิ่งกว่าจริง” ยิ่งเข้าไปทุกที!!!
แถมเมื่อวัน-สองวัน...ประธานขบวนการแยกรัฐเท็กซัส (Texas Nationalist Movement) อย่าง “นายDaniel Miller” ถึงกับออกมากู่ร้อง-ปองรัก ระบุว่า “Texit” หรือกระบวนการแยกรัฐเท็กซัสออกจากประเทศอเมริกา “อาจเกิดเร็วกว่าที่คิด” เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ถ้าหากคุณปู่ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ วิตถาร” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ก็แล้วแต่จะว่ากันไปที่เพิ่งชนะการหยั่งเสียงเริ่มแรกที่รัฐเซาท์ แคโรไลนา ในฐานะตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งพรรคเดโมแครตปลายปีนี้สามารถหวนกลับมาเป็นประธานาธิบดีได้อีกรอบ โอกาสทุกสิ่งทุกอย่างจะ “แตกดังโพละ” เกิดความฉีกขาด กระจัดกระจายประมาณ “เต้าหู้ตกโต๊ะ” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
เพราะการ “แบ่งขั้ว-แบ่งข้าง” ของการเมืองสหรัฐฯ นั้น ต้องเรียกว่า...ออกจะหนักหนา-สาหัสยิ่งกว่าพวก “เสื้อเหลือง-เสื้อแดง” บ้านเราไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า หรืออย่างที่ “นายTarik Cyril” แกหยิบเอางานวิจัยของนักรัฐศาสตร์อเมริกันด้วยกันเองที่ระบุไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 ประมาณว่าไม่ว่าฝ่ายเดโมแครตหรือรีพับลิกันต่าง “เกลียดกันเป็นขี้” หนักที่สุดในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาหรือทำให้นักรัฐศาสตร์บางรายที่เคยร่วมงานกับ “CIA” อย่าง “Barbara F. Walter” ถึงกับสามารถวาดภาพวาดจินตนาการต่อการยกระดับของ “สงครามกลางเมือง” ในอเมริกาไว้อย่างชัดเจน ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อบรรดาความเกลียดเหล่านี้มันเกิดขึ้นและดำรงคงอยู่ ในประเทศที่มีจำนวนประชากร 333 ล้านคน แต่ดัน “พกปืน” หรือต่างฝ่ายต่างครอบครองอาวุธปืนไม่ต่ำกว่า 339 ล้านกระบอก โอกาสที่ต่างฝ่ายต่างลากปืนผา หน้าไม้ ออกมาสาดใส่ซึ่งกันและกัน หนักเสียยิ่งกว่าพวกฮูตี พวกนักรบชีอะห์ในอิรัก ซีเรีย สาดจรวด สาดโดรนใส่ทหารอเมริกัน ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ยากส์ส์ส์...
เพราะอย่างน้อยเหตุการณ์ “บุกรัฐสภา” ของพวกขวาจัดเมื่อช่วงวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2021 หรือเหตุการณ์ปะทะระหว่างพวกขวาจัดแห่งพรรครีพับลิกันกับพวกซ้ายตกขอบแห่งพรรคเดโมแครตก็ปรากฏให้เห็นมาเป็นระยะครั้งแล้ว ครั้งเล่า ยิ่งถ้า “ตัวแทน” ของพวกขวาจัด หรือคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” ถูกการเมืองเล่นงานชนิดแทบไม่เหลือทางออกใดๆ ให้กับ “สุนัขจนตรอก” เอาเลยแม้แต่น้อย แถมไม่อาจ “ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา” แบบบ้านเราที่อาจพอช่วยลดแรงกด แรงดันได้มั่ง ชัยชนะของเดโมแครต หรือของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่ปัจจุบันยังมีคะแนนตามหลังวิ่งดมฝุ่น “ทรัมป์บ้า” อยู่ที่ 49 ต่อ 45 เปอร์เซ็นต์ ย่อมยิ่งเป็นอะไรที่ขัดหู-ขัดตาบรรดาอเมริกันชน ที่นับวันแทบไม่อยากจะเสียเวลากับ “ประชาธิปไตยอเมริกัน” อันมี “Deep State” คอยควบคุม กำกับ ในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณีไป...
อีกทั้งการที่ผู้ว่าการรัฐถึง 25 มลรัฐจากพรรครีพับลิกัน...กล้าออกมายืนเคียงบ่า-เคียงไหล่ กับผู้ว่าการรัฐเท็กซัส อย่างชนิดถึงไหน-ก็ถึงกัน ยิ่งทำให้โอกาสสถานการณ์บานปลายไปถึงขั้น “แตกดังโพละ” ยิ่งมีความเป็นไปได้มากขึ้นไปเท่านั้น ถ้าหากรัฐบาลยังคงเป็นพรรคเดโมแครตอีกต่อไป แต่ถึงแม้รีพับลิกันจะเป็นฝ่ายชนะก็เถอะ!!! ก็ใช่ว่าบรรดาอเมริกันชนทั้งหลายจะหมดทุกข์ หมดโศรก หมดโรค หมดภัย เพราะประการแรก...บรรดา “หนี้สิน” ที่รัฐบาลอเมริกันในแต่ละยุค แต่ละสมัย สร้างสมเอาไว้จนพองโตใกล้ระเบิด หรือปาเข้าไปถึง 34 ล้านล้านดอลลาร์ ชนิด “เกิดมาเป็นสุธีสามสี่ชาติ” ก็ยังใช้ไม่หมดย่อมทำให้โอกาสที่ “เศรษฐกิจอเมริกา” จะผงาดเป็นอันดับ 1 ต่อไปตลอดชั่วนิรันดร์กาล ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ ความจำเป็นที่จะต้อง “เตะตัดขา” มหาอำนาจคู่แข่งอย่างคุณพี่จีน ไม่ก็อาจ “พาดก้านคอ” เอาเลยก็เป็นได้ เช่นการคิดจะเก็บภาษีสินค้าจีนระดับ 50-60 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เคยเกิด “สงครามการค้า” ในยุค “ทรัมป์บ้า” ย่อมเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย...
แต่ที่ยิ่งน่าหวาดหวั่น ขวัญสยอง น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ถ้าหากพรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ก็คงหนีไม่พ้นไปจากบรรดาพวก “พรมเช็ดเท้า” ทั้งหลายในยุโรปนั่นเอง!!! เพราะโอกาสที่จะถูกอเมริกา “ถีบทิ้ง” ชนิด “NATO” ทั้งแผงพังพินาศย่อยยับเอาง่ายๆ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรืออย่างที่ “นายMark Esper” อดีตรัฐมนตรีกลาโหมยุค “ทรัมป์บ้า” ได้บอกกับสำนักข่าว “MSNBC” เอาไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้เอง ว่าถ้าหาก “นายเก่า” ของตัวเองมีโอกาสผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีรอบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน หรือ “NATO” ทั้ง “NATO” มีสิทธิ์ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีสูงเอามากๆ หรืออาจเกิดการ “ถอนตัว” จาก “NATO” อันส่งผลให้บรรดาพวกผู้นำอียู-อีย้วยทั้งหลาย ออกอาการขนหัวลุก-ขนคอตั้ง ดังที่สื่ออเมริกันอย่าง “The New York Times” ต้องหยิบมารายงานเป็นข่าวคราวเมื่อไม่นานมานี้...
หรือถ้าหากไม่ถึงกับถอนตัว...แต่การเรียกร้อง กดดัน ให้บรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายต้อง “จ่ายเพิ่ม” ต่องบประมาณทหารไม่ว่าจะอีก 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ 3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีก็แล้วแต่ ย่อมต้องทำให้ “เศรษฐกิจยุโรป” ที่กำลังตายซากหรือถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตอยู่แล้ว ยิ่งมีแต่ต้อง “ตาย...กับ...ตาย” ลูกเดียวเท่านั้นเอง โอกาสที่จะรอไปอีก 5 ปีในการตระเตรียมกำลังเพื่อสู้กับรัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึงต่อไปอีกแล้ว ถึงจะแน่วแน่ มั่นคง ในการซ้อมรบแบบ “Steadfast Defender 2024” ไปถึงขั้นไหน แต่ถ้าหากประธานาธิบดีอเมริกันดันกลายเป็น “ทรัมป์บ้า” ขึ้นมาเมื่อไหร่??? ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมต้อง “ช้อย...เก็บฉาก!!!” พังพินาศไปทั่วทั้ง “NATO” เอาเลยก็เป็นได้ หรืออาจส่งผลให้องค์กรพันธมิตรทางทหารแห่งแอตแลนติกเหนือ ที่พ้นยุค-พ้นสมัยมานานแล้ว ย่อมมีแต่ต้องตกเวทีประวัติศาสตร์จนหาแม้แต่เวทีรำวงยังไม่เจอเอาง่ายๆ...
และนั่นย่อมทำให้บรรดาพวกนักการเมืองประเภท “เสรีนิยมใหม่” ที่ดำรงฐานะเป็นรัฐบาลประเทศต่างๆ ในยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน ย่อมมีสิทธิ์พ่ายแพ้ต่อบรรดานักการเมืองประเภท “ขวาจัด” ทั้งหลาย หรือบรรดาพวก “ทรัมป์ 2-ทรัมป์ 3” หรือทรัมป์เท่าไหร่ก็แล้วแต่ จนไม่เหลือเชื้อ เหลือหน่อ เอาไว้เลย อันถือเป็นการปิดฉากและปิดกล่องของ “ประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานตะวันตก ที่มุ่งจะควบคุม บังคับ ให้ประชาธิปไตยทั่วทั้งโลกต้องเป็นไปตามตัวเอง ตามมาตรฐานของตัวเองจนเกิดการกดดัน แทรกแซง หรือกระทั่งปฏิวัติ-โค่นล้มใครก็ตาม ที่ไม่ได้เป็นเหมือน “ตัวกูเอง” แม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม หรือประเทศ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ของหมู่เฮาก็เถอะ การต่อสู้ เอาชนะคะคาน หักล้าง โค่นล้ม ต่อ “ศัตรูที่แท้จริง” ในระบบการเมือง-เศรษฐกิจ ของประเทศจักรวรรดินิยมยุคใหม่อย่างอเมริกา เลยกลายเป็นสิ่งที่น่าจับตาแบบมิอาจกะพริบตา ยิ่งกว่าการถล่มพวกกองกำลังเล็กๆ อย่างพวกนักรบฮูตี เฮซบอลเลาะห์ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งหัวขบวนอย่างอิหร่านเป็นไหนๆ...