xs
xsm
sm
md
lg

การแก้แค้นของอเมริกา“เสือล้างสิงห์”หรือ“ลิงล้างก้น”???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



จะออกไปทาง “เสือล้างสิงห์!!!” หรือหนักไปทาง “ลิงล้างก้น!!!”...คงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก” กันเอาเอง สำหรับปฏิบัติการล้างแค้น-เอาคืนของคุณพ่ออเมริกาใน “แนวรบตะวันออกกลาง” เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 ก.พ.) ตามเวลากรุงแบกแดด ด้วยการส่งเครื่องบินโจมตีออกไปถล่มเป้าหมาย 85 แห่งของบรรดาเครือข่ายกองกำลังสนับสนุนอิหร่านในพื้นที่ประเทศซีเรียและอิรัก โดยไม่ถึงกับคิด “เปิดศึกโดยตรง” กับศัตรูคู่กัด-คู่อาฆาตอย่างอิหร่าน ที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีฐานทัพอเมริกันไม่น้อยกว่า 160 ครั้ง นับจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสได้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว...

คืองานนี้...คงต้องยอมรับว่าไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ต่างไม่ปรารถนาและต้องการที่จะ “ขยายวงความขัดแย้ง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง ยกเว้นผู้นำอิสราเอลอย่างนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” รายเดียวเท่านั้น ที่พยายามชัก พยายามลากใครต่อใครให้เข้ามาพัวพันกับความขัดแย้ง จนแทบกลายเป็น “War of Netanyahu” ไปแล้วก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละในเมื่อสงครามดังกล่าว มันเริ่มต้นด้วย “ความพ่ายแพ้ทางการเมือง” แต่เริ่มแรก โอกาสที่จะขยายเขต ขยายวง ชักลากใครต่อใครมาร่วม “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ในตะวันออกกลาง เพื่อให้ตัวเองสามารถอยู่ยาวว์ว์ว์ในตำแหน่งนายกฯ อิสราเอลได้ต่อไป มันเลยออกจะติดๆ ขัดๆ ยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ “ICJ” (International Court of Justice) ได้ออกมาวินิจฉัย ชี้ขาด ถึงความเกี่ยวข้อง พัวพันกับข้อหา “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ของกองทัพอิสราเอลต่อบรรดาชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซาอย่างเป็นที่ชัดเจน และรัฐมนตรีต่างประเทศแอฟริกาใต้ที่เป็นโจทก์ฟ้องร้องรัฐบาลอิสราเอล อย่าง “นางNaledi Pandor” ได้ออกมาแปลความ ขยายความ เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) ถือเป็นข้อสรุป สิ้นสุด ยุติ ว่าบรรดาประเทศต่างๆ ทั่วทั้งโลก ควรที่ต้อง “เลิก” อุ้มชูฟูมฟัก อุดหนุนและช่วยเหลือรัฐบาลอิสราเอลอีกต่อไป แม้แต่รัฐบาลอเมริกันที่ยังคง “ดื้อตาใส” ส่งอาวุธ ส่งความช่วยเหลือให้กับพวกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนตราบเท่าทุกวันนี้...

อีกทั้ง “ศัตรูตัวจริง” ของคุณพ่ออเมริกา...คงไม่ใช่คู่กัด-คู่อาฆาตอย่างอิหร่าน หรือแม้กระทั่งกลุ่มกองกำลังเล็กๆ อย่างพวกนักรบฮูตีแห่งเยเมนมากมายสักเท่าไหร่นัก แต่น่าจะเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสอย่าง “นายGreg Abbot” นั่นแหละมากกว่าที่โผล่ขึ้นมาประจันหน้า เผชิญหน้ากับรัฐบาลกลางแห่งพรรคเดโมแครต ใน “วิกฤตชายแดนเม็กซิโก” ชนิดอาจถึงขั้นก่อให้เกิดการปะทะ การปะ-ฉะ-ดะ ระหว่างทหารอเมริกันกับกองกำลัง “The Texas National Guard” เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แถมถ้าคิดหันมา “เปิดศึกโดยตรง” กับอิหร่าน โอกาส “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” หรือ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะแค่เจอพวกนักรบฮูตีแถวๆ ช่องแคบ “Bab al-Mandab” ในทะเลแดง แค่นี้ก็...ตายแล้ว!!! ต้องวิ่งแจ้นไปหาเผด็จการมหาอำนาจคู่แข่งอย่างคุณพี่จีนให้เข้ามาช่วยบรรเทาเบาบาง ความทุกข์ความเดือดร้อน แต่ถ้าลองต้องเจอกับการปิดด่านปิดช่องแคบ “Hormuz” ขึ้นมาเมื่อไหร่!!! ไม่เจ๊งวันนี้ ไม่ฉิบหายวันนี้ ก็คงไม่มีวันไหนๆ ต่อไปอีกแล้ว...

ยิ่งเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา...นักวิเคราะห์ของ “Moody’s Analytics” เขาเพิ่งเผยแพร่รายงานการคาดการณ์ ทำนายถึงระดับ “ราคาพลังงาน” กับ “การเลือกตั้งประธานาธิบดี” ในสหรัฐฯ ไปหมาดๆ ด้วยการชี้ให้เห็นว่ามีความเกี่ยวข้อง พัวพัน อย่างมิอาจแยกออกไปจากกันได้ง่ายๆ คือจากที่รัฐบาลไบเดนเคยดึงราคาน้ำมัน ประมาณ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในช่วงปี ค.ศ. 2022 ลงมาเหลือ 3 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในช่วง ณ ขณะนี้ แต่แนวโน้มที่ราคาน้ำมันในอเมริกาจะขึ้นไปเป็น 3.5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ในช่วงจังหวะเลือกตั้งประธานาธิบดีพอดิบ พอดี อาจส่งผลให้คะแนนนิยมของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” หัวทิ่ม หัวตำยิ่งไปกว่านี้ หรือถ้าขึ้นไปถึง 4 ดอลลาร์ต่อแกลลอนขึ้นมาเมื่อไหร่ ย่อมสามารถฟันธง-ฟันเฟิร์มได้ทันที ว่ายังไงๆ...ย่อมต้อง “เสร็จทรัมป์บ้า” หรือย่อมส่งผลให้คู่แข่ง คู่ชิงพรรครีพับลิกัน สามารถ “นอนมา” โดยไม่ต้องมี “พระ” สวดนำหน้าแต่อย่างใด...

ดังนั้น...การคิดจะ “เปิดศึกโดยตรง” กับอิหร่าน ที่มีบทบาท อิทธิพล ครอบงำช่องแคบ “Hormuz” อันเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันระดับ 1 ใน 5 ของโลก มันจึงย่อมต้องส่งผลให้มีแต่ “แพ้...กับ...แพ้” หรือ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ เพราะแค่ช่วงระหว่างนี้...ถ้าว่ากันตามโพลของ “CNN” หรือของ “SSRS” คราวล่าสุด คะแนนนิยมของคู่แข่ง คู่ชิง หรือของ “ศัตรูตัวจริง” อย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ปาเข้าไปถึง 49 เปอร์เซ็นต์ แซงหน้า แซงโค้ง คุณปู่ “โจ ซึมเซา” แถวๆ โค้งวัดเบญฯ ที่ไล่ตามมาเพียงแค่ 45 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง การคิดจะไล่ทุบ ไล่กระทืบอิหร่าน อันอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันในอเมริกาพุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา เลยจาก 4 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ไปถึงไหนต่อถึงไหนก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ จึงกลายเป็นตัวกดดันโดยตรงและโดยอ้อม ให้ “เสือล้างสิงห์” ต้องหันมา “ลิงล้างก้น” กันแทนที่ ด้วยประการละฉะนี้...แล!!!

แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับอิหร่านและบรรดาพวก “เครือข่าย” อิหร่านทั้งหลาย ก็คงไม่ได้คิด “ขยายวง” ความขัดแย้งหรือขยายขอบเขตสงครามมากมายเกินไปกว่านี้ เพราะโดยจุดมุ่งหมายระดับพื้นฐานของพวก “Axis of Resistance” หรือ “Islamic Resistance” ก็คือความมุ่งหวังและต้องการที่จะหยุดยั้งการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซานั่นแหละเป็นเบื้องแรก อันเป็นความมุ่งหวัง ต้องการ ที่ไม่ต่างอะไรไปจากบรรดาประเทศ 153 ประเทศในสหประชาชาติ หรือ 120 ประเทศในการประชุมกลุ่มผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเมื่อเร็วๆ นี้นั่นเอง แม้ว่าพวกนักรบฮูตีจะยังคงสาดจรวด สาดโดรน เข้าใส่เรือรบและเรือสินค้าในทะเลแดง แต่ถ้าหากการเข่นฆ่า ล้างผลาญ ชาวปาเลสไตน์หยุดลงไปเมื่อไหร่ โอกาสที่บรรดานักรบเหล่านี้จะหันกลับมาสร้างบ้านแปงเมือง หาจุดลงตัวในการสร้าง “เสถียรภาพ” ทางการเมืองภายในประเทศ อันเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับบรรยากาศการหันมาคืนดีกันและกัน ระหว่างพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างอิหร่านและซาอุฯ โดย “ตัวกลาง” อย่างจีน ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

เช่นเดียวกับพวก “Hezbollah” ในเลบานอน...ที่โดยแรงกดดันทางเศรษฐกิจทำให้บรรดากลุ่มการเมืองทั้งหลายไม่ได้คิดจะแปรสภาพบ้านเมืองตัวเองให้กลายเป็นสนามรบเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ด้วยเพราะ “เหตุปัจจัย” อันเนื่องมาจากการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์โดย “สงครามของ Netanyahu” นั่นเอง ที่ทำให้กลุ่มนักรบเหล่านี้มิอาจ “เอามือซุกหีบ” ได้ต่อไปแม้แต่กลุ่ม “Kataib Hezbollah” ในอิรักก็เถอะ การออกมาประกาศที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรักเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงจิต-เจตนาของกลุ่มนักรบเหล่านี้ได้พอสมควร เพราะโดยกระบวนการ “เจรจา” ที่จะให้ถอนทหารอเมริกันออกไปจากอิรัก โดยตัวแทนรัฐบาลอิรักกับตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน ก็กำลังเข้าสู่จุดเริ่มต้น โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาไปสาดจรวด สาดโดรน แต่อย่างใด...

ส่วนหัวหน้าเครือข่ายอย่างอิหร่านนั้น...ด้วยบทบาท ความสัมพันธ์ ที่ใกล้ชิด ติดพันกับ “มหาอำนาจคู่แข่งอเมริกา” อย่างคุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซียยิ่งขึ้นเรื่อยๆ น่าจะมีส่วนทำให้พี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางรายนี้ เกิด “รสนิยม” ที่จะหันไปเล่น “หมากล้อม” แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับ “หมากรุก” ล้วนๆ แม้ว่า “เป้าหมาย” ของการล้างแค้น-เอาคืนต่อกรณีการลอบสังหารนายพลอิหร่าน อย่าง “พลเอกQasem Soleimani” เมื่อปี ค.ศ. 2020 ถูกประกาศเอาไว้ว่า...จะไม่ยอมให้ “ทหารอเมริกัน” แม้แต่คนเดียวอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกต่อไป แต่ในภาวะที่มหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกรายนี้ใกล้จะ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าจะมองดูจาก “แนวรบ” ด้านไหนต่อด้านไหน เลยแทบไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องไปทุ่มเทเรี่ยวแรงขับไล่ไสส่งให้มากเรื่อง มากความ ไล่มาตั้งแต่ “แนวรบยุโรปตะวันออก” ก็ดันแพ้รัสเซีย “แนวรบทะเลจีนใต้” ก็ได้แต่เป็นแค่อีแอบ ส่วน “แนวรบตะวันออกกลาง” เห็นว่าด้วยการเจรจาที่กรุงปารีสโดย “ตัวกลาง” อย่างกาตาร์และอียิปต์ อาจบรรลุข้อตกลง “หยุดยิง” ระหว่างอิสราเอล-ฮามาสในอีกไม่นานนับจากนี้ หรืออาจทำให้ “สงครามของ Netanyahu” เดินต่อไปไม่ได้อีกแล้วดังนั้น...สู้ปล่อยให้คุณปู่ “โจ ซึมเซา” ไปสู้กับ “ศัตรูตัวจริง” อย่าง “ทรัมป์บ้า” หรือผู้ว่าการ “Greg Abbot” จนอาจต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปเพราะ “คำสาปพิฆาต” ที่ย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง น่าจะ “เข้าท่า” กว่าเป็นไหนๆ...


กำลังโหลดความคิดเห็น